.....ชายผู้หนึ่งได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว บังเกิดความศรัทธาเลื่อมใส
จึงขออนุญาตภรรยาบวชในพระพุทธศาสนา ฝ่ายภรรยาก็อนุญาตแม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม
.....เมื่อชายผู้นี้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว นางผู้เป็นภรรยาก็มักนำอาหารที่ท่านเคยชอบ
มาถวายอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้นทุกครั้งที่ไปหาพระภิกษุอดีตสามี นางจะแต่งตัวงดงาม
ทั้งยังนำเรื่องครอบครัวมาพูดให้ท่านฟังเป็นประจำ ทำให้ภิกษุนั้นกระวนกระวายใจ
ห่วงหาอาลัยใคร่จะสึกกลับไปครองเรือนตามเดิม
.....เมื่อพระบรมศาสดาทรงทราบถึงความรู้สึกของพระภิกษุรูปนี้ จึงตรัสถาม
ท่านก็ยอมรับแต่โดยดี พระพุทธองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระกรุณาธิคุณ
ปรารถนาจะเตือนสติพระภิกษุนั้นให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะหวนกลับไปเวียนว่าย
อยู่ในกองทุกข์อีก จึงทรงระลึกชาติแต่หนหลังของพระภิกษุรูปนี้ด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
พระพุทธองค์จึงตรัส มัจฉาชาดก ดังนี้
.....๑. ผู้ตกอยู่ในอำนาจของความรัก มักใช้เวลาส่วนใหญ่หมกหมุ่นครุ่นคิดถึงแต่ความรัก
จนจิตใจฟุ้งซ่านไม่เป็นสมาธิ หากเกิดแก่ผู้ที่อยู่ในวัยเรียน การเรียนจะตกต่ำลง
เพราะสมาธิในการเรียนเสียไป
.....๒. คนที่กำลังจะตาย หากยังมีใจเร่าร้อนและหมกมุ่นอยู่กับความโลภ โกรธ และหลง เมื่อละโลกไปแล้ว อำนาจบาปนั้นจะชักนำให้ไปสู่นรก
......เมื่อการเกิดเป็นคนนี้แสนยาก ดังนั้น ก่อนจะตายพึงรู้จักทำใจให้ดี
เพื่อเตรียมตัวตาย ไม่ควรทำจิตใจให้ขุ่นมัวเศร้าหมองเป็นอันขาด
มิฉะนั้น จะตกนรกหรือไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานอย่างน่าเสียดาย
วิธีเตรียมตัวตายที่ดีที่สุด ได้แก่ การฝึกสมาธิให้มากๆ ใจจะได้ผ่องใส
ตายเมื่อไรก็ไปดีเมื่อนั้น ......
|