......ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล
มีพระหลวงตาสองรูปชื่อ พระกาฬะ และพระชุณหะ
ทั้งสองรูปตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดอยู่ในป่าแห่งหนึ่งในเขตชนบท
แคว้นโกศล อย่างไรก็ดี พระทั้งสองรูปยังติดนิสัยตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส
มาคนละอย่างคือ พระชุณหะชมชอบความงามของพระจันทร์เต็มดวงข้างขึ้น
ส่วนพระกาฬะชอบมองหมู่ดาวที่ส่องแสงระยิบระยับจับตาในคืนข้างแรม
.....วันหนึ่ง พระหลวงตาทั้งสองได้มาพบปะสนทนากันถึงเรื่องลมฟ้าอากาศ
พระชุณหะจึงถามพระกาฬะขึ้นว่า "
ท่านรู้หรือไม่ว่า คืนไหนอากาศจะหนาวจัด
?
" พระกาฬะตอบทันทีว่า "
คืนข้างแรมสิ! เราสังเกตมานานแล้ว
พบว่าถ้าคืนไหน
เป็นคืนข้างแรม คืนนั้นอากาศจะหนาวจัดทุกที
" พระชุณหะได้ฟังดังนั้นจึงแย้งว่า
" เราก็อยู่ป่ามานาน แต่สังเกตเห็นว่า
อากาศหนาวจัดในคืนข้างขึ้นต่างหาก
"
.....หลวงตาทั้งสองโต้เถียงกันด้วยเรื่องนี้เป็นเวลานาน
แต่ไม่อาจจะหาข้อยุติได้
ในที่สุดจึงชวนกันออกเดินทางไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อให้พระพุทธองค์ตัดสินให้
.....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำริว่า
พระภิกษุสองรูปนี้อุตส่าห์เดินทางไกลเป็นเวลา
แรมเดือนข้ามเขตแดนชนบทน้อยใหญ่มายังนครสาวัตถี
เพียงเพื่อให้พระองค์ตัดสิน
ปัญหาอันไม่เป็นสาระ ด้วยต่างฝ่ายต่างถือทิฐิมานะเข้าหากัน
หลงยึดมั่นแต่
ความคิดเห็นของตนโดยไม่พิจารณาถึงสาเหตุที่แท้จริง
เช่นนี้จึงทรงระลึกชาติ
ด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า
....." ดูก่อนภิกษุ เมื่อชาติก่อนโน้น
เราก็ตอบปัญหานี้แก่เธอทั้งสองแล้ว
แต่เธอจำไม่ได้จึงต้องย้อนมาถามปัญหาเดิมซ้ำอีก
" พระหลวงตาทั้งสอง
รู้สึกแปลกใจ จึงกราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องราวในอดีตชาติ
ของตนให้ฟัง พระพุทธองค์จึงทรงแสดง
มาลุตชาดก มีเนื้อความดังนี้