|
อุจฉังคชาดก |
|
|
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก :: |
.....สมัยพุทธกาล ณ แคว้นโกศล มีโจรกลุ่มหนึ่งปล้นสะดมชาวบ้านแล้วหนีไป
ชาวบ้านจึงพากันหาโจรจนมาถึงหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง พบชาย
๓ คนกำลังไถนาอยู่ จึงคิดว่าเป็นโจรปลอมเป็นชาวนา
จึงจับกุมทุบตีแล้วคุมตัวมาถวายพระเจ้าโกศล
.....ต่อมา ได้มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินร้องให้รำพันรอบๆ
พระราชวัง ขอพระราชทานเครื่องนุ่งห่ม ความทราบถึงพระเจ้าโกศล
พระองค์มีรับสั่งให้นำผ้าสาฎกไปมอบให้แก่นาง แต่นางกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้นและกล่าว
ขอพระราชทานเครื่องนุ่งห่ม คือสามี
.....ราชบุรุษจึงนำนางไปเข้าเฝ้า พระเจ้าโกศลได้ทรงซักถาม
นางจึงว่า สามีชื่อว่าเครื่องนุ่งห่มของหญิง เมื่อไม่มีสามี
แม้จะนุ่งห่มผ้าราคาตั้ง ๑,๐๐๐ กษาปณ์ ก็ชื่อว่าหญิงเปลือยอยู่นั่นเอง
แม่น้ำไม่มีน้ำ ชื่อว่าเปลือย แว่นแคว้นไม่มีราชา ชื่อว่าเปลือย
หญิงปราศจากสามี ถึงจะมีพี่น้องตั้ง ๑๐ คน ก็ชื่อว่าเปลือย
.....พระเจ้าโกศลเกิดเลื่อมใสจึงตรัสคืนชายหนึ่งคนให้ นางจึงขอพี่ชายและให้เหตุผลว่า
ถ้ายังมีชีวิตย่อมหาสามีใหม่และมีบุตรใหม่ได้ แต่บิดามารดาได้สิ้นชีวิตไปแล้ว
ไม่อาจจะมีพี่ชายได้อีก พระเจ้าโกศลเห็นความฉลาดของนางจึงโปรดไว้ชีวิตชายทั้งสาม
.....เรื่องดังกล่าวเลื่องลือแม้กระทั่งในหมู่ภิกษุ ความทราบถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์ทรงระลึกชาติหนหลังด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสเล่า อุจฉังคชาดก
.....๑. ผู้ที่มีหน้าที่ปราบปราม นำคนผิดมาลงโทษ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
อย่าจับคนด้วยเพียงการคาดคะเน เพราะการลงโทษคนบริสุทธิ์เป็นบาปอย่างยิ่ง
การปล่อยคนผิดไป ๑๐๐ คน ยังดีกว่าการลงโทษคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว
.....๒. คนเราควรหาโอกาส ตอบแทนคุณ ของผู้ที่มีพระคุณต่อเราอยู่เสมอ
.....๓. ผู้ที่รู้บุญคุณและตอบแทนบุญคุณ ย่อมไม่ถึงความตกต่ำอย่างแน่นอน
.....๔. ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในหลักธรรม แม้ความตายมาถึงตัว
ก็มีสติตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว สามารถเผชิญความตายโดยอาจหาญ
ย่อมเป็นผู้ที่ ประสบสุขได้แม้ในยามทุกข์
.....๕. พี่น้องกันนั้น ฆ่ากันไม่ตาย ขายกันไม่หมด แม้จะมีเรื่องผิดใจกันอย่างไร
แต่เมื่อมีเรื่องเดือดร้อน ย่อมพึ่งพากันได้ |