หน้าแรกกัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร สื่อธรรมะ กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร

 

 

 

 

 

 






ภาพ  ป๋องแป๋ง
ลงสี  ปูเป้

  ในอดีตกาลนานมาแล้ว
ตั้งแต่ยุคต้นกัป สิ่งแวดล้อม
ยังไม่มีพิษ พื้นโลกอุดม
ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร
นานาชนิด ผลไม้มีรดชาด
อันโอชะ ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
ผืนดินอุดมไปด้วยแร่ธาตุ
เหมาะแก่การเจริญเติบโต
ของพืชพันธุ์ทั้งมีกลิ่นหอม
อีกด้วย

นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
น้ำในลำธารก็ใสเต็มเปี่ยม สะพรั่งไปด้วยดอกบัว
และหมู่ปลานานาชนิด บนท้องฟ้าผีเสื้อและหมู่นก
ก็เริ่งร่าอยู่ด้วยความผาสุข

ในสภาพเช่นนี้ มนุษย์ไม่ต่างกับเทวดาบนพื้นดิน มีแต่ความ
ปรารถนาดีต่อกัน อายุของมนุษย์จึงยืนยาวถึง ๒๕๒,๐๐๐ ปี
ทุกข์ที่คนยุคนั้นรู้จักมีเพียงการขับถ่ายและความตายเท่านั้น

นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
  ในครั้งนั้น มีพระราชาอยู่พระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระเจ้ามฆเทวะ ทรงปกครองกรุงมิถิลา ในแคว้นวิเทหรัฐ
โดยทศพิธราชธรรม บ้านเมืองเปี่ยมด้วยความสุขเสมอมา ประชาชนทั้งหลายต่างรักและเคารพพระองค์ยิ่งนัก
  พระเจ้ามฆเทวะ มิได้หลงเพลิดเพลินอยู่แต่ความสุขสบาย
จากราชสมบัติ ทรงระลึกอยู่เสมอว่าความตายจะต้องมาเยือน พระองค์สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
  วันหนึ่ง ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ตามลำพัง ณ พระราชอุทยาน ทอดพระเนตรเห็นมวลบุปผชาติ บ้างยังตูมเต่ง บ้างเบ่งบาน บ้างก็แห้งเหี่ยวร่วงโรยไปตามกาลเวลา พระองค์ทรงเห็นความจริงในธรรมชาติเหล่านั้น
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
พระองค์จึงรีบสั่งให้ช่างกัลบกประจำพระองค์มาเข้าเฝ้า สั่งให้คอยสังเกตดูพระเกศาของพระองค์
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
ต่อมาอีกนานนับปี วันหนึ่งช่างกัลบกได้สังเกตุเห็นพระเกศาเส้นหนึ่งหงอกแซมอยู่บนพระเศียรของพระราชา
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท

  พระเจ้ามฆเทวะ มีรับสั่ง
ให้ประชุมเหล่าอำมาตย์
และข้าราชบริพาร
  จากนั้นพระองค์ได้แจ้ง
ถึงการตัดสินพระทัยเสด็จ
ออกบรรพชา

นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
  จากนั้น พระเจ้ามฆเทวะได้พระราชทานบำเหน็จรางวัลให้แก่กัลบกผู้นั้น แล้วมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสปกครอง แทนพระองค์สืบไป พระองค์ไปผนวชเป็นฤาษี ณ พระราชอุทยาน มฆเทวอัมพวัน กรุงมิถิลา แคว้นวิเทหรัฐนั้น ทรงเจริญ
พรหมวิหารสี่ตลอด ๘๔,๐๐๐ ปี เมื่อเสด็จสวรรคตแล้ว ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก
นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท นิทานชาดก_ความไม่ประมาท
Copyright © Dhammakaya Foundation. All rights reserved.
 
จบ
 
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ  



 
มฆเทวชาดก
 
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::

....ในสมัยพุทธกาล ณ เชตวันมหาวิหาร พระภิกษุกลุ่มหนึ่งนั่งประชุมสนทนากันที่ธรรมสภาถึงการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จออกบรรพชา ว่าพระองค์ทรงเป็นถึงมกุฎราชกุมารแห่งศากยวงศ์อันยิ่งใหญ่ พรั่งพร้อมด้วยเครื่องบำรุงบำเรอความสุขอันประณีตวิเศษอย่างที่มิอาจจะหาผู้ใดมา เทียบเทียมได้ แต่เมื่อพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะเท่านั้นก็ทรงได้สติ เห็นภัยในวัฏสงสาร หมดอาลัยในโลกียสุข ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติที่กำลังจะมาถึง เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ เพื่อบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ นำชาวโลกทั้งปวงไปสู่ความพ้นทุกข์

.....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมายังธรรมสภา ครั้นทรงทราบเรื่องที่พระภิกษุกลุ่มนั้นสนทนาแล้ว จึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสเล่า มฆเทวชาดก

 
:: ข้อคิดจากชาดก ::
 

.....๑. กาลเวลา ไม่เพียงแต่ผ่านไปเท่านั้น แต่ยังได้กลืนชีวิตของมนุษย์ไปด้วย

.....๒. เครื่องสำอาง สิ่งย้อมผ้า เครื่องประดับประดาทั้งหลาย ที่นำมาอำพรางความเสื่อมไปของสังขาร ย่อมทำให้ผู้ใช้หลง ประมาท และมัวเมาในความมีชีวิต เพราะสิ่งเหล่านี้ จะไปปิดบังเทวทูตคือความแก่ ที่มาเตือนให้รู้ว่าถึงเวลาที่จะเร่งทำความดีเพื่อเตรียมตัวตายให้พร้อมไว้ได้แล้ว

.....นับแต่โบราณ บัณฑิตทั้งหลายจึงนิยมรักษาอุโบสถศีล (ศีล ๘) ทุกๆ วันพระ งดการละเล่น การประดับประดา ย้อมทาร่างกายด้วยเครื่องสำอางต่างๆ เพื่อดูเทวทูตที่ค่อยๆ มาเยือนตนให้ชัดเจน จะได้ไม่ประมาทในการทำความดี หากผู้ใดละเลยไม่รักษาอุโบสถศีล ก็ถูกจัดว่าเป็นคนพาลคนหลง เป็นบุคคลที่สังคมพึงรังเกียจ ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย

.....๓. ลักษณะของผู้มีสติไม่ประมาท ๑) ระแวงภัยที่น่าระแวง ๒) ป้องกันภัยนั้นก่อนที่จะมาถึง

 
 

Home  | นิทานชาดก