|
มฆเทวชาดก |
|
|
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก :: |
....ในสมัยพุทธกาล
ณ เชตวันมหาวิหาร พระภิกษุกลุ่มหนึ่งนั่งประชุมสนทนากันที่ธรรมสภาถึงการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จออกบรรพชา
ว่าพระองค์ทรงเป็นถึงมกุฎราชกุมารแห่งศากยวงศ์อันยิ่งใหญ่
พรั่งพร้อมด้วยเครื่องบำรุงบำเรอความสุขอันประณีตวิเศษอย่างที่มิอาจจะหาผู้ใดมา
เทียบเทียมได้
แต่เมื่อพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่
คนเจ็บ คนตาย และสมณะเท่านั้นก็ทรงได้สติ เห็นภัยในวัฏสงสาร
หมดอาลัยในโลกียสุข ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติที่กำลังจะมาถึง
เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ เพื่อบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ นำชาวโลกทั้งปวงไปสู่ความพ้นทุกข์
.....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมายังธรรมสภา ครั้นทรงทราบเรื่องที่พระภิกษุกลุ่มนั้นสนทนาแล้ว
จึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสเล่า มฆเทวชาดก
.....๑.
กาลเวลา ไม่เพียงแต่ผ่านไปเท่านั้น แต่ยังได้กลืนชีวิตของมนุษย์ไปด้วย
.....๒. เครื่องสำอาง สิ่งย้อมผ้า เครื่องประดับประดาทั้งหลาย
ที่นำมาอำพรางความเสื่อมไปของสังขาร ย่อมทำให้ผู้ใช้หลง
ประมาท และมัวเมาในความมีชีวิต เพราะสิ่งเหล่านี้ จะไปปิดบังเทวทูตคือความแก่
ที่มาเตือนให้รู้ว่าถึงเวลาที่จะเร่งทำความดีเพื่อเตรียมตัวตายให้พร้อมไว้ได้แล้ว
.....นับแต่โบราณ บัณฑิตทั้งหลายจึงนิยมรักษาอุโบสถศีล (ศีล
๘) ทุกๆ วันพระ งดการละเล่น การประดับประดา ย้อมทาร่างกายด้วยเครื่องสำอางต่างๆ
เพื่อดูเทวทูตที่ค่อยๆ มาเยือนตนให้ชัดเจน จะได้ไม่ประมาทในการทำความดี
หากผู้ใดละเลยไม่รักษาอุโบสถศีล ก็ถูกจัดว่าเป็นคนพาลคนหลง
เป็นบุคคลที่สังคมพึงรังเกียจ ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย
.....๓. ลักษณะของผู้มีสติไม่ประมาท ๑) ระแวงภัยที่น่าระแวง
๒) ป้องกันภัยนั้นก่อนที่จะมาถึง
|