|
สุขวิหารีชาดก |
|
|
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก :: |
.....หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชแล้ว
พระภัททิยะ พระอนุชา ได้เสด็จ
เสวยราชสมบัติกรุงกบิลพัสดุ์สืบต่อสันตติวงศ์
แวดล้อมอยู่ด้วยราชองครักษ์
ผู้ถวายอารักขาอย่างแน่นหนาและใกล้ชิด
แต่ยังพระปริวิตกต่อภยันตรายอันจะพึง
เกิดจากการประทุษร้ายอยู่เนืองนิจ
มิเคยมีความสงบและเป็นสุขเลย
....เมื่อออกผนวชในพระพุทธศาสนา
ได้บำเพ็ญเพียรจนหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์
พระเถระเดินทางภิกขาจารไปทุกหนทุกแห่งโดยลำพัง
แต่มีปีติและสุข ด้วยไม่ข้อง
อยู่กับอิสริยยศและอันตราย จึงเปล่าอุทาน
"สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ"
.....พระภิกษุทั้งหลายผ่านมาได้ยินเข้าจึงติเตียน
และไปกราบทูลให้พระพุทธองค์
ได้ทรงทราบ พระพุทธองค์ทรงระลึกชาติแต่หนหลัง
ด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
แล้วตรัสแก่พระภิกษุทั้งหลายว่า
...."ท่านภัททิยะมิได้เปล่งวาจาออกมา
เพราะอาลัยในราชสมบัติกรุงกบิลพัสดุ์
และก็มิใช่ต้องการอวดอ้างความเป็นพระอรหันต์
ดังที่พวกเธอทั้งหลายหลงเข้าใจหรอก
นี่คือปกตินิสัยที่ท่านมีมาแต่ชาติปางก่อน
.....พระภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลอาราธนาให้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าเรื่องราวให้ฟัง
....บุคคลแม้มีจิตใจใสสะอาด แต่กิริยามารยาทยังสำรวมระวังไม่พอก็อาจมีผู้เข้าใจผิด
คิดเป็นศัตรูได้ โบราณจึงเตือนว่า
" อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจา อยู่ท่ามกลางปวงประชา ให้ระวังทั้ง กาย วาจา ใจ "
|