หน้าแรกกัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร สื่อธรรมะ กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร

 

 

 

 

 

 






ภาพ  ป๋องแป๋ง
ลงสี  ปูเป้

  เมื่อครั้งอดีตกาลมี ีพญากวางตัวหนึ่งมี
บริวาร ๑,๐๐๐ ตัว
อยู่ใกล้ป่าแคว้นมคธ
พญากวางมีลูกตัวผู้
อยู่ ๒ ตัวคือ ลักขณะ
และกาฬะ

ต่อมาลูกกวางทั้ง ๒ ตัว ก็เติบโตเป็นกวางหนุ่ม กวางกาฬะนั้นเป็นกวางที่โง่เขลา และดื้อดึง
ส่วนกวางลักขณะ เป็นกวางที่เฉลียวฉลาด และอยู่ในโอวาทของพญากวางเสมอ
 

 หลังจากพญากวาง
ได้แบ่งบริวารให้
กวางกาฬะและกวาง
ลักขณะ ปกครอง
ตัวละ ๕๐๐ และได้
อบรมสั่งสอนถึงภัย
ที่จะเกิดขึ้นในรูป
แบบต่างๆ อย่าง
หมดสิ้น

  ฝูงสัตว์มักจะถูกล่าด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ ข้อแรก ในต้นฤดูฝน หญ้าเริ่มแตกใบอ่อน มนุษย์รู้ว่าสัตว์จะออกมาหากินกันมาก เพราะูก่อนหน้านั้นแห้งแล้ง สัตว์อดอยากมานาน จึงพากันออกมาหากินด้วยความคะนองไม่ระวังตัว จึงถูกล่าได้ง่าย
  ข้อ ๒ ในฤดูฝนพื้นดิน
เปียกแฉะ สัตว์เหยียบย่ำ ไปที่ใดก็จะเกิดรอยเท้า ชัดเจน จึงถูกล่าได้ง่าย

  ข้อสุดท้าย ต้นฤดูฝน ชาวนาเริ่มเพาะข้าวกล้า
เกรงว่าสัตว์มาเหยียบย่ำ
ทำลาย จึงป้องกันโดย
ออกล่าสัตว์มาเป็นอาหาร
เสียก่อน
   ในเวลากลางวัน
ให้พากันขึ้นไปอยู่ในป่า บนเชิงเขาอย่าอยู่บริเวณ
พื้นที่ราบ ถึงแม้จะมีหญ้า และน้ำอุดมสมบูรณ์ก็ตาม เพราะพื้นที่ราบยากแก่การ หลบหลีกและควบคุมฝูง
อีกทั้งมนุษย์ก็เห็นได้ง่าย
   เมื่อพญากวางให้คำ
แนะนำแก่ลูกทั้งสอง
จากนั้นได้พานางกวาง
แยกตัวออกไปอยู่กัน
ตามลำพังในป่า
   หลังจากที่พญากวางได้พานางกวางไปอยู่ในป่าแล้ว กวางกาฬะจึงเกิดลำพองใจ จึงได้พูดโอ้อวดต่อกวางลักขณะ ว่าตนจะนำบริวารทั้ง ๕๐๐ ตัว ไปกินหญ้าในตอนกลางวันหลังจากที่ผ่านพ้นฤดูข้าวกล้าแล้ว
   กวางกาฬะได้ชักชวน
บริวารทั้ง ๕๐๐ ตัว ลงไป กินหญ้าในตอนกลางวัน ถึงแม้ว่าจะมีการทักท้วง จากบริวาร แต่กวางกาฬะ กลับไม่ฟังคำทักท้วง
แต่อย่างใด
   เมื่อกวางกาฬะได้ยิน
บริวารทักท้วง แทนที่จะ รับฟัง กลับไม่พอใจ แล้ว พูดเหน็บแนมใส่บริวาร
  ในระหว่างที่กวางกาฬะ
นำบริวารไปเล็มหญ้ากัน
อย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น
มีชาวบ้านที่ออกล่าสัตว์
มาพบเห็นเข้าโดยบังเอิญ
   ชาวบ้านเห็นว่าฝูงกวาง
กำลังเล็มหญ้ากันอย่าง
ไม่ระวังตัว จึงยิงธนูใส่
  กวางที่โชคร้ายถูกลูก ธนูปักเข้าที่ร่างกาย
จึงร้องเสียงดังด้วยความ
เจ็บปวดและตกใจ
   

เมื่อบรรดาฝูงกวางได้ยิน
เสียงร้องของเพื่อนกวาง
ที่ถูกยิง ต่างพากันตกใจ
วิ่งหนีเข้าป่าไปอย่าง
ไม่คิดชีวิต พอฝูงกวางวิ่ง
เข้าป่ามาได้ไกลแล้ว
กวางกาฬะจึงได้บอกให้
้บริวารหยุดวิ่ง

   เมื่อกวางกาฬะได้ยิน
บริวารทักท้วง แทนที่จะ รับฟัง กลับไม่พอใจ แล้ว พูดเหน็บแนมใส่บริวาร
   กวางกาฬะยังอวดดี
ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน ของพญากวาง และคำ
ทักท้วงของบริวารเลย นึกจะพาบริวารออกไป
หากินตอนไหนก็พา
บริวารออกไป ที่ใดไม่ ่สมควรเข้าไปก็เข้าไป
ต่อมาไม่นานนักบริวาร ทั้ง ๕๐๐ ตัว ก็ถูกพวก ชาวบ้านฆ่าตายหมด
 ขณะที่บริวารถูกยิงตายบริเวณทุ่งหญ้า
กวางกาฬะอาศัยความชุลมุนหลบหนี
เข้าไปในป่า รอดตายอย่างหวุดหวิด
ในที่สุดจึงเหลือรอดมาเพียงตัวเดียว
   ส่วนทางด้านกวางลักขณะก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพญากวาง ถึงแม้บริวารกวางจะอ้อนวอนให้พาไปกินหญ้าตอนกลางวัน แต่กวาง
ลักขณะก็ไม่ใจอ่อนเพราะคำนึงถึงความปลอดภัย จึงได้บอกให้บริวาร รอจนกว่าจะถึงเที่ยงคืน
   พอถึงเที่ยงคืนก็พา
บริวารออกไปหาหญ้า แทะเล็ม พอบริวารกิน หญ้าจนอิ่มแล้ว ก็พา บริวารกลับ ถ้าหาก
ผ่านทางทุ่งนาของ
มนุษย์ ก็จะเลี่ยงไป
ทางอื่น
 กวางลักขณะพาบริวารออกหากินเฉพาะเวลาเที่ยงคืน ถึงอดอยากบ้างก็สู้ทน ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ส่วนเวลาอื่นก็จะ
อยู่ตามเชิงเขา เมื่อฤดูข้าวกล้าผ่านพ้นไป ภัยจากพวกมนุษย์ก็ลดลง
   ในเวลาต่อมากวาง
ลักขณะได้นำบริวาร
ทั้ง ๕๐๐ ตัวกลับไปหา
พญากวางอย่างปลอดภัย โดยไม่มีตัวใดได้รับ
อันตรายจากมนุษย์เลย
 ในขณะที่กวางลักขณะเดินนำบริวาร ๕๐๐ ตัว อย่างสง่างามนั้น พญากวางจึงนึกแปลกใจที่กวางกาฬะทำไมยังไม่กลับ ต่อมาไม่นานนัก กวางกาฬะจึงเดินกลับมาเพียงลำพังตัวเดียว เพราะบริวารถูกมนุษย์ฆ่าตายหมด
   พญากวางเห็นกวางทั้งสองกลับมาในสภาพที่ต่างกัน จึงกล่าวกับแม่กวางว่า กวางลักขณะเป็นกวางที่มีศีล ประพฤติดี
มีปฏิสันถาร ไม่ดื้่้อดึง จึงสามารถปกครองบริวารได้  ส่วนกวางกาฬะ มีนิสัยอวดดี ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน ตั้งตนอยู่ในความ ประมาท จึงทำให้บริวารได้รับอันตรายถึงชีวิต  ต่อมาพญากวางได้ยกตำแหน่งหัวหน้าฝูงให้กวางลักขณปกครองแทนสืบมา
Copyright © Dhammakaya Foundation. All rights reserved.
 
จบ
 
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ  


 
ลักขณชาดก
 
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::

.…พระเทวทัตเมื่อออกบวชแล้วคิดน้อยใจว่า ตนเป็นพระประยูรญาติ แต่มีคนเคารพน้อยกว่าสาวกองค์อื่นๆ ที่เป็นลูกชาวบ้าน วันหนึ่งขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางสงฆ์ พระเทวทัตได้ลุกขึ้นกราบทูลด้วยเสียงอันดังว่า บัดนี้พระองค์ชรามากแล้ว สมควรทรงพักผ่อน ข้าพระพุทธเจ้าจะปกครองคณะสงฆ์แทนเอง พระพุทธองค์ทรงหยั่งรู้จึงทรงตอบว่า "ดูก่อนเทวทัต เธออย่าขวนขวายเป็นผู้ปกครองสงฆ์เลย จงหมั่นฝึกฝนอบรมตนปกครองตนเองให้ได้เสียก่อนเถิด"

.....พระเทวทัตได้ยินดังนั้น โกรธพลุ่งพล่านทันที คิดหาทางให้สงฆ์แตกแยก จึงกราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยให้คณะสงฆ์ปฏิบัติ ๕ ประการ คือ
    ข้อ ๑. พระภิกษุต้องอยู่ในป่าตลอดชีวิต  
    ข้อ ๒. พระภิกษุต้องเที่ยวบิณฑบาตไปจนตลอดชีวิต
    ข้อ ๓. พระภิกษุต้องนุ่งห่มแต่เฉพาะ ผ้าบังสุกุล ตลอดชีวิต
    ข้อ ๔. พระภิกษุต้องอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต และ
    ข้อ ๕. ห้ามพระภิกษุฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต

.....พระพุทธองค์ไม่ทรงบัญญัติอย่างนั้น กลับทรงอนุญาตให้พระภิกษุถือปฏิบัติตามความเหมาะสม พระเทวทัตจึงประกาศว่า พระบรมศาสดาไม่ทรงเคร่งครัดในพระวินัย และประกาศแยกตัว โดยมีพระภิกษุบวชใหม่ตามไปด้วย ๕๐๐ รูป ต่อมาพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรไปรับกลับมา

 
:: ข้อคิดจากชาดก ::
 

....๑. หมู่คณะเจริญได้ ผู้นำต้องมีศีลและปฏิสันถาร ตัวอย่างของศีล ได้แก่ การทำมาหาเลี้ยงชีพในทางที่ชอบ ที่สุจริต ส่วนเรื่องของการปฏิสันถาร ผู้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ควรหมั่นให้ธรรมปฏิสันถารแก่ผู้น้อย ผู้น้อยเช่นกัน แม้ในบุคคลที่เสมอกัน ย่อมนำมาซึ่งความปลาบปลื้มและความรักใคร่เอ็นดูซึ่งกันและกัน

.....๒. บุคคลควรหมั่นฝึกตน อบรมตนให้เป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรมเสียก่อน แล้วจึงสั่งสอนผู้อื่นให้ประพฤติปฏิบัติตาม

....๓. โทษของการทำให้สงฆ์แตกแยก
        (๑) คุณธรรมใดที่ยังไม่บรรลุ ก็จะไม่บรรลุ
        (๒) คุณธรรมใดแม้บรรลุแล้ว ก็จะเสื่อม
        (๓) ต้องตกนรกอยู่ตลอดกัป

 
 

Home  | นิทานชาดก