พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีพระประสงค์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์

วันที่ 04 พย. พ.ศ.2558

พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีพระประสงค์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์


             หลังจากทรงทำปิตุฆาตแล้ว พระทัยของพระเจ้าอชาตศัตรูก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ไม่เป็นอันบรรทม ทรงเฝ้าโศกาอาดูรถึงพระราชบิดาที่สวรรคตไปแล้ว จึงมีพระราชประสงค์จะทรงแสวงหาสมณพราหมณ์ผู้ทรงศีลบริบูรณ์บริสุทธิ์ ที่จะสามารถทำให้พระทัยของพระองค์ผ่องใสขึ้นมาได้ชาวอารยันในยุคนั้น มีประเพณีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ทุกคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ บรรดาศิษย์ของอาจารย์ในสำนักทั้งหลาย จะพากันไปสนทนาธรรมกับอาจารย์ของตน ด้วยเหตุนี้บรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ของคืนเดือนเพ็ญแห่งวันอุโบสถ จึงชวนเชิญพระเจ้าอชาตศัตรู ให้ทรงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเสด็จไปฟังธรรม ถึงกับทรงเปล่งอุทานว่า "คืนนี้เราควรจะเข้าไปหาสมณะ หรือพราหมณ์ผู้ใดดีหนอ ที่จะทำให้จิตใจของเราเลื่อมใสได้"เมื่อสิ้นพระสุรเสียง ราชอำมาตย์ผู้หนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของครูปูรณกัสสป จึงกราบทูลถึงคุณสมบัติของอาจารย์ของตนว่า"ท่านปูรณกัสสปเป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะ เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมีเกียรติยศ เป็นเจ้าลัทธิ มหาชนยกย่องว่าดี เป็นคนเก่าแก่บวชมานาน มีอาวุโสข้าพระองค์เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า เมื่อพระองค์เสด็จไปหาท่านปูรณกัสสปแล้ว พระองค์จะทรงรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา"เมื่อได้ฟังราชอำมาตย์ผู้นั้นกราบทูลจบลงแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูก็ทรงประทับนิ่งเฉยอยู่ เพื่อเปิดโอกาสให้ราชอำมาตย์อื่นๆ กราบทูลบ้าง ราชอำมาตย์อื่นๆ อีก 5 คน ต่างก็ทยอยกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรูให้เสด็จไปหาเจ้าลัทธิที่ตนเลื่อมใสศรัทธา โดยเรียงลำดับจาก ครูมักขลิโคสาล ครูอชิตเกสกัมพลครูปกุทธกัจจายนะ ครูนิครนถนาฏบุตร และครูสัญชัยเวลัฏฐบุตร

 

            การกล่าวยกย่องเทิดทูนอาจารย์ของราชอำมาตย์แต่ละคน ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อชักจูงโน้มน้าวเจ้าเหนือหัวไปสู่สำนักอาจารย์ของตน อันจะเป็นเหตุให้ตนได้รับความไว้วางพระทัยยิ่งขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ลาภสักการะจากพระราชาก็ย่อมจะเกิดขึ้นแก่ตนอย่างแน่นอน แต่อำมาตย์เหล่านั้นต่างหารู้ไม่ว่า พระเจ้าอชาตศัตรูทรงรู้สึกผิดหวังในตัวเจ้าลัทธิทั้ง 6 มาก่อนแล้ว แต่ด้วยพระราชจริยาวัตรแห่งพระราชา จึงมิได้ตรัสประการใดให้สะเทือนใจแก่ทุกฝ่าย ได้แต่ทรงปรายพระเนตรไปทางหมอชีวกโกมารภัจจ์แม้หมอชีวกโกมารภัจจ์จะรู้ซึ้งถึงพระทัยของเจ้าเหนือหัวดีว่า ทรงปรารถนาจะเสด็จไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เขากลับมิได้เอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยตั้งใจจะให้พระราชาทรงแสดงเจตนารมณ์ของพระองค์ออกมาโดยตรง เพื่อตนจะได้กล่าวสรรเสริญพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยสะดวก และยังต้องการจะดูเหล่าราชอำมาตย์ผู้เป็นศิษย์ของเจ้าลัทธิทั้ง 6 แสดงการชิงไหวชิงพริบ ชักจูงพระราชาให้เลื่อมใสอาจารย์ของพวกตนอีกด้วย ดังนั้น เมื่อบรรยากาศหน้าพระที่นั่งเงียบสงบลง แทนที่หมอชีวกโกมารภัจจ์จะฉวยโอกาสกราบทูลทันที กลับสงวนท่าทีนิ่งเฉยอยู่ในที่สุด พระเจ้าอชาตศัตรูจึงทรงตัดสินพระทัยตรัสถามอย่างมีนัยว่า "ชีวกผู้ หาย ทำไมเธอจึงนิ่งเสียเล่า"

 

           พระกระแสรับสั่งนี้เอง ทำให้หมอชีวกโกมารภัจจ์เข้าใจได้ทันทีว่า พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีพระประสงค์แน่วแน่ที่จะเสด็จไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยใช้ตนเป็นผู้นำทาง เหตุที่ไม่อาจเสด็จไปด้วยพระองค์เอง ก็เพราะพระองค์ทรงรู้สึกถึงความผิดใหญ่หลวงที่พระองค์ได้ทรงกระทำอนันตริยกรรม จึงต้องการอาศัยตนผู้เป็นอุปัฏฐากของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้นำไป

 

-----------------------------------------------

SB 304 ชีวิตสมณะ

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0012801011403402 Mins