ผู้ทำบาปย่อมระแวงในโลกนี้

วันที่ 04 พย. พ.ศ.2558

ผู้ทำบาปย่อมระแวงในโลกนี้


              ครั้นใกล้จะถึง สวนอัมพวัน เหตุการณ์ที่หมอชีวกโกมารภัจจ์คาดไว้ก็ปรากฏเป็นจริง ทั้งนี้เนื่องด้วย
ช้างเป็นสัตว์ที่เดินเบามาก ดนตรีและเครื่องประโคมทั้งหลายก็ถูกสั่งงด เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งทรงประสงค์ ความเงียบสงบ ประกอบกับความมืดมิด เพราะเงาของภูเขาคิชฌกูฏที่ทอดลงมา แม้จะมีคบเพลิงจุดสว่างไสวก็ตาม แต่บรรยากาศโดยรอบบริเวณนั้นเงียบสงัดวังเวงยิ่งนัก พระเจ้าอชาตศัตรูทรงเกิดความหวาดหวั่น เกรงกลัว จนพระโลมชาติชูชันทั่วพระวรกาย ด้วยเกรงภัยว่าจะถูกปลงพระชนม์ จึงทรงหยุดช้างพระที่นั่งสายพระเนตรที่ดุดันจ้องจับมายังหมอชีวกโกมารภัจจ์ และตรัสถามด้วยความรู้สึกคลางแคลงพระทัย ระคนความหวาดกลัวว่า


"ชีวกผู้สหาย ท่านไม่ได้ลวงเราหรือ ชีวกผู้ สหาย ท่านไม่ได้หลอกเราหรือชีวกผู้สหาย ท่านไม่ได้ล่อเรามาให้ข้าศึกทำร้ายหรือ ไฉนเล่าภิกษุหมู่ใหญ่ ถึง1,250 รูป จึงไม่มีเสียงจาม เสียงกระแอม เสียงพึมพำเลย ทั้งๆ ที่เราอยู่ใกล้สวนอัมพวันขนาดนี้"


            หมอชีวกโกมารภัจจ์ทั้งๆ ที่รู้ว่าชีวิตตนในขณะนั้นเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ด้วยความที่เป็นพระโสดาบัน มีจิตใจมั่นในพระรัตนตรัย จึงไม่หวาดหวั่นต่อ สถานการณ์แห่งความเป็นความตายนั้น กลับกราบทูลปลอบประโลมพระทัยให้คลายจากความหวาดหวั่นครั่นคร้ามว่า

"ข้าแต่พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ขอพระองค์อย่าทรงหวาดหวั่นเกรงกลัวเลยพระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ลวงพระองค์ ไม่ได้หลอกพระองค์ ไม่ได้ล่อพระองค์มาให้ข้าศึกเลย ขอเชิญเสด็จต่อไปเรื่อยๆ เถิด แสงประทีปที่โรงกลมในสวนอัมพวันยังสว่างไสวอยู่ แสดงว่ามีพระภิกษุประชุมกันเป็นจำนวนมากพระเจ้าข้า"

 

              กระแสเสียงที่มั่นคงและบริสุทธิ์ใจของหมอชีวกโกมารภัจจ์สามารถคลายความหวาดระแวงภัยของพระราชาลงได้ ความสงบในพระทัยและความเชื่อมั่นในตัวหมอชีวกโกมารภัจจ์ค่อยๆ กลับคืนมา พระเจ้าอชาตศัตรูจึงเสด็จต่อไปจนกระทั่งสุดทาง เสด็จลงจากช้างพระที่นั่งแล้วทรงดำเนินเข้าประตูโรงกลม ซึ่งขณะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งอยู่ท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์พระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จเข้าไปใกล้ที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระภิกษุจำนวนมากนั่งแวดล้อมพระพุทธองค์อยู่ด้วยอาการเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงกระแอม ไอ ยิ่งย่างพระบาทเข้าไปใกล้ที่ประทับเท่าใด ก็ยิ่งเกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึงว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอาจจะไม่ทรงต้อนรับ เนื่องจากความผิดครั้งอดีตของพระองค์ และทั้งๆ ที่พระองค์ทรงรู้ดีว่าพระภิกษุรูปใด คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เพื่อเป็นการผ่อนคลายความหวาดหวั่นในพระทัย จึงตรัสถามหมอชีวกโกมารภัจจ์ว่า


"ชีวกผู้สหาย ไหนพระผู้มีพระภาคเจ้า"


            หมอชีวกโกมารภัจจ์จึงกราบทูลว่า "ขอเดชะ นั่นพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับนั่งพิงเสากลาง ผินพระพักตร์ไปทางทิศบูรพา มีภิกษุสงฆ์นั่งแวดล้อมพระองค์อยู่ พระเจ้าข้า"การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งพิงเสากลางนั้น เนื่องจากขณะนั้นทรงชราภาพมากแล้วประกอบกับทรงถูกเบียดเบียนด้วยอาการปวดที่พระปฤษฎางค์อยู่เป็นประจำ อันเป็นผลแห่งบุพกรรม ซึ่งเบียดเบียนสังขารของพระองค์เอง แม้ว่าพระพุทธองค์จะมีพระสรีระบริบูรณ์ด้วยลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงต้องประทับพิงเสาในเวลาที่ทรงประทานโอวาทแก่ภิกษุสงฆ์

-----------------------------------------------

SB 304 ชีวิตสมณะ

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.03051868279775 Mins