ความสุขจากใจหยุดใจนิ่ง ยิ่งกว่าความสุขใดๆ

วันที่ 31 พค. พ.ศ.2560

  ความสุขจากใจหยุดใจนิ่ง ยิ่งกว่าความสุขใดๆ,วาไรตี้,บทความประจำวัน


         ความสุขจากใจหยุดใจนิ่ง ยิ่งกว่าความสุขใดๆ

      ...สิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสารในผูกพันอะไรเราไม่ได้ แม้แต่ร่างกายของเราก็เช่นเดียวกันแค่เป็นที่อาศัย อาศัยสำหรับสร้างบารมี อาศัยเป็นที่ตั้งของใจที่จะเดินทางเข้าไปสู่ภายใน เพราะฉะนั้นกายนี้ก็เป็นที่อาศัยอยู่ชั่วคราว
        
      สิ่งที่เป็นสมบ้ติของเราจริงๆ ก็มีแค่ใจ คือความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ ๔ อย่าง แล้วก็ที่ตั้งของใจ ที่ตั้งของใจที่ถาวรเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง คือเริ่มตรงนี้แล้วถูกต้อง มีใจ มีที่ตั้งของใจเป็นสมบ้ติของเราเท่านั้น ที่ตั้งของใจที่ถาวรนั้นน่ะ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ใครเอาใจมาตั้งอยู่ตรงฐานที่ ๗ ให้ได้ตลอดเวลา กระแสธารแห่งบุญกระแสธารแห่งความบริสุทธิ์ก็จะบังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เราจะเป็นผู้มีบุญมีบารมี มีความบริสุทธิ์บังเกิดขึ้นทีเดียว และยังจะนำให้เราเข้าไปถึงแหล่งของปัญญาบริสุทธิ้ ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้ ที่จะทำให้เราเข้าใจแจ่มแจ้งในชีวิต ในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ปัญญาบริสุทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อใจหยุดอยู่ตรงฐานที่ ๗ แยกสิ่งที่เป็นสาระกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระออกได้
     
     สิ่งที่ไม่เป็นสาระจะตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือมีคุณสมบัติไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอน้ตตา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง แยกออก อันไหนตัวตน อันไหนไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่แปลว่าไม่มีตัวตน ไม่ใช่ตัวตน แยกออก จะเป็นคน เป็นสัตว์เป็นสิ่งของ อะไรต่างๆ แยกได้ แล้วก็จะมุ่งเข้าไปหาสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารของชีวิต มีความบริสุทธิ์ล้วนๆ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งปัญญา แห่งความบริสุทธิ์ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุข สุขที่ไม่มีที่สิ้นสุด สุขที่คงที่ เป็นเอกันตบรมสุขสุขอย่างเดียว ที่เป็นอิสระจากกิเลสจากอาสวะ คือกิเลสอาสวะจะบังคับบัญชาให้โลภ ให้โกรธ ให้หลง ให้เปลี่ยนแปลงเป็นนั่นเป็นนี่ ให้ทุกข์ทรมานอะไรไม่ได้เลย จะคงที่ เป็นสุข และเป็นอิสระ

     ความเป็นอิสระนี่แหละคือ ความปรารถนาของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านปรารถนาจะเป็นอิสระจากการบังคับบัญชาของกิเลสอาสวะของความโลภ ความโกรธ ความหลง ยิ่งใจบริสุทธิ์เท่าไรก็ยิ่งมีความสุขยิ่งเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร รู้ได้เมื่อใจเราหยุดนิ่งๆหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายตรงฐานที่ ๗

    ประการแรกใจจะเป็นอิสระจากความคับแคบ ความอึดอัด คือเวลาใจเราอยู่กับกายมนุษย์หยาบอย่างนี้ จะอึดอัด คับแคบ เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม ไม่ค่อยได้ตั้งใจ กระสับกระส่ายทุรนทุราย แต่พอใจไปหยุดอยู่ตรงกลางกายฐานที่ ๗ ใจจะหลุดพ้นจากกายหยาบ ความรู้สึกว่ามีตัวตนก็หมดไปเหมีอนไม่มีร่างกาย เหมีอนเราเป็นอิสระ เป็นหนี่งเดียวกับบรรยากาศ เป็นบรรยากาศแห่งความบริสุทธิ์ ที่มีความเบาสบาย เบาสบายทั้งร่างกายและจิตใจ จนกระทั่งถึงจุดๆ หนึ่ง เห็นดวงใสบริสุทธิ์ ผุดเกิดขึ้นมาในกลางของการหยุดนึ่ง ตรงฐานที่ ๗ ตรงนั้น อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศอย่างกลางก็ขนาดพระจ้นทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน เป็นดวงใสๆ บริสุทธิ์เกิดขึ้นมาตรงกลาง แล้วก็ยิ่งเรานิ่งเข้าไปเรื่อยๆ เราก็จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวก้บดวงธรรมภายใน นึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความบริสุทธิ์

     ความบริสุทธิ์จะรู้ได้เมื่อเข้าไปถึงดวงธรรมดวงนี้ครั้งแรก แล้วเราจะเห็นสัญญาณแห่งความบริสุทธิ์หรือนิมิตหมายแห่งความบริสุทธิ์ จะเป็นความใสก้บความสว่างของดวงธรรม ยิ่งใสมาก สว่างมากก็ยิ่งบริสุทธิ์มาก ยิ่งบริสุทธิ์มากเท่าไร ใจก็ยิ่งเป็นอิสระมากขึ้น แล้วก็มีความสุขมากขึ้น เราจะเริ่มเข้าใจอะไรต่างๆใดไปตามความเป็นจริงมากขึ้นกว่าเดิม เดิมเข้าใจว่าเท่านี้แต่พอถึงตรงนี้เข้าใจมากกว่า เข้าใจจนยอมร้บว่ากายมนุษย์หยาบนั้นไม่ใช่ตัวจริง ไม่ใช่ตัวเรา แล้วก็ไม่ใช่ของๆ เรา

    ความผูกพันในตัวของกายมนุษย์หยาบและสิ่งที่เนื่องกับกายมนุษย์หยาบเป็นสมบัติพัสถานลาภยศอะไรก็แล้วแต่ ก็เฉยๆเริ่มเข้าใจแจ่มแจ้งว่าไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของๆเรา อาศ้ยชั่วคราว เมื่อเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดก็จะเป็นอย่างนี้นะ แล้วก็จะเป็นไปในทำนองอย่างนี๋ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม กระทั่งถึงกายธรรม คือถึงกายที่อยู่ในภาคแห่งความเป็นสาระแก่นสาร เป็นกายที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือ ทรงรูปอย่างนี้ก็เป็นอย่างนี้ ใส บริสุทธิ์เป็นแกัว งามไม่มีที่ติ ใสเกินใส สวยเกินสวย ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ เกตุดอกบัวตูม สงบ ตั้งมั่นบริสุทธิ์คงที่ เป็นแหล่งกำเนิดของความสุขที่แท้จริง สุขที่บริสุทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากความเข้าใจของมนุษย์ สุขแบบมนุษย์

    สุขแบบมนุษย์ก็คือความเพลิน ความสนุกสนาน แล้วก็มีความทุกข์เจือปนกันอยู่ในนั้น แต่นี่มีแต่ความสุขสะอาดบริสุทธิ้เป็นอิสระกว้างขวางทีเดียวไม่คับแคบ มีความเบิกบานเป็นนิจ ความเคลื่อนไหวที่อยู่ในกายที่นิ่งสงบ เหมือนมีพล้งที่อัดแน่นเต็ม พลังแห่งความบริสุทธิ์อยู่ในกายที่นิ่งสงบ ปากปิดสนิท ไม่ได้ทำกิจแบบมนุษย์ สงบนิ่งตั้งมั่น ธรรมกายเป็นอย่างนี้ แล้วก็มีปัญญาความรอบรู้อะไรต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของชีวิตได้แจ่มแจ้งขึ้นมากทีเดียว จนกระทั่งเป็นเครื่องยืนยันว่าจะไปสู่ความบริสุทธิ์ที่ยิ่งขึ้นไป จนกว่าจะหลุดพ้น จากกิเลสอาสวะอย่างแท้จริง นี้เป็นอย่างนี้นะ

     คำว่า "นตถิ สนฺติปริ สุฃํ สุขอื่น นอกจากหยุดนิ่งไม่มี" คือความสุขที่เกิดจากหยุดนิ่งนั้นมากยิ่งกว่าความสุขใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะได้ดู ได้ดม ได้ลิ้มรส ได้ถูกต้องสัมผ้ส นึกคิดทางใจ อะไรต่างๆ เหล่านั้นยังไม่เท่ากับความสุขที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง

     นี่เป็นเรื่องจริงที่ผู้ที่ได้เข้าถึงได้พิสูจน์แล้ว ยืนยันอย่างนี้ใครที่ยังเข้าไม่ถึงก็ไปพิสูจน์ ให้เข้าถึงให้ได้
     

  การไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้น เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของผู้รู้ทั้งหลาย เพราะว่าเราจะไปดับเหตุแห่งความทุกข์ทรมานของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ไปดับต้นตอกันไปเลย แล้วเราก็จะพ้นจากบ่าวจากทาสของพญามารอย่างแท้จริง

    การที่จะไปอย่างนั้นน่ะไม่ใช่ว่ามีบุญเพียงเล็กๆ น้อยๆ แล้วจะไปได้ต้องมีบุญยิ่งใหญ่ไพศาลทีเดียว จึงจะมีพล้งพอที่จะเอาชนะพญามารแล้วไปถึงตรงนั้นได้ ชาตินี้ลำบากแค่ไหนลูกทุกคนก็ทราบดี ลูกที่อยู่ภายในและต่างประเทศนี้ คงจะทราบว่าชีวิตการสร้างบารมีของเราชาตินี้น่ะมันลำบากแค่ไหน ฝืดเคืองแค่ไหน ทั้งๆ ที่เรามีห้วใจใฝ่ดีอยากสร้างบารมี

     แต่อุปกรณ์ในการสร้างบารมีของเรานี่ ทำให้เราทำไม่ได้ดังใจปรารถนาเราอยากจะทำให้ได้มาก มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ให้มีอะไรเป็นอุปสรรคเลย แต่เราก็ยังทำอย่างนั้นไม่ได้ในชาตินี้ บุญกุศลที่เราทำอย่างสม่ำเสมอรวมทั้งบูชาข้าวพระนี้นี่แหละ จะทำให้เราสร้างบารมีกันสะดวกสบายมากกว่าชาตินี้หลายร้อยหลายพ้นเท่าทีเดียว ตั้งแต่มีรูปสมบ้ติที่งดงาม ที่สวยงาม แข็งแรงไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ แล้วมีอายุยืนยาวได้สร้างบารมีไปนานๆ

     มีสมบัติที่คอยรองรับอยู่ สมบัติของผู้มีบุญมาก เขาไม่ต้องทำมาหากิน เขาจะมีสมบัติจ้กรพรรติที่ต้กไม่พร่องไว้ใช้อยู่ เรื่องนี๋มีมาแล้วในอดีตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย หรือแม้แต่พระอรหันต์ที่ท่านสั่งสมบารมีในหลายๆ ชาติท่านมีสมบัติจักรพรรติเกิดขึ้น

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนก้น ตอนเสวยพระชาติเป็นพระบรมโพธิสัตว์มีหลายๆชาติที่ท่านมีสมบ้ติจ้กรพรรติเกิดขึ้นไวํใช้สร้างบารมีก้นไป เป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย จนกระทั่งบารมีท่านเต็มเปี่ยม สมบัติอย่างนี้แหละจะบังเกิดขึ้นกับเรา เราจะเป็นเจ้าของสมบัติจ้กรพรรติที่ตักไม่พร่อง มีแล้วก็ไม่ตระหนี่ ไม่หลง ไม่ม้วเมา ไม่ผูกพันในสมบ้ติ มีไว้เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างบารมีเท่านั้น ไม่มีความตระหนี่ ไม่หวงแหน

    ผู้ที่มีบุญขนาดได้สมบัติจักรพรรดิอย่างนี้นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ที่ท่าให้เรามีอุปกรณ์ในการสร้างบารมี แถมมีดวงปัญญาอีก มีทรัพย์แล้วยังใช้ทรัพย์เป็น มีคุณสมบัติดีเลิศ ใช้ทรัพย์เป็นให้เกิดประโยชน์ยิ่งๆ ขึ้นไป การจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้นน่ะไม่ใช่ว่าจะมีมหาทานบารมีอย่างเดียว ยังจะต้องมีบารมีอื่นประกอบคือศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมีอีก ๙ อย่างทีเดียวที่เราจะต้องท่าให้เต็ม

    รักษาศีลก็ต้องท่าให้บริบูรณ์ ถ้าเราเปิดหม้อข้าว เปิดฝาหม้อแล้วไม่มีข้าวอยู่ในหม้อ รักษาศีลลำบาก จะต้องไปทำมาหากินเพื่อให้ใด้เงินได้ทองมาเลี้ยงชีพ แล้วโอกาสที่จะรักษาศีลนี่มันไม่ง่ายอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ แต่ถ้าหากเรามีทรัพย์สมบูรณ์พร้อมหมด ไม่มีเครื่องกังวลเรื่องทำมาหากิน จะรักษาศีลก็สะดวก

    จะบำเพ็ญเนกข้มมบารมี ให้ใจพรากจากเบญจกามคุณ รูป เสียง กลิ่นรส สัมผัส ธรรมารมณ์ ก็ทำง่าย จะรักษาศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ค่อยๆ พรากไปเรื่อยๆ ห่างไปเรื่อยๆ ก็ทำง่าย เพราะไม่มีเครื่องกังวลในเรื่องการทำมาหากิน

     เพราะฉะนั้น บารมีอีก ๙ อย่าง รวมแล้วเป็น ๑๐ อย่างนี้น่ะ ๙ อย่างนั้นจะต้องมีมหาทานบารมีเป็นกำลังสนับสนุนอย่างสำคัญทีเดียว และเมื่อครบ ๑๐ อย่างแล้วยังไม่พอ ยังต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปเป็นอุปบารมี จากอุปบารมีเป็นปรมัตถบารมียิ่งขึ้นไปตามลำดับ ทั้งหมดล้วนมีมหา ทานบารมีเป็นพื้นฐาน เหมือนแผ่นดินๆเป็นที่รองรับทุกสิ่ง ต้นหมากรากไม้ภูเขาเลากา มหาทานบารมีก็เป็นประดุจแผ่นดินอย่างนั้นแหละ เป็นที่รองรับของทุกสิ่ง...

 

 

วันศุกร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๓

จากหนังสือ แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร
      

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0029235323270162 Mins