พลังแห่งความรู้แจ้ง

วันที่ 03 มิย. พ.ศ.2560

 พลังแห่งความรู้แจ้ง,วาไรตี้,บทความประจำวัน


     พลังแห่งความรู้แจ้ง

     การปฎิบติธรรมเป็นภารกิจหลัก เป็นกรณียกิจหรือหน้าที่ที่สำคัญของทุกๆคนที่จะต้องทำ ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทางของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางของชีวิต

     พระส้มมาส้มพุทธเจ้าท่านได้ตรัสเอาไว้ว่า "บุคคลพึงหมั่นปฏิบัติปรารภความเพียร เพื่อให้บรรลุมรรคผลที่ยังไม่ได้บรรลุ และเพื่อกระทำให้แจ้งมรรคผลที่ยังไม่ได้กระทำให้แจ้ง การประพฤติให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในกรณียกิจนี้ เป็นความงดงามในธรรมวินัยนี้ การขวนขวายเอาใจใส่ในการประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน หรือว่าทำพระนิพพานให้แจ้งนี้เป็นงานหลักของเรา เป็นงานที่แท้จริงของพวกเราทุกคน แล้วก็เป็นเป้าหมายของชีวิตที่สำคัญที่สุด ที่เราจะต้องหมั่นปรารภความเพียร ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง อย่างน้อยก็ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยที่มีอยู่ในตัวของเราให้ได้"

       ถ้าเราลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง ทำให้ถูกต้อง ถูกหลักวิชชา ถูกวิธีการ และทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เราจะต้องเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวกันได้อย่างแน่นอน ถ้าเราเข้าถึงได้ เกิดมาชาตินี้ก็มีกำไร จะสมปรารถนาในชีวิต ชีวิตก็ไม่ว่างเปล่าจากประโยชน์จากแก่นสารสาระ การที่เรามารวมกันปฏิบัติธรรมทุกๆอาทิตย์ ก็เพี่อวัตถุประสงค์อย่างนี้ หรืออย่างน้อยก็เพื่อให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง

         การนั่งปฏิบัติธรรมรวมกันจะทำให้เกิดพลังหมู่พลังแห่งความเห็นแจ้ง พลังแห่งความรู้แจ้ง จะทำให้เกิดกำลังใจซึ่งกันและกัน ว่าเราปฏิบัติได้ถูกวิธีได้เข้าถึงประสบการณ์ภายในแล้ว ก็จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน แนะนำวิธีการปฏิบัติที่ได้ผลซึ่งกันและกัน ธรรมะของเราก็จะก้าวหน้า ที่เคยสงสัยก็จะหายสงสัยเพราะเกิดการรู้แจ้งเห็นแจ้งไป พร้อมๆกัน จะมีความรู้เท่าเทียมกันทั้งหมู่คณะ ความพร้อมเพรียงเป็นหนึ่งเดียวกันในธรรมะก็จะบังเกิดขึ้น เหมือนทุกคนมีใจเป็นดวงเดียวกัน ก็จะบังเกิดอานุภาพแห่งพระรัตนตรัยที่ไม่มีประมาณที่จะยังประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ให้บังเกิดขึ้นกับโลกได้

          เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงพ่อได้เชิญชวนให้ลูกทุกคนนั่งธรรมะทำความละเอียดของใจ อธิษฐานจิตช่วยพี่น้องที่อยู่ทางภาคใต้ที่ประสบกับอุทกภัย และก็ให้ชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้งสัปดาห์ เพี่อเตรียมกาย วาจา ใจ ที่จะมารับบุญใหญ่ในวันนี้ และจะได้ถวายบุญที่เกิดขึ้นนี้เป็นพระราชกุศล ลูกๆ หลายท่านก็ตั้งใจปฏิบ้ติธรรมกันอย่างเต็มที่ จัดสรรบริหารเวลานั่งธรรมะกันอย่างต่อเนื่องทุกๆวัน จนมีผลของการปฏิบัติธรรมก้าวหน้า

         บางท่านที่ไม่เคยรู้จักประสบการณ์ภายใน ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้รู้จักจากการทำใจให้หยุดนิ่งอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็สมปรารถนา เกิดประสบการณ์ภายใน เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจดี มีความเพียรได้เข้าถึงแสงสว่างภายใน บางท่านก็เข้าถึงดวงธรรมภายใน บางท่านก็เข้าถึงองค์พระภายในเกิดความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งเบาสบาย มีความสุข ความเบิกบานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยในชีวิต รู้สึกเย็นฉ่ำอยู่ข้างใน มีปีติ มีความสุข สุขอย่างพูดไม่ออก บอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ที่ได้สัมผ้สถึงกระแสแห่งความสุข และความบริสุทธิ์ภายใน ยิ่งทำใจหยุดนิ่งเฉยๆ องค์พระท่านก็จะผุดผ่านขึ้นมามากมายทีเดียว ต่อเนื่องกันเป็นสายไม่ขาดตอนเข้าไปเรื่อยๆ

         องค์พระธรรมกายท่านไม่ได้เกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละเป็นสภาวธรรมอันประเสริฐ ที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย สิ่งนี้เป็นของจริงที่มีอยู่แล้วติดตัวของพวกเราทุกคน เมื่อเราเข้าถึงท่านได้ เราก็จะเกิดดวามรู้สึกเป็นสุขอบอุ่นใจและจะปลอดจากภัยทั้งมวล ความทุกข์ก็ไม่เข้ามากลํ้ากราย ทุกข์ทั้งหลายจะดับไปทันที และความสุขที่ไม่มีประมาณก็จะบังเกิดขึ้นมาแทนที่ สันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้น ที่พึ่งที่ระลึกอย่างนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ลูกทุกๆคนจะต้องปฏิบ้ติให้เข้าถึงให้ได้

          พระธรรมกายภายใน
         ธรรมกายมีลักษณะสวยงาม ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ ไม่ขาดตกบกพร่อง มีเกตุดอกบัวตูม กายใสยิ่งกว่าเพชร คือใสเกินใส สวยเกินสวย งามไม่มีที่ติ เป็นกายธรรมเป็นกายที่บริสุทธิ์หลุดจากภพ ๓ ออกมาแล้ว ถ้าเข้าถึงกายธรรมโคตรภูก็ไปถึงครึ่งทาง หลุดจากภพ ๓เข้าถึงนิพพานได้แต่ย้งไปอยู่ไม่ได้ ต้องกายธรรมอรหัตถึงจะอยู่ได้ หมดกิเลสอาสวะจึงจะหลุดพ้นจากกิเลส แล้วไปอยู่ได้

        กายธรรมหลุดออกไปเห็นได้รอบด้ว เห็นไปทุกทิศทุกทาง เห็นในภพ๓ และนอกภพ ๓ จึงเรียกว่าเป็นผ้รู้รู้ได้รอบตัว เพราะว่าเห็นรอบตัว ธรรมจักขุของธรรมกายเห็นได้รอบตัว คือหยุดอยู่ที่เดียวตรงกลางก็เห็นไปได้ทุกทิศทุกทาง เห็นถึงไหนก็รูไปถึงนั่นรอบตัว แตกต่างจากการเห็นของตามนุษย์ ทิพย์พรหม อรูปพรหม ตามนุษย์จะเห็นอะไรก็เห็นได้ทีละด้าน อยู่ทางด้านหน้า อยากเห็นด้านหล้งก็ต้องกลับหลังหัน อยากเห็นซ้ายก็ห้นซ้าย อยากเห็นขวา ก็หันขวา อยากเห็นข้างบนก็เงย อยากเห็นข้างล่างก็ก้มลงไป

      แต่กายธรรมไม่เป็นอย่างนั้น หยุดที่เดียว ธรรมจ้กขุเกิดขึ้นในธรรมกายเห็นได้ทุกทิศทุกทาง เห็นถึงไหนญาณทัสสนะก็ถึงนั่น ก็รู้รอบตัว รู้รอบตัวนี่แหละจึงจะเป็นผู้รู้ได้ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วยธรรมจ้กขุของธรรมกาย รู้เห็นไปตามความเป็นจริง สิ่งอะไรว่าเที่ยงก็เห็นว่าเที่ยง อะไรไม่เที่ยง ก็เห็นว่ามันไม่เที่ยง สิ่งอะไรเป็นทุกข์ ก็เห็นไปตามความเป็นจริงว่าทุกข์ อะไรเป็นสุขก็เห็นว่าสุข อะไรที่เป็นตัวตน อะไรไม่ใช่ก็รู้ เห็น อะไรเป็นอิสระอะไรที่ยังถูกเขาบังค้บบัญชาอยู่ ก็เห็นได้ด้วยธรรมจ้กขุของธรรมกายที่มีอยู่ในตัวของเราทุกคน

       แต่ว่าส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามี ไม่ฉงนใจไม่เฉลียวใจว่าในตัวมีธรรมกาย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นสรณะอ้นวิเศษทีเดียว ที่ว่าวิเศษเพราะว่าเป็นกายที่เป็นอมตะเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความบริสุทขึ้ความสุข เป็นอิสระ มารบังค้บบัญชาไม่ได้สิ่งนี้ถึงจะเป็นที่พึ่งได้ นี่แหละธรรมกาย ที่พึ่งที่ระลึกที่แหัจริงอยู่ในตัวของพระภิกษุของสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ชนทุกชาติทุกภาษามีหมด มีทุกคนเลยหยุดเข้าไปตามลำด้บอย่างนี้แหละ ถอดกายออกเป็นชั้นๆ จึงจะเข้าถึงได้ ของจริงมีจริงอย่างนี้ คนจริงทำจริงเท่านั้นและใหัถูกวิธีการต้องเข้าถึงแน่นอน ที่ไม่ถึงเป็นไม่มี


 

 

 

วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓

จากหนังสือ แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0028205672899882 Mins