อดีตย่อมล่วงแล้วเลยไป
อดีต ล่วงผ่านเลยไป
เคยสุขสนุกใจ
ฤาจะหวนกลับมาเนาว์
กลอนบทนี้ เป็นของกวีรุ่นเก่า ที่เคยท่องจำได้ เพราะท่วงทำนองไพเราะของถ้อยคำ แต่ด้วยความเข้าใจเล็กน้อย เพราะยังอยู่ในวัยเยาว์ จึงไม่ซาบซึ้งไม่เข้าใจถึง การหวนคิดถึงอดีตในวัยที่สุกใส
เมื่อเวลาเดินมาจนทุกวันนี้ อดีตที่เคยสุขสนุก ใจ ฤาจะหวนกลับมาเนาว์ จึงเป็นความเข้าใจที่ใหญ่หลวงไม่ใช่เข้าใจแต่เพียงว่า วันสดใสที่ผ่านมาไม่อาจเรียกกลับคืนได้อย่างเดียวเท่านั้น ยังเลยไปถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งลงไปกว่านั้น ว่าแต่ละวันล้วนเป็นหนึ่งเครื่องเตือนให้รู้ถึงวันที่น้อยลงไปของชีวิต และไม่เพียงแต่อดีตในวัยเด็กเท่านั้นที่หวนกลับมาได้
ความประทับใจ และอะไรๆอีกหลายอย่างที่ผ่านเข้ามา เคยทำให้เสียน้ำตา เคยทำให้ชื่้นใจ เคยทำให้วิตกกังวล ล้วนแต่ไม่อ่าจกลับคืนทั้งสิ้น แม้กระทั่งการการะทำของตัวเอง หรือคนที่เป็นที่รัก
ความรู้และประสบการณ์เหล่านี้ จะสอนใจของเราทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆซึมซาบอยู่ในความเป็นผู้ใหญ่ อยู่ในวัยที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ผันผ่านนับร้อย นับพัน
อดีตบางอย่างก็ลบเลือนแล้วเพราะกาลเวลา บางอย่างจางหายไปเพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่นักหนา ไม่ใช่การ
สมควรที่จะจดจำ แต่บางอย่างกลับฝังใจ ยิ่งครุ่นคิด ยิ่งแค้นเคือง ยิ่งเพิ่มความหนักหนาให้กับอารมณ์ทุกครั้งคราที่นึกได้
นี่แหละ คืออันตรายของความสำเร็จ
เพราะใจถูกถ่วง หน่วงไว้ ทำให้เสียพื้นที่ของความสดใสไป หลายคนคิดว่าไม่มีความหมาย แต่ตราบใดที่อดีตที่หมองไหม้ อดีตที่ไม่ได้อย่างใจ ยังไม่ลบเลือนไป จากใจในส่วนของอารมณ์ละก็ เมื่อใดที่ชีวิตดำเนินไปสะดุดกับเหตุการณ์ที่เคยฝังใจ อารมณ์เก่าก็จะปะทุขึ้นมา เป็นตัวทำลายความคิดสร้างสรรค์ที่จะต้องใช้เหตุการณ์ที่เป็นความจริงในปัจจุบัน เท่ากับชลอ และยับยั้งความใหม่ ให้ช้าหรือจางไป หรือไม่ก็ไม่กระจ่างใสเต็มที่ ผลคืองานด้อยกว่าที่เป็น
สิ่งที่จะทำได้ในเรื่องนี้ เห็นทีจะไม่พ้นการทำใจให้รู้จักลืม ซึ่งการทำใจให้สดใสจะช่วยได้เป็นอันมาก ได้แก่ การพักผ่อนหย่อนใจ การได้อ่านหนังสือเบาๆง่ายๆประเภทบทกวีไพเราะ ฟังเพลง และท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ดังได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้น
และเรื่องที่จะลืมนั้น ไม่ได้เป็นแต่เฉพาะเรื่องราวหนักหนาฝังใจในอดีตแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องรู้จักลืมการขัดแย้ง ขัดใจกันในเรื่องของงาน เรื่องผลประโยชน์ให้ได้ อีกอย่างหนึ่งในเมื่อไหนๆก็ไม่เป็นประโยชน์ให้ได้ อีกอย่างหนึ่งในเมื่อไหนๆก็ไม่เป็นประโยชน์ที่จะเอาอดีตมาคิดแล้ว จึงน่าจะเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ ที่จะปล่อยว่างสิ่งที่ผ่านมาให้ล่วงแล้วเลยไป
มีข้อแม้เพียงนิดเดียวเท่านั้นว่า เหตุการณ์ต่างๆนั้น จะต้องจดจำไว้ คล้ายการเก็บข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ เก็บไว้ในความทรงจำ ไม่ใช่เก็บไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ เพื่อจะได้หยิบเอาข้อมูลเอามาใช้ในการทำงาน ซึ่งถือเป็นการไม่ประมาท
ทำค่อนข้างยากสักนิด แต่ถ้าตรึกตรอง พิจารณาให้ถ้วนถี่อีกที อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง มิใช่เพื่อคนอื่นไกล
ก็จะเข้าใจ แยกแยะ และทำได้ในที่สุด
แล้วเมื่อนั้นแหละ ความสำเร็จที่มีตัวร่วมมากมาย ก็จะถูกปลดอุปสรรคออกได้อีกหนึ่งเปลาะ
เกิดเป็นผลพลอยได้ ทำให้ผู้ที่เอาชนะตนเองได้ในจุดนี้ กลายเป็นที่ยำเยงเกรงใจ รักใคร่อาทรของคนทั่้วไปที่ได้มาอยู่ใกล้ชิด เกิดความอบอุ่น มั่นใจในความยุติธรรมที่จะได้รับ เป็นคนสดใส ชุ่มชื่น ให้ความรู้สึกปลอดภัย เป็นที่ไว้วางใจทั้งกับผู้บังคับบัญชา และคนในปกครอง
อย่างนี้แล้ว จะไม่ลองดูบ้างดอกหรือ
จากหนังสือ กุญแจใจ