“ยอดขุนพลกล้าแห่งกองทัพธรรม”
บรรยากาศที่อบอุ่นของพี่น้องในวงบุญสมัยบ้านธรรมประสิทธิ์ประมาณปี ๒๕๑๖ โยมอาเป็นนักบินหนุ่ม รูปงามแห่งกองทัพอากาศไทย มีภารกิจในการนำ เครื่องบินไปทิ้งระเบิดในพื้นที่ฝ่ายตรงข้าม โยมอาตระหนักดีว่าการทำหน้าที่นี้นำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมาก เมื่อเสร็จภารกิจนั้น ๆ ท่านจะรีบไปกราบพระเดช พระคุณพระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมฺมชโย) และคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เพื่อขอทำบุญถวายสังฆทาน ปล่อยสัตว์-ปล่อยปลา และทำบุญใหญ่ ๆอุทิศบุญกุศลให้เป็นประจำเสมอมา
พ.ศ. ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ มีนโยบายที่จะเผยแผ่ธรรมะเพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่ชาวโลกอย่างแท้จริง อาตมาก็ได้สนองงานผ่าน ทางวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นด้วยการจัดขบวนชุดขาวชุด “กระทงธรรม” และบรรยายธรรมไปด้วย โดยเข้าประกวดในงานยี่เป็ง ลอยกระทง ณ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับรางวัลชนะเลิศ โยมอาเป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในความสำเร็จนั้นเพราะท่านได้สนับสนุนส่งผู้ใต้บังคับบัญชามาช่วยงานจนลุล่วงอย่างดียิ่ง
โยมอาเป็นบุคคลตัวอย่างในการใช้ตำแหน่งหน้าที่สนองงานพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง ท่านได้ส่งทหารเกณฑ์ผลัดเปลี่ยนกันมาอบรมคุณธรรมและพัฒนาพื้นที่ศูนย์กลางธรรมกายแห่งโลกในพื้นที่ ๒,๐๐๐ กว่าไร่ นอกจากนี้โยมอาได้อำนวยความสะดวก และประสานงานกับกองทัพอากาศในการจัดเที่ยวบินของอาตมาและหมู่คณะไปทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในพื้นที่ไกลๆ เช่น จังหวัดสงขลา หาดใหญ่ นราธิวาส เชียงใหม่ และอุบลราชธานี เป็นต้น จึงปฏิบัติศาสนกิจสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก
เมื่อวัดเจอวิกฤติศรัทธา ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างและเชื่อมสายสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ในรัฐบาล, กองทัพ, ภาคธุรกิจและบุคคลหลายวงการจนทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางดีขึ้น นอกจากนี้โยมอาได้มีส่วนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเมื่ออาตมาและคณะพระธรรมทูตไทยไปปฏิบัติภารกิจในประเทศออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์และหมู่เกาะแปซิฟิก มีสื่อมวลชนท้องถิ่นได้เสนอข่าวคลาดเคลื่อนเสมือนโจมตีวัด แต่โยมอารู้จักสนิทกับสื่อมวลชนท่านนี้เป็นอย่างมาก และแนะนำให้อาตมาเป็นกัลยาณมิตรให้แก่สื่อมวลชนท่านนี้จนได้มาเป็นกำลังสนับสนุนงานพระพุทธศาสนา
โยมอาตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการเกษียณอายุราชการก่อนเวลา เพื่อจะได้เอาเวลาและโอกาสมาทุ่มเทในการสร้างบุญบารมีอย่างเต็มที่ ดังนั้นโยมอาจึงลาออกจากราชการทหารพร้อมกับยศพลอากาศเอก ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมและคุณธรรมโยมอาจึงได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายให้เป็นประธานไวยยาวัจกรของวัด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ เป็นต้นมาซึ่งท่านก็ทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ท่านยังได้ทำหน้าที่ประธานองค์กรชาวพุทธสหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติได้รณรงค์และฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวพุทธและประเพณีการตักบาตรทั่วประเทศไทยในโครงการตักบาตร ๒, ๐๐๐,๐๐๐ รูป ๗๗ จังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ ๓๒๓ วัดและคณะครูอาจารย์ใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ จนถึงปัจจุบัน
โยมอามีอัธยาศัยไม่ถือตัว คุยสนุกและเบิกบาน ไม่พูดให้ใครกระเทือนใจจึงเป็นที่รักของผู้ที่มีโอกาสได้คบหาเสมอ แต่ทว่าความเจ็บป่วยและความตายเป็น สิ่งที่ทุกคนไม่อาจเลี่ยงได้ ต้นปีนี้โยมอาเริ่มป่วยหนัก อาตมาได้โทรศัพท์และไปเยี่ยมบ้างโดยย้ำเตือนให้โยมอานึกถึงบุญต่างๆที่โยมอาได้ทำอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดและหมั่นตรึกถึงองค์พระธรรมกายหรือมหาปูชนียาจารย์ ซึ่งโยมอาหมอกับลูกสาวได้ทำหน้าที่อย่างดี โยมอาจึงจากไปด้วยอาการสงบ
ขอให้ท่านจงหลับเป็นสุขในสัมปรายภพสมดังพระพุทธวจนะที่ว่า “จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตผ่องใส ไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้”และขอให้เดินทางไปพักระหว่างทางที่ดุสิตบุรี และได้ตามติดมหาปูนียาจารย์ไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญฯ
ขอเจริญพร
พระครูปลัดนายกวรวัฒน์ (สุธรรม สุธมฺโม)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายประเทศไทย
ประธานสงฆ์วัดพระธรรมกาย ภาคพื้นโอเชียเนีย
ประธานองค์กรชาวพุทธสหพันธรัฐออสเตรเลีย