กรมการศาสนา และคณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล
จัดพิธีถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัด
จังหวัดชายแดนภาคใต้
กรมการศาสนา สืบทอดประเพณีการทอดผ้ากฐิน ร่วมกับคณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล คณะสงฆ์หนใต้ และวัดพระธรรมกาย จัดพิธีถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัด จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.00 น. กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีสมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ หนใต้ เจ้าอาวาสวัดกระพังสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าภาพกฐิน ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ร่วมกับพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล คณะสงฆ์หนใต้ และวัดพระธรรมกาย ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ร่วมกันจัดโครงการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จะได้นำไปถวายให้กับวัดพุทธในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 301 วัด ในจังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ที่ตกค้างกฐิน ไม่มีเจ้าภาพกฐิน หรือบางวัดก็จัดเป็นทอดผ้าป่าเพื่อทำนุบำรุงวัดและเป็นกำลังใจให้กับพระสงฆ์ที่อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด ได้ทำการสำรวจวัดที่ต้องการความช่วยเหลือวัดที่ไม่มีเจ้าภาพในการทอดกฐิน ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย ซึ่งมีพระสงฆ์ยังอยู่ในพื้นที่เนื่องจากเป็นวัดบ้านเกิด และมีความประสงค์ที่จะรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ในแผ่นดินเกิด ซึ่งประเพณีการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนไทยมีมาช้านาน โดยมีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ โดยการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของพระมหากษัตริย์จัดเป็น พระราชพิธีที่สำคัญที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ มานานหลายปีทำให้มีวัดและที่พักสงฆ์จำนวนมากตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย มีกฐินตกค้าง เพราะไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าภาพกฐิน กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีหน้าที่ทำนุบำรุง ศิลปะ ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม และคณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล นำโดยพระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา พระวิเทศวัชราจารย์ เลขานุการหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย – เนปาล ทำหน้าที่พระธรรมทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนา เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการจัดโครงการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตลอดจนเพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชนในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป ซึ่งจากการสำรวจพบว่า วัดที่จะรับการทอดถวายผ้ากฐิน จำนวน 3 วัด ถวายผ้ากฐินสมทบ จำนวน 11 วัด และถวายผ้าป่า จำนวน 288 วัด รวมทั้งสิ้น 302 วัด
นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ยังได้จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2567 ณ วัดกะพังสุรินทร์ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00 น. เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรม และพิธีกรรม มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อันเป็นการส่งเสริมคุณธรรมและเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมและพิธีกรรมที่ดีงาม รวมทั้งให้ประชาชนได้แสดงออกถึงความจงรักษ์ภักดีเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร่วมใจกันทำบุญเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานราชการ องค์กร คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนชาวไทย และสืบสาน อนุรักษ์ สืบทอดประเพณีการทอดผ้ากฐินซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมอันเป็นมรดกล้ำค่าในพระพุทธศาสนาและของประเทศชาติให้ยั่งยืนสืบไป
พระครูปลัดรัตนวีรวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่าการรักษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นหน้าที่โดยตรงซึ่งพระพุทธองค์ฝากไว้ให้พุทธบริษัท ๔ ได้สามัคคีช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวโลก วัดพระธรรมกาย ในฐานะภาคีร่วมจัดงานฯรู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้รับความเมตตาจากคณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล ให้สนองงานคณะสงฆ์ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมทุกภาคส่วน ทั้งนี้ทางวัดฯพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจสืบทอดพระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั้งปวงจะได้สนองพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาแสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมบุญใหญ่ครั้งนี้ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา