ท่ามกลางกระแสสื่อที่โหมกระหน่ำ นำเสนอข่าวถึงวิกฤตการณ์ ๓ จังหวัดชายแดน ภาคใต้ทุกๆ วัน ซึ่งก็ไม่ทราบว่า จะสิ้นสุดเมื่อใด ทำให้บางครอบครัวตัดสินใจย้ายออก จากพื้น ที่ที่เคยอยู่มาแต่เดิม แต่แล้วเมื่อ ๒ เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศอันอึมครึม ในพื้นที่ที่ใครๆ ก็บอกว่าไม่กล้ามา กลับปรากฏพุทธบุตรใจกล้า อาสาที่จะมาเป็น แสงสว่างให้แก่เหล่า พุทธบริษัท ได้อบอุ่นใจ พุทธบุตรท่านนี้คือ พระศรีสุธรรมเมธี แห่งวัดเมืองยะลา รองเจ้าคณะจังหวัดยะลา ซึ่งก่อนหน้า ที่ท่านจะย้ายมาที่นี่ ท่านดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะ จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านเล่าถึงการตัดสินใจ อาสามาในพื้นที่แห่งนี้ว่า
" ก่อนมาอาตมาก็คิดอยู่ ทุกวันว่า เราอยู่ที่นี่ก็สบายอยู่ แต่เพื่อนทางใต้เขาลำบาก จึงตัดสินใจขออาสามา ณ ดินแดนแห่งนี้ เผื่อจะได้ช่วยเหลือในสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย อาตมาอยู่ที่อุตรดิตถ์ ที่วัดคลองโพธิ์ อาตมาได้ปลูกฝังการสอนบาลีมาตลอด เป็นระยะเวลาที่อยู่ที่นั่นก็ ๑๘ ปี คิดว่ามายะลาครั้งนี้จะช่วยกัน พัฒนาฟื้นฟูการศึกษา พระบาลีขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พระและโยม ที่อุตรดิตถ์ก็ถามว่า ไม่กลัวหรือ อาตมาก็ตอบว่า ถ้ากลัวก็จะไม่มา ตอนมาอาตมาก็ไม่คิดจะบอกใคร แต่ปรากฏว่าโยมมาส่งกันเต็มวัด เขาเอาของขลังมาถวาย กันเต็มไปหมดไว้ให้ป้องกันตัว แต่อาตมาตอบไปว่า อาตมามีธรรมะเป็นอาวุธอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล เขาก็เสียใจกันไม่อยากให้จากไป อาตมาตั้งใจว่า มาที่นี่แล้วจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะขอถวายชีวิตนี้เพื่อพระพุทธศาสนา "
นอกจากนี้ ท่านยังได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการได้มาบวชว่า " โยมแม่ปรารถนา อยากให้บวช แต่เมื่อบวชมาแล้วได้แรงบันดาลใจจากการปฏิบัติธรรม ทำให้ใจโล่งสบาย ได้รู้เห็น ความเป็นจริงของชีวิต และได้ยินพระท่านพูดถึง การเรียนพระบาลีเป็นครั้งแรก อาตมาเมื่อได้ฟังคำว่า บาลีเท่านั้น รู้สึกชอบขึ้นมาทันที ตั้งแต่นั้นมาก็ตั้งใจเรียนจนจบ ป.ธ.๙ อาตมาพร่ำสอนพระเณร เสมอว่าถ้าคิดบวชนานๆ ให้รักษาจิตให้ดี ปฏิบัติธรรมทุกวัน หลายคนคิดว่าบวชมาเป็นพระ แล้วสบายไม่ต้องทำมาหากิน สำหรับตัวอาตมานั้นคิดว่า ถ้าบวชแล้วให้เป็นพระแท้ดังคำของ หลวงพ่อธัมมชโย ท่านพูดไว้ คงไม่มีวันว่าง หรือว่าสบายหรอก ตั้งแต่บวชมาอาตมาไม่เคยได้ว่างเลย สอนหนังสือ ทุกวัน ทำหน้าที่ของพระ รวมทั้งกิจวัตรทุกอย่าง ถ้าบวชแล้วจะสบาย ก็สบายใจที่ได้เป็น พระแท้ " |