หน้าแรกกัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร สื่อธรรมะ กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร

 

 

 

 

 

 






ภาพ  ป๋องแป๋ง
ลงสี  ปูเป้

 



      วันเวลาผ่านพ้นไปหมู มุณิกะ ก็ยังได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ส่วนโคพี่น้องยังคงต้องทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ และได้รับเพียงข้าวลีบ หญ้าแก่ๆ หรือใบไม้แห้งๆ เป็นอาหารเท่านั้น

เป็นจริงตามคำพูด
ของโคมหาโลหิต เมื่อถึงวันแต่งงาน ของลูกสาวชาวนา หมูมุณิกะก็ถูกจับ ไปทำอาหาร เลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน และนายสาว ที่เคยเอาอกเอาใจมัน
ยังมาช่วย ลงมืออีกด้วย

หลังจากนั้นเป็นต้นมา
โคจุฬโลหิต ผู้เป็นน้อง ก็มีความพอใจ ในความเป็นอยู่ของตน ขยันขันแข็งในการทำงาน ไม่ท้อถอย ทำให้โคทั้งสองพี่น้อง อยู่อย่างเป็นสุขตลอดมา ตราบชั่วอายุขัย

 

Copyright © Dhammakaya Foundation. All rights reserved.
 
จบ
 
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ  


 
เรื่องมุณิกชาดก...ชาดกว่าด้วยความมีอายุยืน
 
:: สาเหตุที่ตรัส ::

.....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่า พระภิกษุรูปหนึ่งมีความปรารถนาจะสึก เพราะได้รับการเอาอกเอาใจ พูดจาชักชวนแทะโลมจากสาวแก่นางหนึ่ง พระพุทธองค์จึงทรงสอบถาม พระภิกษุรูปนั้นก็ยอมรับแต่โดยดี พระบรมศาสดาจึงตรัสเตือนสติว่า “ ดูก่อนภิกษุ มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้นที่หญิงคนนี้ทำให้เธอพินาศ เมื่อก่อนนี้เธอถึงกับสิ้นชีวิต ในวันวิวาห์ของหญิงคนนี้ ต้องเป็นอาหารอันโอชะเลี้ยงคนมากมายในงานทีเดียว ” ตรัสดังนั้นแล้วพระองค์ทรงนำ มุณิกชาดก มาตรัสแสดงดังนี้

.....ในอดีตกาล สมัยพระเจ้าพรหมทัตครองกรุงพาราณสี ณ ชนบทแห่งหนึ่ง ชาวนาครอบครัวหนึ่งได้เลี้ยงโคไว้สองตัวพี่น้องชื่อ มหาโลหิต กับ จุฬโลหิต และเลี้ยงสุกรตัวหนึ่งชื่อ มุณิกะแต่เช้าตรู่ทุกๆวันชาวนาจะนำโคทั้งสองไปไถนา บรรทุกน้ำ บรรทุกฟืน กว่าจะได้กลับบ้านพักผ่อนก็ตะวันตกดินไปแล้ว ไม่ว่างานใดๆ ที่เป็นงานหนักตรากตรำ ชาวนาได้อาศัยแรงโคทั้งสองนี้เสมอ กล่าวได้ว่าโคทั้งสองเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวทีเดียว อยู่มาวันหนึ่ง ชาวนาได้จัดพิธีหมั้นลูกสาวของตนให้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง หลังจากพิธีหมั้นผ่านพ้นไปแล้ว แกก็คิดตระเตรียมงานสำหรับวันแต่งงานที่จะมาถึงในไม่ช้า ทุกๆ วัน ลูกสาวชาวนาจะนำข้าว ถั่ว รำ และอาหารอย่างดี จำนวนมากไปเลี้ยงหมูมุณิกะ เมื่ออากาศร้อนหญิงสาวจะอาบน้ำขัดถูร่างกายให้มัน แม้พื้นคอกสกปรกก็จะลงมือถูให้สะอาดเอี่ยม ตกกลางคืนจะสุมไฟไล่ยุงให้ ส่วนโคทั้งสองพี่น้องไม่เคยได้รับการเอาอกเอาใจเช่นนี้เลย ต้องออกทำงานแต่เช้าตรู่ ได้รับแต่เพียงข้าวลีบ หญ้าแก่ๆ หรือใบไม้แห้งๆ เท่านั้น โคจุฬโลหิตเห็นการกระทำของชาวนา และบุตรสาวเช่นนี้อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ จึงกล่าวรำพันกับโคมหาโลหิตผู้เป็นพี่ว่า “ ดูซิพี่เราทั้งสองทำงานหนักสารพัดอย่างไม่มีว่างเว้น แทบจะเรียกว่าเราเป็นผู้ทำมาหาเลี้ยงครอบครัวนี้ก็ยังได้ แต่เราได้กินเพียงข้าวลีบ ฟางหญ้าแห้งๆ ใบไม้แก่ๆ อย่างนี้ ส่วนเจ้าหมูมุณิกะวันทั้งวันเอาแต่นอน ไม่เคยทำอะไรสักอย่างเดียว กลับได้กินข้าวอย่างดี ช่างไม่ยุติธรรมเลย ” โคมหาโลหิตผู้พี่ จึงกล่าวเตือนน้องว่า “ น้องรัก เจ้าอย่าได้คิดอิจฉามุณิกะเลย ที่มันกินอย่างนี้ ไม่ได้กินเพื่ออยู่ แต่กินเพื่อตาย คอยดูสิอีกไม่กี่วัน เมื่อถึงวันแต่งงานของคุณหนู เขาก็จะจับมันแกงเลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน เจ้ากินแต่ข้าวลีบอย่างนี้น่ะดีแล้ว อายุจะได้ยืน ” และแล้วก็เป็นจริงตามคำของโคมหาโลหิต เพราะต่อมาอีกไม่นาน เขาก็ช่วยกันจับสุกรมุณิกะฆ่าทำแกงเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานแต่งงาน มิใยดีหมูมุณิกะจะแผดเสียงร้อง ขอชีวิตอย่างน่าสงสารก็ไม่มีใครเห็นใจ ซ้ำนายสาวซึ่งเคยเอาอกเอาใจมันอย่างดีตลอดมา เมื่อครั้งก่อนยังลงมือช่วยฆ่าอีกแรงเสียด้วย โคจุฬโลหิตจึงกล่าวกับโคมหาโลหิตว่า “ พี่จ๊ะ ฉันเห็นโทษของการกินมากๆ ของเจ้าหมูมุณิกะแล้วว่าเป็นอย่างไร ทำให้รู้สึกว่ากินหญ้าแก่ ๆ กับใบไม้แห้งๆ ของเราช่างเป็นอาหารที่ประเสริฐสุดจริงๆ กินแล้ว อายุยืนกว่าอาหารอร่อยๆ ของเจ้ามุณิกะตั้งร้อยเท่าพันเท่าเชียว ” แล้วโคทั้งสองพี่น้องก็สนทนากันต่อ ด้วยความเบิกบานใจ

 
:: ข้อคิดจากชาดก ::
 

.....๑ . ไม่ว่ากาลไหนๆ ภิกษุไม่ควรใกล้ชิดสตรี พระอานนท์เคยทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ภิกษุควรประพฤติตนอย่างไรต่อสตรี พระพุทธองค์ทรงตอบว่า “ อย่าได้พบปะสตรีใดๆ เลย ” พระอานนท์ทูลถามว่า “ ถ้าจำเป็นต้องพบปะจะทำอย่างไร” พระพุทธองค์ทรงตอบว่า “ ก็อย่าพูดคุยด้วย ” พระอานนท์ทูลถามว่า “ ถ้าต้องพูดคุยด้วยจะทำอย่างไร ” พระพุทธองค์ทรงตอบว่า “ ก่อนจะพูด ตั้งสติให้มั่นคงแล้วรีบพูดให้เสร็จธุระโดยไว ”

.....๒ . ผู้ที่เป็นผู้นำได้ ต้องหมั่นสังเกต หมั่นอบรมตนเองและบริวารให้มีความมักน้อย สันโดษ พอใจในปัจจัยตามมีตามได้ ไม่โลภ มีความหนักแน่น ไม่อิจฉาริษยา

 
 

Home  | นิทานชาดก