บันทึกเรื่องราวของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากการมาวัดพระธรรมกาย

เมื่อศึกษาลึกลงไปในประวัติศาสตร์พบว่า“หวย” เป็น
การพนันที่มีมาแต่สมัยจีนโบราณ โดยผู้เล่นจะทายชื่อดอกไม้ที่เขียนไว้บนใบหวย
(คำว่าหวย เป็นภาษาจีน แปลว่า ดอกไม้) ต่อมาสัญลักษณ์ดอกไม้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นชื่อคนสำคัญของจีน
และเข้ามาสู่ไทยโดยกลุ่มชาวจีนอพยพ ราวทศวรรษ ๒๓๖๐ ซึ่งได้เปลี่ยนเป็นอักษรไทย
แล้วเรียกกันในสมัยนั้นว่า หวย ก ข
ต่อมาได้พัฒนาจนสู่ยุคปัจจุบันที่รู้จักกันดีในนามของ
หวยใต้ดิน และ หวยบนดิน ซ้ำยังถูกทำให้สะดวกในการซื้อ-ขาย
โดยการผ่านเน็ต ที่เราเรียกกันว่า หวยออนไลน์
ในที่สุด
แต่ไม่ว่าจะเป็น
หวยผิดกฎหมาย หรือ หวยที่ถูกกฎหมายก็ตาม ล้วนเป็นการพนัน เป็นอบายมุข เป็นหนทางแห่งความเสื่อมทั้งสิ้น
และที่เลวร้ายไปกว่านั้น ขณะนี้ หวยบนดิน ๒ ตัว ๓ ตัว กำลังแพร่ระบาดเข้ามาในกลุ่มของนักเรียน
แม้ผู้บริหารของโรงเรียนสั่งห้ามไม่ให้มีการซื้อขายในโรงเรียนแล้วก็ตาม
แต่ผู้ขายไม่เกรงกลัว ตั้งโต๊ะหน้าโรงเรียน ขายทั้งครู ทั้งนักเรียน โดยอ้างว่า
หวยเป็นสิ่งถูกกฎหมายไปแล้ว...
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเทรนใหม่ ที่กำลังมีผู้เล่น คนขาย คนเดินโพย ยี่ปั๊ว
ยี่กั๊ก ทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรายังเชื่อมั่นว่า เมื่อมีผู้ “เล่น”
ก็ต้องมีผู้ “เลิก” แม้ผู้เลิกจะหายากเต็มที
โดยเฉพาะกรณีขอ ง “เจ้าแม่หวย” อย่าง เจ๊ยงค์
(ประยงค์ ทักษิณ) ที่กำลังนำเสนอต่อไปนี้ เธอเป็นผู้ที่ เชี่ยวกรำ ถลำลึกอย่างสุดๆ
ในวงการนี้ โดยเป็นทั้งเจ้ามือรายย่อย คนขาย คนเดินโพย และเป็นผู้เล่นอย่างจริงจัง
แถมยังแม่นในการหาเลขเด็ด ด้วยวิธีที่เสี่ยงต่อการเอาชีวิตเข้าแลก!!
การตายอย่างอนาถของคนผูกคอตาย
ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจ ณ ที่นี้ ..สิ่งที่น่าสนใจคือ“
ผ้า” ผืนที่ผู้เคราะห์ร้ายใช้เป็นอุปกรณ์สำคัญในการเดินทางสู่ปรโลก
ตอนนี้ได้ตกอยู่ในมือของคนคลั่งหวยผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังนำไปให้หมอผี ที่นัดพบกันในป่าช้าที่ดูวังเวง
แต่กลับเป็นที่ชุมนุมของกลุ่มคนบ้าหวย
แน่นอน !! หนึ่งในนั้นก็คือ เธอ-เจ๊ยงค์
เธอยอมรับว่า
เธอกลัวมากเมื่อมาที่นี่ ในคืนดึกสงัดเงียบงัน ทำให้ต้องคอยกวาดสายตา มองซ้าย
มองขวา ตลอดเวลา ขณะเดินบนทางเปลี่ยวเช่นนี้ แต่ทำอย่างไรได้ ความโลภที่เกาะกุมใจอยู่มีมากกว่า
บังคับให้เธอต้องมา
ผ้าผูกคอคนตาย
ถูกทอดวางอยู่บนกระด้ง ล้อมหน้าไปด้วยเครื่องเส้นไหว้ อบอวลด้วยกลิ่นควันธูป
ในบรรยากาศสลัวๆ จากแสงเทียนวับแวม ที่ถูกจุดขึ้นบวงสรวงดวงวิญญาณ ขณะนั้นหมอผีกำลังสั่นเหมือนผีเข้า
ตัวแทนคนคลั่งหวยผู้หนึ่ง ไม่รอช้า รีบเอื้อมมือไปคว้าผ้าบนกระด้งมาแนบหูทันที
พร้อมกับจดตัวเลขที่คาดว่าจะออกในงวดหน้าอย่างรวดเร็ว (ผลคือเลขเด็ดที่ได้ในงวดนั้น
มีทั้งที่ถูก และไม่ถูก)
..ตี ๓ เธอสะดุ้งตื่นขึ้น
พลางบอกตัวเองว่าต้องไปแล้ว ไปหาหวยงวดต่อไป แต่ทว่าครั้งนี้เธอต้องปีนเขาที่สูงชันและลื่น
เพราะฝนตก มุ่งตรงไปยังกระต๊อบเล็กๆ ที่มีคนทำหวยอยู่
ในครั้งนี้ทีมงานผู้คลั่งหวยต้องแบกเต่าหับตัวใหญ่ขึ้นไปด้วย
ซึ่งเจ้ามือที่ไปล้วนเป็นชาย เพราะสถานที่ในครั้งนี้ต้องปีนเขาอันตรายมาก
จึงไม่เหมาะกับสรีระของผู้หญิง แต่เธอกลับเสี่ยงไปแม้จะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวก็ตาม
เต่าหับ
โดนจับนอนหงายไว้บนกระด้ง คลุมด้วยผ้าขาวขณะทำพิธี หลายคนรีบจดตัวเลข ขณะที่คนทรงสั่นเป็นเจ้าเข้า
แล้วพูดตัวเลขขึ้นว่า ๒....๘....
เจ้ามือและผู้เล่นที่มาในงวดนี้
ทุ่มไปมากกับเลข ๒ ตัวนี้ แต่เธอบอกว่า เขาให้ ๒....๘.... หมายถึง ๘ สองตัว
ฉะนั้นมันต้อง ๘...๘... ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นผู้ถูกหวยรายใหญ่ไป
การหาหวยด้วยวิธีแปลกๆ
ของเธอยังคงดำเนินไปในแต่ละงวด ด้วยวิธีการแทบไม่ซ้ำกัน เช่น จากคนทรง
หมอผี วิธีไสยศาสตร์ หลากหลายวิธี เพราะทั้งชีวิตเธอได้อุทิศตนหมกมุ่นให้แก่เรื่องนี้ไปเสียแล้ว
“
เจ๊ยงค์... เจ๊ยงค์”เสียงตะโกนลั่นตลาด ขณะที่เธอเดินจดหวย“ฝันว่ะ
ฝันว่า โดนงูกัดขา เจ๊ช่วยตีเลขให้หน่อย” หนึ่งในหลายคนที่มักจะมาให้เธอตีหวยให้
พูดขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น
“งู
= ๖ ขามี ๒ ขา = ๒ กัด ๑ ข้าง = ๑ งั้น ๖๒๑ แล้วงวดนี้จะแทงเท่าไหร่ ?”
ฝีมือในการตีเลขจากความฝันอย่างช่ำชองชำนาญของเธอลือชื่อจนได้ฉายาประจำตลาดว่า
เจ๊ยงค์..เจ้าแม่หวย”
แต่การรวยด้วยวิธีเช่นนี้
เธอมีความสุขจริงหรือ..?..?
เปล่าเลย เธอยอมรับว่า
ชีวิตครอบครัวมีแต่เรื่องร้อนๆ เข้ามาตลอด ในบ้านไม่เคยมีความสุข สามีติดไฮโล
เล่นจนเงินหมดไปมากแทบหมดเนื้อหมดตัว เธอจึงแก้เผ็ดด้วยการเอาเม็ดไฮโลคลุกข้าวให้กิน
และมีปากมีเสียงกันตลอดเวลา สุดท้ายก็ต้องยอมเลิกเล่นเพราะหมดตัวจริงๆ
เงินที่ได้มาแต่ละบาท
จากขบวนการขาย-เล่นหวยนี้ เป็นเงินร้อนที่ได้มาบนความทุกข์ ของการติดหนี้
การซ้ำเติมความจนของผู้อื่นที่หวังรวยด้วยทางลัด มันเป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์
ทำให้เอามาทำมาค้าขายอะไรก็ทำไม่ขึ้น ซึ่งเธอได้ลองด้วยตัวเองและประสบกับมันมาแล้ว
ไม่ว่าจะเอามาลงทุนอะไรมีแต่เจ๊งกับเจ๊งเท่านั้น ทำอะไรไม่เจริญมีแต่ปัญหาตลอด
จนกระทั่งหาทางออกไม่ได้ เครียด กลุ้มจนคิดฆ่าตัวตาย!
กรี๊ด...กรี๊ด...เธอกรีดร้องในห้องน้ำ
และปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา ไหลออกมามากที่สุด เพราะเธอเชื่อว่า น้ำตามันคงช่วยระบายความทุกข์ของเธอได้บ้าง
แต่แล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เธอจึงหันมาพึ่งเหล้า กรอกใส่ปากเพรียวๆ จนหมดขวดราวกับคนคุ้มคลั่ง
หวังจะหนีจากปัญหาให้พ้นจากโลกนี้ไป การทำเช่นนี้ทำให้เธอสลบไปนาน ไม่ตายอย่างที่คิด
และฟื้นขึ้นใหม่เพื่อเผชิญกับภาวะที่ร่างกายทุกข์ทรมานมาก อาเจียนอย่างรุนแรง
มึน ปวดหัวแทบระเบิดแทน ..ทำอย่างไรได้ เธอไม่พบทางออกทางอื่น
เหมือนบุญบันดาล เมื่อเพื่อนสนิทที่เพิ่งกลับจากปฏิบัติธรรมที่พนา-วัฒน์
เห็นสภาพของเธอแล้วอดสงสารไม่ได้ จึงชักชวนเธอให้เข้าวัดปฏิบัติธรรม แทนที่จะดีใจที่พบทางออก
เธอกลับว่าเพื่อนว่า “เป็นบ้าไปแล้วหรือ ถูกพวกธรรมกายล้างสมองมาหรือไง”
แต่ในที่สุดเธอตัดสินใจไปเพราะคำอธิบายอย่างใจเย็นเต็มไปด้วยเหตุผลของเพื่อนผู้หวังดีอย่างแท้จริงชนะใจเธอ
การปฏิบัติธรรมตลอด ๗ วัน ณ พนาวัฒน์ ได้ให้ชีวิตใหม่กับเธอ เธอบอกว่า
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอสังคมแบบนี้ เขามีด้วยหรือ คนยิ้มแย้ม อารมณ์ดี
ทำอะไรละเอียด ประณีต เห็นพี่เลี้ยงเขาเด็กๆ ยังมีธรรมะมาสอนเราได้ เราเป็นผู้ใหญ่แท้ๆ
ทำไมยังทำไม่ได้ ประกอบกับการได้ฟังเทศน์จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อผ่านรายการฝันในฝันวิทยาทุกวัน
ทำให้เธอได้คิด โดยเฉพาะเรื่องการต้องไปรับโทษในมหานรก
จากวิธีการต่างๆ ในการเล่นหวยของเธอ ต้องโดนแท่งเหล็กยักษ์ร้อนเขียนเป็นตัวเลขตามตัว
เธอเห็นภาพตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้อธิบาย เธอกลัวมาก ทำให้เธอได้คิดหันมา
ทบทวนตัวเองใหม่ และคิดจะเลิกจากอาชีพนี้อย่างเด็ดขาด หันมาเร่งสร้างความดี
เพราะรู้สึกว่าชีวิตเธอตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว
บัดนี้ ชีวิตเธอได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่
ที่เลิกจากอาชีพขายหวยเด็ดขาด อาศัยรายได้จากการขายของที่ตลาดแทน สิ่งที่ตามมาคือชีวิตในครอบครัวเธอเริ่มดีขึ้น
การมีปากเสียงภายในครอบครัวลดลงอย่างมาก เธอได้มาวัดเป็นประจำ นั่งสมาธิ
ชวนคนไปปฏิบัติธรรม จนต้องเปลี่ยนฉายาใหม่ให้เธอแทน จาก เจ้าแม่หวย มาเป็น
“แม่จ้าวแห่งการทำความดี”...