อรรถกถา มังสชาดกว่าด้วย
วาทศิลป์ของคนขอ
จบ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภบิณฑบาตอันมีรสที่พระสารีบุตรเถระให้แก่ภิกษุทั้งหลายที่ดื่มยาถ่าย จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นบุตรเศรษฐี. อยู่มาวันหนึ่ง นายพรานเนื้อคนหนึ่งได้เนื้อมาเป็นอันมาก จึงบรรทุกเต็มยานน้อยมายังนคร ด้วยหวังใจว่าจักขาย. ในกาลนั้น บุตรเศรษฐี ๔ คนชาวเมืองพาราณสีออกจากนครแล้ว นั่งสนทนากันถึงเรื่องที่ได้เห็นได้ยินได้ฟังมาบางเรื่อง ณ สถานที่ที่มีหนทางมาบรรจบกัน.
บรรดาเศรษฐีบุตร ๔ คนนั้น เศรษฐีบุตรคนหนึ่งเห็นพรานเนื้อนั้นบรรทุกเนื้อมา จึงกล่าวว่า เราจะให้นายพรานนี้นำชิ้นเนื้อมา. เศรษฐีบุตรเหล่านั้นกล่าวว่า ท่านจงไปให้นำมาเถิด.
เศรษฐีบุตรนั้นเข้าไปหานายพรานเนื้อแล้วกล่าวว่า เฮ้ยพราน จงให้ชิ้นเนื้อแก่ข้าบ้าง.
นายพรานกล่าวว่า ธรรมดาผู้จะขออะไรๆ กะผู้อื่น ต้องเป็นผู้มีคำพูดอันเป็นที่น่ารัก ท่านจักได้ชิ้นเนื้ออันสมควรแก่วาจาที่ท่านกล่าว วาจาของท่านหยาบคายจริงหนอ เราจะให้พังผืดนี้อันเป็นเช่นกับวาจาของท่าน แล้วยกชิ้นเนื้อพังผืดอันไม่มีรสให้ไป.
ลำดับนั้น เศรษฐีบุตรอีกคนหนึ่งถามเศรษฐีบุตรคนนั้นว่า ท่านพูดว่าอย่างไรแล้วจึงขอ.
เศรษฐีบุตรนั้นกล่าวว่า เราพูดว่าเฮ้ยแล้วจึงขอ.
เศรษฐีบุตรนั้นกล่าวว่า แม้เราก็จักขอเขา แล้วไปกล่าวว่า พี่ชาย ท่านจงให้ชิ้นเนื้อแก่ฉันบ้าง.
นายพรานกล่าวว่า ท่านจักได้ชิ้นเนื้ออันสมควรแก่คำพูดของท่าน
คำว่า พี่น้องชายหรือพี่น้องหญิง นี้เป็นส่วนประกอบของมนุษย์ทั้งหลาย อันเขากล่าวกันอยู่ในโลก วาจาของท่านเป็นเช่นกับส่วนประกอบ ดูก่อนสหาย วาจานี้ของท่านเป็นเช่นกับอวัยวะ ดังนั้น เราจะให้เฉพาะชิ้นเนื้อเท่านั้นอันสมควรแก่วาจานี้ของท่าน.
ก็แหละครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว นายพรานจึงได้ยกเนื้ออันเป็นอวัยวะส่วนประกอบให้ไป.
เศรษฐีบุตรอีกคนหนึ่งถามเศรษฐีบุตรคนนั้นว่า ท่านพูดว่าอย่างไรแล้วจึงขอ.
เศรษฐีบุตรนั้นกล่าวว่า เราพูดว่าพี่ชายแล้วจึงขอ.
เศรษฐีบุตรนั้นกล่าวว่า แม้เราก็จักขอเขาแล้ว ไปกล่าวว่า ข้าแต่พ่อ ท่านจงให้ชิ้นเนื้อแก่ฉันบ้าง.
นายพรานกล่าวว่า ท่านจักได้ชิ้นเนื้ออันสมควรแก่คำพูดของท่าน เเล้วกล่าวว่า
บุตรเรียกบิดาว่า พ่อ ย่อมทำให้หัวใจของพ่อหวั่นไหว วาจาของท่านเช่นกับน้ำใจ ดูก่อนสหาย เราจะให้เนื้อหัวใจแก่ท่าน.
ก็แหละครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงได้ยกเนื้ออันอร่อยพร้อมกับเนื้อหัวใจให้ไป.
เศรษฐีบุตรคนที่ ๔ จึงถามเศรษฐีบุตรคนนั้นว่า ท่านพูดว่ากระไรแล้วจึงขอ.
เศรษฐีบุตรคนนั้นกล่าวว่า เราพูดว่าพ่อแล้วจึงขอ.
เศรษฐีบุตรคนที่ ๔ นั้นจึงกล่าวว่า แม้เราก็จักขอเขา แล้วจึงไปพูดว่า สหาย ท่านจงให้ชิ้นเนื้อแก่ฉันบ้าง.
นายพรานกล่าวว่า ท่านจักได้ชิ้นเนื้ออันสมควรแก่คำพูดของท่าน เเล้วกล่าวว่า
ในบ้านของผู้ใดไม่มีเพื่อน บ้านของผู้นั้นก็เป็นเหมือนกับป่า วาจาของท่านเป็นเช่นกับสมบัติทั้งมวล ดูก่อนสหาย เราจะให้เนื้อทั้งหมดแก่ท่าน.
ก็แหละครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว นายพรานจึงกล่าวว่า มาเถิดสหาย ข้าพเจ้าจักนำยานบรรทุกเนื้อนี้ทั้งหมดทีเดียวไปยังบ้านของท่าน. เศรษฐีบุตรให้นายพรานนั้นขับยานไปยังเรือนของตน ให้ขนเนื้อลง กระทำสักการะแก่นายพราน ให้เรียกแม้บุตรและภรรยาของนายพรานนั้นมา ให้เลิกจากกรรมอันหยาบช้า ให้อยู่ในท่ามกลางกองทรัพย์สมบัติของตน เป็นสหายที่แน่นแฟ้นกับนายพรานนั้น อยู่สมัครสมานกันจนตลอดชีวิต.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
นายพรานในครั้งนั้น ได้เป็น พระสารีบุตร
ส่วนเศรษฐีบุตรผู้ได้เนื้อทั้งหมดในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.