จบ
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดขึ้นในตระกูลอำมาตย์ ครั้นเจริญวัย ได้เป็นผู้สอนอรรถและธรรมของพระองค์ แต่พระราชาพระองค์ช่างพูด เมื่อพระองค์ตรัสคนอื่นไม่มีโอกาสพูดได้เลย พระโพธิสัตว์ประสงค์จะปรามความพูดมากของพระองค์ จึงคิดตรองหาอุบายสักอย่างหนึ่ง
ในกาลนั้น มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่สระแห่งหนึ่งในหิมวันตประเทศ มีลูกหงส์สองตัวหากิน จนสนิทสนมกับเต่า ลูกหงส์สองตัวนั้น ครั้นสนิทสนมแน่นแฟ้น
วันหนึ่งจึงพูดกับเต่าว่า: เต่าเพื่อนรัก ที่อยู่ในถ้ำทองที่พื้นภูเขาจิตรกูฏ ในป่าหิมพานต์ เป็นพื้นที่รื่นรมย์ ของพวกเรา ท่านจะไปกับเราไหม
เต่า : เราจะไปได้อย่างไรเล่า
ลูกหงส์ : เราจะพาท่านไป หากท่านรักษาปากไว้ได้ ท่านจะไม่พูดอะไรกะใครๆ เลย
เต่า : ได้ พวกท่านพาเราไปเถิด
ลูกหงส์ทั้งสองจึงให้เต่าคาบไม้อันที่หามาได้ก่อนที่ ตนเองคาบปลายไม้ทั้งสองข้างบินไปในอากาศ พวกเด็กชาวบ้านเห็นหงส์นำเต่าไปดังนั้น จึงตะโกนขึ้นว่า หงส์สองตัวนำเต่าไปด้วยท่อนไม้
เต่า : ถึงสหายของเราจะพาเราไป เจ้าเด็กถ่อย มันกงการอะไรของเจ้าเล่า จึงปล่อยท่อนไม้จากที่ที่คาบไว้
ในเวลาที่ถึงเบื้องบนพระราชนิเวศน์ในนครพาราณสี เพราะหงส์พาไปเร็วมาก จึงตกในอากาศ แตกเป็นสองเสี่ยง ได้เกิดเอะอะขึ้น เต่าตกจากอากาศแตกสองเสี่ยง
พระราชาทรงพาพระโพธิสัตว์ไป มีหมู่อำมาตย์แวดล้อม เสด็จไปถึงที่นั้น ทอดพระเนตรเห็นเต่า จึงตรัสถามพระโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนท่านบัณฑิต ทำอย่างไรจึงได้ตกมา
พระโพธิสัตว์คิดว่า เราคอยมานานแล้ว ใคร่จะถวายโอวาทพระราชา เที่ยวตรองหาอุบายอยู่ เต่าตัวนี้คงจะคุ้นเคยกับหงส์เหล่านั้น พวกหงส์จึงให้คาบไม้ไปด้วยหวังว่า จะนำไปป่าหิมพานต์ จึงบินไปในอากาศ ครั้นแล้ว เต่าตัวนี้ได้ยินคำของใครๆ อยากจะพูดตอบบ้าง เพราะตนไม่รักษาปาก จึงปล่อยท่อนไม้เสีย ตกจากอากาศถึงแก่ความตาย จึงกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ธรรมดาคนปากกล้าพูดไม่รู้จบ ย่อมได้รับทุกข์เห็นปานนี้แหละ พระเจ้าข้า แล้วได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
เต่าพออ้าปากจะพูด ได้ฆ่าตนเองแล้วหนอ เมื่อตนคาบท่อนไม้ไว้ดีแล้ว ก็ฆ่าตนเสียด้วยวาจาของตนเอง
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐในหมู่นรชน บุรุษผู้เป็นบัณฑิต เห็นเหตุอันนี้แล้ว ควรเปล่งแต่วาจาที่ดี ไม่ควรเปล่งวาจานั้นให้ล่วงเวลาไป ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรเต่าผู้ถึงความพินาศ เพราะพูดมาก