ข่าวประชาสัมพันธ์ : กัลยาณมิตร ธรรมะออนไลน์

พิธีปุพพเปตพลี เสาร์ที่ 2 พ.ค.2558 ณ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย วันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6

วันที่ 30 เมย. พ.ศ.2558

      ขอเชิญร่วมทำบุญปุพพเปตพลี
      วันเสาร์ ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
ณ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี

 

กำหนดการ
 
                                            10:00 น. คณะสงฆ์สวดบทพระพุทธมนต์ อุทิศบุญกุศลให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
                                             10.30 น. พิธีถวายกองทุนการศึกษาภาษาบาลี-นักธรรม/ถวายภัตตาหารเพล
                                             12:20 น. เสร็จพิธี


อุทิศบุญแด่หมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วและสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาทุกวันพระใหญ่

 

       พิธีปุพพเปตพลี เป็นการทำบุญที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดังเช่นครั้งหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารราชาแห่งแคว้นมคธ ได้กราบทุลอาราธนาสมเด็จพระศาสดาและนิมนต์คณะสงฆ์ไปรับมหาทานที่พระราชนิเวศน์ เพื่อทำพิธีอุทิศส่วนกุศลแก่หมู่ญาติของพระองค์ เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายผ้าและไทยธรรมต่างๆ และทรงอุทิศพระราชกุศลแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
 
      ในครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบันดาลให้พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวารเห็นว่าหมู่ญาติที่ไปเกินเป็นเปรตทั้งหลายมีสภาพเช่นไร หลังจากได้รับผลบุญที่อุทิศไปให้แล้ว กล่าวคือ ในขณะที่พระเจ้าพิมพิสารทรงหลั่นน้ำทักษิโณทกนั้น มีสระโบกขรณีที่เต็มไปด้วยดอกปทุมอันสวยงามบังเกิดขึ้นในบรรดาเปรตเหล่านั้นได้ดื่มกินน้ำและอาบชำระล้างร่างกาย เมื่อดื่มแล้วก็บรรเทาความกระหาย เมื่ออาบแล้วก็มีผิวพรรณเหลืองอร่ามดุจทองเนื้องาม ร่างกายที่พิกลพิการก็กลับคืนดังคนปกติ และเมื่อได้รับอาหารคาวหวานที่เป็นทิพย์ ก็ทำให้ร่างกายที่ผ่ายผอมมีน้ำมีนวล อิ่มเอิบ
 
      อย่างไรก็ตาม ฝูงเปรตเหล่านั้นยังมิได้มีผ้านุ่งผู้ห่ม พระเจ้าพิมพิสารจึงกราบทูลถามพระบรมศาสดาว่าจะทำประการใด พระพุทธองค์ตรัสว่า ให้ถวายผ้าสบง จีวรและผ้านิสีทนะแด่พระภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าพิมพิสารจึงรับสั่งให้บริวารจัดหาผ้านุ่ง ผู้ห่ม ผ้ารองนั่งมาถวายแด่คณะพระภิกษุซึ่งมีพระสัมมาสัมพุทะเจ้าเป็นประมุข แล้วทรงอุทิศผลบุญนั้นแก่หมู่เปรต เมื่อเปรตทั้งหลายได้รับผลบุญแล้วจึงเปล่งสาธุการ และพากันเข้าไปอยู่ในวิมาน เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้เห็นอานิสงส์ของการให้ทานและการอุทิศผลบุญแก่หมู่ญาติก็ทรงมีความรื่นเริงยินดี เลื่อมใสศรัทธาในการทำทานมากยิ่งขึ้น
 
      ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาทรงอนุโมทนาด้วยพระคาถาอันปรากฏในติโรกุฑฑสูตรตอนหนึ่งว่า

อทาสิ เม อกาสิ เม ญาติมิตฺตา สขา จ เม เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ ฯ 

      ซึ่งหมายถึงว่า เมื่อบุคคลระลึกถึงความดีของบุพการีตลอดจนญาติมิตรผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้วทั้งหลาย พึงทำบุญอุทิศไปให้ เพราะบุญย่อมก่อให้เกิดประโยชน์และความสุขยิ่งกว่าการร้องไห้พิไรรำพัน นอกจากนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีและเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอีกด้วย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล