นิทานอีสป เรื่อง มองการณ์ไกล
ครั้งหนึ่ง แกะกับแพะเคยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาช้านาน พวกมันรักและสนิทสนมกันดุจญาติสนิท สัตว์ทั้งหลายในป่าเดียวกันนั้นต่างชื่นชมและสรรเสริญการกระทำของสัตว์ทั้งสองพวกนี้ยิ่งนัก
วันหนึ่ง บรรดาแพะหนุ่มสาวพากันบอกแพะชราซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของพวกมันว่าแกะกับแพะก็รักกันมาก จึงสมควรรื้อรั้วที่คั่นระหว่างบ้านของพวกมันทิ้งไปเสีย แกะกับแพะจะได้ไปมาหาสู่กันสะดวกขึ้น และดำรงชีวิตอยู่เหมือนครอบครัวเดียวกันมากขึ้น
เมื่อแพะชราได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจและห้ามปรามไว้ทันที โดยให้เหตุผลว่า แม้ในปัจจุบันแกะกับแพะจะรักกันมาก แต่นานไปข้างหน้าอาจมีเรื่องวิวาทบาดหมางกันได้ ถ้ารื้อรั้วทิ้งไปก็จะต้องทำรั้วขึ้นใหม่เมื่อมีเรื่องโกรธกัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
แม้ในความรักหรือมิตรภาพที่ดูดีในปัจจุบัน แต่การตั้งขอบเขตและรักษาระเบียบวินัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ความรอบคอบและความสุขุมจึงเป็นคุณธรรมสำคัญที่ช่วยให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ (เชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนา):
1. อปริหานิยธรรม (หลักธรรมที่ทำให้ไม่มีความเสื่อม):
การมี "ขอบเขต" และ "กติกา" ในการอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะมีความรักและสามัคคีในปัจจุบัน แต่หากไม่มีการป้องกันปัญหาล่วงหน้า ความขัดแย้งอาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น การรักษาระเบียบวินัยและความเหมาะสมจึงเป็นทางที่ช่วยให้สังคมดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง
2. อุเบกขา (การวางใจเป็นกลาง):
แพะชราแสดงถึงความสุขุมรอบคอบและวางใจเป็นกลาง แม้ในสถานการณ์ที่ดูสงบสุขในปัจจุบัน แต่ก็เตือนสติว่าความไม่เที่ยง (อนิจจัง) อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้
3. โยนิโสมนสิการ (การใคร่ครวญโดยแยบคาย):
การคิดอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ ไม่มองแต่ข้อดีในปัจจุบันเพียงด้านเดียว แต่พิจารณาถึงผลกระทบในระยะยาวด้วย เช่นเดียวกับการดำเนินชีวิตที่ต้องคิดถึงเหตุและผลอย่างรอบด้าน
4. อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ):
ชีวิตและความสัมพันธ์มีทั้งทุกข์ (การทะเลาะหรือความขัดแย้ง) และความสุข (ความสามัคคี) การป้องกันปัญหาด้วยการรักษาระเบียบและขอบเขตจึงเป็นหนทางแห่งการลดทุกข์และดำรงความสุขในระยะยาว