นิทานอีสป เรื่อง คิดต่างกัน
ช้างตัวหนึ่งเป็นเพื่อนรักกับกระต่ายตัวหนึ่งมานาน สัตว์ทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกัน หากินด้วยกัน และกินอาหารอย่างเดียวกันคือหญ้าและใบไม้
ครั้งหนึ่งกระต่ายป่วย ช้างก็ช่วยปรนนิบัติรักษาและหาอาหารมาให้กระต่ายกินจนหายเป็นปกติดี หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปี ช้างก็เกิดไม่สบายและออกไปหากินไม่ได้ กระต่ายจึงช่วยปรนนิบัติรักษาและหาอาหารมาให้ช้างกินเท่าที่จะมีกำลังขนมาได้ ขณะที่เพียรพยายามขนหญ้ามาให้ช้างอยู่หลายเที่ยว กระต่ายก็คิดในใจว่า
"ช้างเอ๋ย! เจ้าคงยินดีที่ได้กินหญ้ามากมายอย่างนี้ ข้าอุตส่าห์หาหญ้ามาให้เจ้าไม่ใช่น้อยเลย แม้แต่ตัวข้ายังไม่เคยกินหญ้ามากถึงขนาดนี้"
แต่เมื่อช้างเห็นหญ้าทั้งหมด กลับคิดตรงข้ามกับกระต่าย มันรำพึงว่า
"โอ้กระต่ายมิตรรักของข้า! หญ้าทั้งหมดที่เจ้าเพียรพยายามขนมานี้คงมากมายสำหรับเจ้าแต่สำหรับข้านั้น ยังไม่พอที่จะกินเพียงหนึ่งคำเลย"
ทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การให้ทานด้วยใจบริสุทธิ์และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่คำนึงถึงขนาดหรือมูลค่าของสิ่งที่ให้ ล้วนมีคุณค่าอันยิ่งใหญ่ การเข้าใจและยอมรับความแตกต่างช่วยให้เกิดความเมตตาและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ (เชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนา):
1. ทานบารมี (การให้ด้วยน้ำใจ): การให้หรือช่วยเหลือผู้อื่นควรตั้งอยู่บนเจตนาดีและความจริงใจ แม้ทรัพย์ที่ให้อาจดูเล็กน้อย แต่ถ้าให้ด้วยความเมตตา ก็ถือเป็นทานที่มีคุณค่ายิ่ง
2. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ): การเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล เช่น ความต้องการหรือความสามารถ เป็นสิ่งสำคัญ ความเข้าใจที่ถูกต้องช่วยให้เกิดความเมตตากรุณาที่แท้จริง และไม่คาดหวังในสิ่งที่เกินกว่าผู้อื่นจะให้ได้
3. ความเมตตาและกรุณา: กระต่ายและช้างแสดงออกถึงความรักและห่วงใยซึ่งกันและกันในยามลำบาก สะท้อนถึงหลักเมตตากรุณาที่ช่วยให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
4. อัตถจริยา (การช่วยเหลือผู้อื่น): แม้กำลังหรือทรัพยากรจะมีจำกัด กระต่ายยังช่วยเหลือช้างด้วยความเพียรพยายาม ซึ่งสอดคล้องกับหลักธรรมว่าความเสียสละเล็กน้อยก็สร้างประโยชน์ได้มหาศาล