ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ต่างต้องเวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วนนี้ ล้วนต้องผ่านการดำรงสถานะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระราชา มหากษัตริย์ พระเจ้าจักรพรรดิ หรือแม้กระทั่งเกิดเป็นยาจกเข็ญใจ การที่เรารู้ว่าเกิดมาทำไม มีอะไรเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต แล้วดำเนินชีวิตของเราเพื่อมุ่งไปสู่จุดที่เราปรารถนานั้น จึงนับว่าเป็นสิ่งที่เลิศประเสริฐสุด การที่เราจะสามารถประคับประคองตัวเองให้ดำรงอยู่ในสภาวะอย่างนี้ได้ จะต้องหมั่นประคองใจของเราให้อยู่ในแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ให้ได้ตลอดเวลา ด้วยการทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หากทำได้อย่างนี้ ชีวิตในปัจจุบันและในอนาคตจะปลอดภัยจากอบายและภัยในสังสารวัฏ
มีวาระแห่งภาษิตที่มาใน โสณโกฏิยเวสสเถราปทาน ความว่า
“ผู้ใดมีจิตโสมนัส ได้ถวายศาลาที่จงกรมแก่เรา เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว รถอันเทียมด้วยม้าพันหนึ่ง จักปรากฏแก่ท่านผู้นั้น ผู้พรั่งพร้อมด้วยบุญกรรม ในเวลาใกล้จะละโลก
ผู้นั้นจักไปสู่เทวโลกด้วยยานนั้น เทวดาทั้งหลายจักพลอยบันเทิง ในเมื่อผู้นี้ไปถึงภพอันดี
วิมานอันควรค่ามาก เป็นวิมานประเสริฐ ฉาบทาด้วยเครื่องทาอันสำเร็จด้วยรัตนะ
ประกอบด้วยเรือนยอด อันประเสริฐ จักครอบงำวิมานอื่น ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก
ตลอดสามหมื่นกัป จักได้เป็นท้าวสักกเทวราชตลอด ๒๕ กัป และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิถึง
๗๗ ครั้ง พระเจ้าจักรพรรดิแม้ทั้งหมดนั้น ทรงมีพระนามอย่างเดียวกันว่า ยโสธระ ผู้นี้ได้เสวยสมบัติทั้งสองแล้ว ก่อสร้างสั่งสมบุญแล้ว จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิอีก ๒๘ กัป แม้ในภพนั้น
จักมีวิมานอันประเสริฐที่วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตให้”
พระคาถานี้ เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ซึ่งพระองค์ตรัสพยากรณ์แด่นักสร้างบารมีท่านหนึ่ง ที่ได้สร้างบุญพิเศษไว้ คือสร้างศาลาสำหรับเดินจงกรมถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระดำรัสนี้หลวงพ่ออยากจะนำมาเล่าให้พวกเราได้รับทราบไว้ ถึงอานิสงส์ที่บังเกิดขึ้น จากการสร้างสถานที่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรมของผู้ประพฤติธรรม เรื่องนี้เกิดขึ้นในอดีต เป็นชีวประวัติการสร้างบารมีของพระอรหันตเถระองค์หนึ่ง ท่านมีนามว่า พระโสณโกฬิวิสเถระ หลังจากที่ท่านบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้ระลึกชาติย้อนกลับไปในอดีตสมัยยังสร้างบารมีอยู่ ท่านพบว่า ที่ตัวของท่านเองมีวันนี้ได้ ก็เพราะบุญหนุนนำ เป็นผลจากความดีที่ได้ทำเอาไว้หลายๆ ชาติรวมกัน
* ท่านได้บำเพ็ญบุญญาธิการอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในพระสัมมาสัมทพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ท่านเวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีมาหลายภพหลายชาติ จนกระทั่งมาถึงสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ท่านบังเกิดในตระกูลที่มีฐานะดีตระกูลหนึ่ง เมื่อเติบโตขึ้นก็มีครอบครัวตามประสาของชาวโลกทั่วๆ ไป จนกระทั่งมีบุตรธิดา การที่ท่านมีสมบัติแล้ว ท่านก็ไม่มีความตระหนี่แต่อย่างใด ให้ทานเป็นประจำสมํ่าเสมอ เพราะมีศรัทธาในพระศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม ได้ขวนขวายสร้างบุญอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ไม่ว่าจะบุญเล็ก บุญปานกลาง บุญใหญ่ ก็ทำหมดทุกบุญ
จนกระทั่งวันหนึ่งท่านคิดว่า พระบรมศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์นี้ เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ควรสนับสนุนให้ท่านได้รับความสะดวกสบายในการประพฤติธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะท่านสังเกตเห็นพระบรมศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์มักจะเดินจงกรม เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถในการบำเพ็ญเพียร ท่านจึงสร้างที่จงกรมอันงดงามมีการโบกฉาบด้วยปูนขาว ตบแต่งให้สวยงาม พื้นก็ราบเรียบสมํ่าเสมอ และได้เอาดอกไม้โปรยลงบนที่จงกรม เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ ทั้งยังได้ปรับบรรยากาศให้มีกลิ่นหอม มีการจัดแจงประทีป ธูปเทียน และดอกไม้เป็นต้น ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า และหมู่ภิกษุสงฆ์ โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน และได้ถวายภัตตาหารอันประณีตในวันฉลองศาลาที่จงกรม รวมทั้งไทยธรรมด้วย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ครั้นทรงรับแล้วก็ประทับนั่ง ณ ท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ และมองไปในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าด้วยพระญาณอันบริสุทธิ์ของพระองค์ ก็เห็นมหาสมบัติใหญ่ที่จะบังเกิดขึ้นกับอุบาสกท่านนี้ พระองค์ทรงปรารถนาให้อุบาสกรับรู้ถึงผลแห่งการสร้างบุญใหญ่ในครั้งนั้น จึงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า “ดูก่อนอุบาสก ท่านมีจิตเลื่อมใสในเราตถาคตและหมู่สงฆ์ ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ได้ตั้งใจสร้างสถานที่เพื่อสนับสนุนการประพฤติปฏิบัติธรรมของผู้แสวงหาพระนิพพาน มหานิสงส์อันไม่มีประมาณจะบังเกิดขึ้นกับท่าน
ท่านจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอดสามหมื่นกัป จักได้เป็นท้าวสักกเทวราช ผู้เป็นใหญ่กว่าทวยเทพชั้นดาวดึงส์ตลอด ๒๕ กัป และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิถึง ๗๗ ครั้ง และจักมีวิมานอันประเสริฐ ที่วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตให้ และจะได้ครอบครองนครที่เจริญรุ่งเรือง มีเสียงอึกทึกด้วยเสียง ๑๐ อย่างต่างๆ กัน มีผู้คนคับคั่ง แค่ช่วงไก่บินตกก็ยังหนาแน่นไปด้วยผู้คน ในกัปจะนับประมาณมิได้แต่กัปนี้ จักมีพระราชาครองแผ่นดิน มีฤทธิ์มากทรงพระนามว่าโอกกากราช
ในครั้งนั้น ท่านจักได้เสวยโภคสมบัติอันเป็นของมนุษย์มิใช่น้อยในภพที่เกิด เมื่อท่านเคลื่อนจากกายนั้นแล้วจักไปสู่เทวโลก แม้ไปอยู่ในเทวโลกก็จักได้วิมานอันประเสริฐเป็นที่รื่นรมย์ใจ เมื่อกุศลกรรมตักเตือนแล้ว จักเคลื่อนจากเทวโลกมาสู่ความเป็นมนุษย์ จักมีชื่อว่า โสณะ เป็นผู้ปรารภความเพียร มีใจแน่วแน่ ตั้งความเพียรไว้ในศาสนาของพระบรมศาสดาพระนามว่าโคดม สามารถกำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว จักไม่มีอาสวะ จักบรรลุนิพพานอันเกษม "
พอได้ฟังคำพยากรณ์อย่างนั้น อุบาสกเกิดมหาปีติแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย และยิ่งทำให้มีกำลังใจในการสร้างบารมีเพิ่มมากขึ้น ท่านได้ตั้งใจมั่นว่า จะสร้างบารมีให้เต็มที่โดยไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่า จะเอาบุญบารมีติดตัวไปให้ได้มากที่สุด เมื่อคิดอย่างนี้ ท่านก็ขวนขวายบำเพ็ญบุญจนตลอดชีวิตด้วยหัวใจของนักสร้างบารมี พอจุติจากอัตภาพที่เป็นมนุษย์ ก็ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในเทวโลก ได้เสวยทิพยสมบัติและมนุษย์สมบัติอันเลิศไม่มีพร่อง สมกับคำพยากรณ์ของพระบรมศาสดาทุกประการ
จนกระทั่งมาถึงสมัยพุทธกาลของเรานี้ ท่านได้มาเกิดในโกลิยราชวงศ์ ซึ่งเป็นตระกูลพี่น้องของศากยวงศ์ มีนามปรากฏว่า โกฏิกัณณะ เพราะทรงไว้ซึ่งเครื่องประดับหู มีค่าประมาณโกฏิหนึ่ง ท่านเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไปฟังธรรม เมื่อฟังธรรมแล้วก็เกิดศรัทธาจึงออกบวช และตั้งใจเจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา ท่านเจริญสมถวิปัสสนาไม่นาน ด้วยอำนาจแห่งบุญที่สั่งสมมาอย่างเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ก็ได้บรรลุธรรมพระอรหันต์ในที่สุด
เมื่อท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัสขึ้นจึงเปล่งอุทานว่า "อานุภาพแห่งบุญนี้ ไม่มีประมาณหนอ เรามีตนฝึกแล้วในการฝึกอันอุดม เราตั้งจิตไว้ดีแล้ว ปลงภาระทั้งปวงลงได้แล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว สิ่งที่เราได้ในภพชาติสุดท้ายนี้ บังเกิดขึ้นแก่เรา ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เราได้สั่งสมเอาไว้ดีแล้ว"
เราจะเห็นว่า นักสร้างบารมีที่ประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิต ทั้งที่เป็นทิพยสมบัติ มนุษยสมบัติ แม้กระทั่งนิพพานสมบัติ ล้วนได้มาด้วยอานุภาพแห่งบุญทั้งนั้น ได้มาจากการสร้างบารมีอย่างทุ่มเท ไม่ทำตัวให้ประมาทเพลิดเพลินอยู่ในโลก นักสร้างบารมีทั้งหลายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ล้วนเกิดมาแล้วก็ตั้งใจสร้างบารมีกันอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้ผลบุญที่เต็มเปี่ยมนั้น ส่งผลให้บรรลุถึงจุดสูงสุดของชีวิต ได้มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผลนิพพาน มหาสมบัติทั้งที่เป็นโลกิยะและอริยะ ได้บังเกิดอย่างสมบูรณ์แก่ท่าน เมื่อพวกเราได้ฟังเรื่องราวของพระเถระที่ท่านได้สั่งสมไว้ดีแล้ว ก็ให้ตั้งใจสั่งสมบุญของเราให้เต็มที่ เดินตามรอยของพระอริยเจ้าทั้งหลาย สร้างบารมีให้ได้ทุกวัน แล้วเราจะสมปรารถนาทุกๆ คน
พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๑๗๓