เล่าเรื่องคุณยาย ตอน ของใช้ของคุณยาย
(เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา)
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับ
กระผม พระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทฺธิจินฺตโก หรือ หลวงพี่หมู ครับ
หลวงพ่อครับ..กระผมว่าคนรุ่นใหม่หลายๆ คนที่มาไม่ทันคุณยาย คงอยากจะทราบว่า ท่านมีอัธยาศัยในการใช้สมบัติพระศาสนา และสมบัติส่วนตัวของท่านอย่างไร ซึ่งเท่าที่ผมเคยเห็นท่านมาตั้งแต่บ้านธรรมประสิทธิ์ คุณยายท่านเป็นคนประหยัด และใช้ของได้คุ้มค่ามากครับ อีกทั้งของใช้ส่วนตัวท่านก็มีเพียงไม่กี่ชิ้น
อย่างสมัยแรกที่ได้แผ่นดิน 196 ไร่ มาสร้างวัดใหม่ๆ ท่านก็พยายามรวบรวมเงินทองเก็บเอาไว้ แล้วก็ประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เพื่อจะเอาเงินมาใช้ในการก่อสร้างวัด สร้างศูนย์พุทธจักรฯ หรือวัดพระธรรมกายในปัจจุบัน
ซึ่งคุณยายท่านมักจะพูดบ่อยๆ ว่า.. “ยายไม่คิดอะไร รีบๆ ทำให้มันเสร็จๆ สร้างวัดให้เขาอยู่สร้างบุญบารมีกันแล้ว ยายก็ขออาศัยมีข้าวกิน 2 มื้อ มีกุฏิเอาไว้คุดหัวนั่งเข้าที่ตามสมบัติในที่ เอามาให้เขากินเขาใช้ทำงานให้พอ..ก็พอใจแล้ว” ซึ่งก็จริงๆครับ คือ ท่านเป็นคนมักน้อย สันโดษ ไม่ติดอะไรเลย นอกจากธรรมะ ซึ่งอัธยาศัยอย่างนี้เองครับ เลยทำให้ท่านสามารถทำวิชชาปล่อยใจเข้ากลางได้โดยไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้ง จนรู้ญาณของท่านแม่นยำ ขนาดหลวงปู่วัดปากน้ำยังยกย่องว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง
หลวงพ่อครับ...เรื่องนี้..ถ้าผมพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐาน หลายคนอาจจะไม่เชื่อ งั้น..วันนี้ กระผมกราบขออนุญาตเอารูปของใช้แต่ละชิ้นของท่านมาให้ดูจะๆ ทางช่อง DMC ช่องนี้ช่องเดียวครับ ซึ่งถ้าเห็นแล้ว...อาจจะเกิดอาการเข็มขัดสั้น..คือ คาดไม่ถึง เพราะบางคนอาจมีภาพในใจว่า..ท่านเป็นถึงผู้สร้างวัดใหญ่โต คงจะใช้ของหรูๆ แพงๆ แต่ที่ไหนได้ครับ อย่างเช่น จานข้าวของคุณยาย ก็เป็นจานที่เขาแถมมากับผงซักฟอกที่ซื้อมา ซึ่งเดิมเป็นจานสีชมพู ท่านใช้จนมันเปลี่ยนเป็นสีเกือบขาว ท่านใช้มานานถึง 20 กว่าปีแล้ว คือ ใช้ตั้งแต่สมัยอยู่ที่วัดปากน้ำ จนกระทั่งย้ายมาที่วัดพระธรรมกาย ก็ยังใช้จานข้าวเดิม บางครั้งกระผมเคยจะเปลี่ยนให้ท่าน ท่านก็จะเรียกหา ..ว่าจานข้าวยายอยู่ไหน ซึ่งก็ต้องเอาจานข้าวใบเก่า กลับไปให้ท่านเหมือนเดิมครับ ท่านถึงจะยอมทานข้าวกลางวัน. หรือแม้แต่เบาะรองนั่งปฏิบัติธรรมของท่าน ที่ป้าเข่งเย็บถวายท่านตั้งแต่สมัยบ้านธรรมประสิทธิ์ ท่านก็ใช้อย่างทะนุถนอมเรื่อยมาจนกระทั่งท่านละสังขาร หรือแม้อย่างเก้าอี้หวาย และม้านั่งที่ท่านใช้นั่งที่กุฏิเป็นประจำ ท่านก็ใช้ตัวเดิมอยู่อย่างนั้น เรียกว่าใช้จนคุ้มค่า หรืออย่างโต๊ะทานข้าวของท่าน ก็เป็นตั่งเตี้ยๆ ก็ไม่ได้หรูหราอะไร ซึ่งในสมัยที่ท่านแข็งแรง เวลาท่านทานข้าว ก็จะนั่งกับพื้น และเอาปิ่นโตที่ใส่อาหารออกจากเถาวางเรียงกันบนโต๊ะ แล้วก็ใช้จานข้าวสีชมพูใบเดิมของท่านตักข้าวทานอย่างเรียบง่าย.
คุณยายท่านจะสอนพวกเราบ่อยๆว่า.. “ระวังนะ..ใช้ทรัพย์ไม่เป็นก็จะเป็นขี้ข้าทรัพย์ ใช้เงินไม่เป็นก็จะเป็นขี้ข้าเงิน ถ้าเราใช้ทรัพย์ไม่สมควร มันก็เหมือนใช้ทรัพย์บนหัวคน เพราะก่อนที่โยมเขาจะทำบุญ เขาเอาเงินจบท่วมหัวเชียวนะ อีกหน่อยเดี๋ยวได้ไปเกิดเป็นขี้ข้ารับใช้เขานะ ชาติละ 5 สตางค์ กว่าจะหมด... เป็นขี้ข้ารับใช้เขาอีกนานเลยนะ ใช้เขาหัวโตเชียวนะ” (รับใช้เขาชาติละ 5 สตางค์..ก็อุปมาเหมือนกับติดหนี้เขาอยู่ 100 บาท ซึ่งจะทยอยลดแค่ชาติละ 5 สตางค์เท่านั้น ซึ่งกว่าจะหมดครบ 100 บาท ก็ต้องใช้เวลายาวนานมากๆ)
ซึ่งคุณยายท่านจะเน้นอย่างนี้เรื่อยๆ กับอุบาสกและเด็กวัดสมัยก่อน จึงทำให้พวกที่ท่านสอนอย่างใกล้ชิด ตระหนักและซาบซึ้งดีว่า..เวลาจะใช้ทรัพย์ ใช้สิ่งของต่างๆ จะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ของอะไรที่เสีย พอจะซ่อมใช้ได้ก็ซ่อมใช้ไปก่อน ก่อนที่จะซื้อใหม่ ซึ่งคุณยายท่านยังได้บอกเพิ่มเติมอีกว่า.. “สิ่งของอะไรก็ตามที่เราเก็บเอาไว้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เอาไปบริจาคให้แผนกข้างเคียงหรือวัดข้างเคียงก็ได้ เพื่อเขาจะได้ใช้ประโยชน์ จะได้ไม่ต้องซื้อไม่ต้องหาให้เสียสตางค์ และเป็นบุญกุศลแก่ตัวเราด้วย” แต่ว่า ณ ปัจจุบันเรามีคนมากขึ้น คนที่ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ก็เริ่มจะมี คุณยายจึงมาบอกกระผมว่า.. “ ให้ระวังนะ คอยดูให้ดี หลังจากยายละโลกแล้ว หลวงพ่อธัมมะท่านแบกภาระทั้งวัดเชียวนะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ช่วยกันแบ่งเบาภาระของท่านลงไปบ้างละก็ ท่านก็จะหนักอย่างนี้เรื่อยๆ พวกเรามาอยู่รวมกันต้องช่วยกัน นอกจากช่วยกันกินช่วยกันใช้แล้ว
ต้องช่วยกันหา ช่วยกันรักษาของ ช่วยกันประหยัดด้วย ให้พยายามบอก สอนรุ่นน้องๆ ต่อไป ให้สอนไปอย่างที่ยายสอนนะ” จะเห็นว่าสมัยก่อนเพียงแค่เศรษฐีชี้หนูตาย ผู้มีปัญญายังตั้งตัวเป็นเศรษฐีได้ แต่พวกเราโชคดีที่ได้คุณยายเป็นต้นบุญต้นแบบ แนะให้ทำ นำให้ดู ทั้งหยาบและละเอียด ถ้าเราทำตามอย่างท่าน ชีวิตนี้เกิดมา เรียกได้ว่า คุ้มเกินจะคุ้ม
สุดท้ายนี้..ผมก็ขอจบเรื่องคุณยายแต่พอสังเขปเท่านี้ก่อนครับ แต่ที่จริงเรื่องราวคุณธรรมคุณวิเศษของท่านยังมีอีกมาก ซึ่งผมก็ขอสรุปว่า..หากเราได้มาทำบุญกับท่าน เชื่อมสายบุญกับท่าน เราก็จะได้บุญมากอย่างจะนับจะประมาณไม่ได้จริงๆ ครับ และเราจะได้มีบุญตามติดยายครับ.