จุดจบของนักดื่ม

วันที่ 10 พย. พ.ศ.2559

จุดจบของนักดื่ม,ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม 4 รักนี้สีอะไร,บทความประจำวัน

 

 

จุดจบของนักดื่ม

 

สมัยเด็กๆ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจตนเองว่า ทำไมจึงเกลียดความชั่วนัก ใครทำชั่วก็เกลียดคนนั้นด้วย ถ้าเป็นพ่อแม่ซึ่งเป็นที่ตนเองรักมากทำ ข้าพเจ้าก็จะเดือดร้อน คิดแก้ปัญหาไปตามปัญญาของเด็ก มารู้สึกซึ้งถึงเหตุผลเรื่องนี้ได้ถ่องแท้เมื่อได้มาพบ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านนำพวกเรากล่าวคำอธิษฐานจิตค่อนข้างยาวขณะทำกุศลกรรม ด้วยข้อความดีงาม แต่มีอยู่ตอนหนึ่งมีความว่า ขอให้ทำแต่ความดีรุดหน้าฝ่ายเดียว ความชั่วมิให้ทำเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะเข้านิพพาน แล้วคุณยายอาจารย์ฯ ท่านก็อธิบายว่า อธิษฐานล้อมคอก (หมายถึงอธิษฐานป้องกันตนเองไว้ก่อน) ถ้าไม่อธิษฐานอย่างนี้ ถ้าบังเอิญพลัดไปเกิดในตระกูลไม่ดี หรือต้องไปคบค้าสมาคมกับคนมิจฉาทิฏฐิ ถูกชักชวนให้ทําชั่ว ก็จะพลาดพลั้งไปทํากับเขาเข้า ถ้าอธิษฐานป้องกันไว้ จะเหมือนมีเกราะป้องกันตน จะสอน จะตักเตือนตนเอง จะไม่ยอมทําความชั่ว เรียกว่า คําอธิษฐานจะตามไปคอยป้องกันไม่ให้ทําชั่ว ให้ทําแต่ความดีฝ่ายเดียว

พบคุณยายแล้ว ได้ทราบเรื่องคําอธิษฐานแบบนี้ ทําให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจ นึกย้อนไปว่า ข้าพเจ้าคงได้เคยอธิษฐานข้อความนี้มาในอดีตชาติแน่นอน เพราะเกิดมาชาตินี้ อะไรที่เป็นความชั่วข้าพเจ้าจะไม่ยอมทํา ถ้าจําเป็นจะต้องทําอย่างที่เล่ามาให้ฟังแล้วหลายๆ เรื่อง ก็ทําอย่างไม่เต็มใจและจะต้องหาทางแก้ไขให้ตนเองและคนที่ตนรักเลิกกระทําด้วยจนได้ จนในปัจจุบันข้าพเจ้าก็ยังรักคําอธิษฐานข้อความนี้ไม่เปลี่ยนแปลง จะทําบุญกุศลครั้งใดๆ ก็ตาม จะต้องไม่ลืมข้อความตอนนี้ ต้องอธิษฐานรวมอยู่ด้วยกับเรื่องอื่นๆ ทุกครั้ง

เรื่องศีลข้อ ๕ เสพเครื่องดองของมึนเมานี้ แม้ตนเองจะไม่ใช่ผู้เสพ แต่เป็นผู้เกี่ยวข้องด้วย เช่น เป็นคนค้าขาย ก็ถือว่าเป็น มิจฉาวานิช คือการค้าขายด้วยสิ่งผิดๆ ซึ่งมีคําสอนของพระพุทธเจ้าตรัสห้ามไว้มิให้ทํา มีอยู่ ๕ ประการ คือ

๑.      ค้าสุรา สิ่งเสพติดทั้งหลาย

๒.    ค้ายาพิษ ไม่ว่าจะเป็นยาพิษฆ่ามนุษย์หรือฆ่าสัตว์ต่างๆ

๓.     ค้าอาวุธทุกชนิด

๔.     ค้าสัตว์เป็น (มีชีวิต) ที่เขาจะเอาไปฆ่า บางแห่งรวมเอาค้าขายเนื้อสัตว์ไว้ด้วย

๕.     ค้ามนุษย์ จับคนด้วยกันไปขาย เช่น ทาส หรือขายสตรีสาว บังคับให้เป็นโสเภณี

เดิมทีข้าพเจ้าคิดว่า การค้าเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว ไม่น่าถือเป็นมิจฉาวานิช แต่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปยืนคอยญาติผู้หนึ่งใกล้ๆ ร้านขายเนื้อวัวเนื้อหมู ข้างๆ ก็ยังมีร้านขายเนื้อปลาทะเลตัวใหญ่ เวลาเห็นเจ้าของร้านแล่เนื้อออกเป็นชิ้นๆ บ้าง เป็นท่อนๆ บ้าง รู้สึกว่าน่าหวาดเสียว ตัดตรงโน้น เชือดตรงนี้ สับตรงนั้น ผ่าที่นั่น แล่ที่นี่ คนขายเขากลับทําได้เป็นปกติ ไม่คิดอะไรเลย จริงอยู่มันเป็นสัตว์ที่ตายแล้วก็จริง แต่การที่เราผ่าตัดซากของมัน ใจของเราก็จะกระด้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อใดต้องทํากับสัตว์เป็นๆ ก็ทําได้ง่ายๆ เพราะของเคยทําอยู่แล้ว เมื่อคิดให้ละเอียดอ่อน แม่ค้าขายเนื้อสัตว์ก็ไม่ควรทํา น่าจะนับเป็นมิจฉาวานิชได้

ทีนี้ย้อนมาพูดถึงเรื่องค้าสิ่งเสพติด ข้าพเจ้าเคยไปอยู่ในท้องถิ่นที่ผู้คนที่นั่นปลูกต้นยาสูบขาย ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ใคร่มองการณ์ไกล คิดอะไรแต่เพียงเฉพาะหน้าผิวเผิน ไม่รู้จักคิดว่าอะไรควรทํา อะไรไม่ควร ทําอะไรตามๆ กัน นี่อาจจะเป็นเพราะอาชีพขายใบยาสูบ คือ ขายของเป็นพิษทําให้ผู้คนมึนงง บาปนั้นจึงมาถึงโดยอ้อม ยิ่งพวกที่ค้าขายหรือทํามาหากินด้วยสิ่งเสพติดที่ร้ายแรงกว่านี้ ยิ่งเห็นผลเลวร้ายยิ่งขึ้น

ส่วนผู้ที่ทําถูกต้องตามกฎหมายบางราย แม้ว่าอาจจะร่ำรวยเงินทอง แต่ถ้าจะสืบดูถึงลูกหลาน จะเห็นว่ามักไม่มีคนฉลาดมาเกิด นานๆ จะมีสักรายที่ลูกหลานบางคนสํานึกได้ว่าอาชีพของบรรพบุรุษเป็นบาป ลูกหลานจึงพยายามทํางานกุศลให้สาธารณะอย่างมากมายเพื่อไถ่บาป แต่ก็น้อยรายเต็มที

ครั้งหนึ่งสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยังเป็นเด็กหนุ่มนักศึกษา แต่ท่านปฏิบัติธรรมจนมีทิพพจักขุญาณแล้ว ท่านฝึกฝนลูกศิษย์เห็นธรรมกายกันหลายคน ท่านให้ดูถึงพิษของสุราว่า ให้โทษมากมายข้ามภพชาติได้อย่างไร

ผู้ที่ได้ญาณละเอียดมาก จะเห็นการทําลายของแอลกอฮอล์ ทําลายกายมนุษย์หยาบให้อ่อนแอ และพิษของแอลกอฮอล์มีทั้งที่เป็นพิษหยาบและพิษละเอียด พิษหยาบก็ทําลายกายหยาบ พิษละเอียดก็ไปทําลายถึงกายมนุษย์ละเอียด คือกายฝัน หรือกายไปเกิดมาเกิด เมื่อคนนั้นตาย กายมนุษย์ละเอียดที่เกิดขึ้นก็เป็นกายชนิดที่ได้รับพิษของแอลกอฮอล์ละเอียดไปแล้ว ย่อมเป็นกายเสื่อมคุณภาพ เมื่อต้องไปเกิดใหม่ก็จะเป็นร่างกายที่เสื่อม บ้า ใบ้ บอด หนวก ปัญญาอ่อน ฟั่นเฟือน พิกลพิการต่างๆ มันต่อเนื่องกันทั้งกายหยาบกายละเอียดดังนี้ คนฉลาดย่อมรู้โทษและไม่หลงติดรสของมันให้จิตใจเสียคุณภาพ

มีบางคนที่ข้าพเจ้ารู้จัก แม้ไม่มีปัญญาถึงระดับการเจริญภาวนา ก็รู้จักสอนตนเองได้ วันหนึ่งสมัยที่คนผู้นี้ยังมีตําแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ถูกกํานันซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตน ชวนไปเล่นการพนันที่บ่อนต่างตําบลแห่งหนึ่ง ก่อนเล่นก็ดื่มสุราจนมึนเมา ฝ่ายกํานันก็ทําเป็นใจดีอนุญาตให้นอนก่อน กํานันจะเล่นแทนให้ เมื่อสร่างเมาปรากฏว่ากํานันเล่นเสียไปถึง ๑ พันบาท เมื่อสมัย ๔๐ ปีเศษโน้น ข้าวแกงจานละ ๕๐ สตางค์ ผู้ใหญ่บ้านต้องถึงกับจํานองที่นาใช้หนี้การพนันครั้งนั้น ยังสืบรู้ตอนหลังว่า กํานันสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าของบ่อนต้มตุ๋น ยิ่งเจ็บช้ำน้ำใจมาก จะแก้เผ็ดอย่างไรก็สุดวิสัยเพราะกํานันมีอิทธิพลมากกว่า

ผู้ใหญ่บ้านจึงหันความโกรธแค้นทั้งหมดมาที่เหล้า หาว่าเป็นเพราะกินเหล้าจึงทําให้สูญเสียทรัพย์หมดเนื้อหมดตัวถึงเพียงนี้ จึงเกลียดเหล้านับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่ยอมกินเหล้าอีกเลยจนกระทั่งปัจจุบัน ถ้าผู้ใดคิดได้ดังตัวอย่างที่เล่ามา นับว่าเป็นโชคดีของผู้นั้นอย่างยิ่ง

เมื่อข้าพเจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีอาชีพรับราชการ ก็ได้พบผู้ที่ติดสุรายาเสพติดต่างๆ รวมทั้งเรื่องเฮโรอีน ขนาดเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าพเจ้าเอง เป็นคนที่ชอบดื่มสุรา ไม่เคยรักษาศีล ๕ แม้แต่ข้อเดียว พอทราบว่าข้าพเจ้ารักษาศีล ๕ ยังต่อว่าข้าพเจ้าว่า

“คุณถือศีลทําไมกัน ผมไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย ชีวิตไม่มีความสนุก”

เขาพูดดังนี้ เพราะไม่พอใจที่ข้าพเจ้าไม่ไปร่วมวงสุรายาเมาที่บ้านของเขา กินเหล้าแล้วก็เล่นไพ่กันต่อ ยังมีกรรมกาเมสุมิจฉาจารกันอีกในระหว่างข้าราชการด้วยกัน ลูกพี่ก็ถือเอาความสุขที่ตนจะได้จากเรื่องเพศ ลูกน้องก็หวังเรื่องการเลื่อนเงินเดือน เลื่อนยศ เลื่อนตําแหน่งสกปรกกันถึงขนาดนั้น เมื่อเจอลูกน้องรักษาศีลอย่างข้าพเจ้าจึงต้องมีการต่อว่าต่อขาน โชคดีที่ข้าพเจ้ามีนายอย่างนั้นได้ไม่นาน วันวิสาขบูชาปีนั้น ปีที่เขาบ่นเรื่องข้าพเจ้าถือศีลนั้นเอง ข้าพเจ้าพาลูกไปทําบุญฟังเทศน์เวียนเทียนที่วัด แต่เจ้านายคนดังกล่าวพาพรรคพวกเข้าป่าเมืองกาญจน์ ล่าสัตว์มาแกล้มเหล้า กินเหล้าเมาเต็มที่กัน แล้วก็ขับรถกลับตอนกลางคืน มองไม่เห็นรถบรรทุกไม้รวกที่จอดอยู่บนไหล่ทาง ขับรถเสียบเข้าไปในไม้รวก ถูกไม้เสียบทะลุคอถึงแก่ความตายอย่างน่าอนาถ

การทําความผิดในเรื่องสุราหรือเสพสิ่งเสพติด มีองค์ประกอบที่ทําให้เกิดบาปครบถ้วนอยู่ ๕ ประการ คือ

๑. สิ่งนั้นเป็นของมึนเมา หรือของเสพติด

๒. รู้อยู่แล้วว่าสิ่งเหล่านั้นมีโทษ

๓. มีเจตนา คือตั้งใจเสพ

๔. มีความพยายามเสพ

๕. สิ่งนั้นล่วงพ้นเข้าไปในร่างกาย

ภัยในปัจจุบันที่เห็นๆ กันอยู่ดังตัวอย่างที่เล่าให้ฟังมาแล้ว เช่น เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ เสียชื่อเสียง เสียอนาคต ท้ายที่สุดถึงเสียชีวิต สําหรับโทษภัยในภายภาคหน้าเมื่อสิ้นชีวิตลง  มี

๑. เกิดในนรก

๒. เกิดเป็นเปรต

๓. เกิดเป็นเดรัจฉาน

๔. ถ้าเกิดเป็นคนอีกเมื่อใดมักเป็นบ้า สติฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ ปัญญาอ่อน เป็นต้น

สําหรับการเกิดเป็นสัตว์นรกนั้น เมื่อปฏิบัติธรรมจนได้ธรรมกาย สามารถไปดูการลงโทษสัตว์นรกที่ทําบาปในเรื่องเหล่านี้ เช่น ในกรณีสุรา สัตว์นรกจะถูกเคี่ยวอยู่ในภาชนะที่เราเรียกกันชินว่า กระทะทองแดง เป็นคล้ายกระทะแต่ใบใหญ่มาก ใส่สัตว์นรกได้เป็นแสน เป็นล้านหรือเป็นสิบๆ ล้านตัวก็ได้ ในนั้นมีของเหลวที่ร้อนแรงจนเดือดพล่านไปมา สัตว์นรกก็ถูกเคี่ยวอยู่ในนั้น กลับไปกลับมาเหมือนเม็ดข้าวที่เดือดอยู่ในหม้อ ที่ปากกระทะจะมีนายนิรยบาลเอาตะขอใหญ่ เกี่ยวลากสัตว์นรกมาแล้วจับกรอกของเหลวที่เรารู้จักกันว่า น้ำทองแดง ความร้อนจากของที่กรอกเข้าไปทําให้ปากคอท้องไส้ของสัตว์นรกไหม้พังถึงตาย แล้วก็ฟื้นเป็นตัวขึ้นมาใหม่ ถูกต้มถูกเคี่ยวต่อไปอีก

พวกสูบบุหรี่ก็ถูกลงโทษคล้ายๆ กัน แต่ไม่ถึงกับถูกเคี่ยวในกระทะใบมหึมานั้น เพียงถูกบังคับให้อมไฟที่เป็นถ่านแดงๆ อมแล้วก็ต้องกลืนเข้าไป ไฟก็ไหม้ตั้งแต่ปากผ่านคอ ผ่านไส้ ไหม้เรื่อยไป เนื้อหนังที่ถูกถ่านไหม้ก็แยกแตกออกเป็นควันเหม็น ไหม้คลุ้งไป สัตว์นรกนั้นก็ถึงแก่ความตาย ตายแล้วก็ฟื้นเป็นขึ้นมาใหม่ ถูกทรมานต่อไป

ถ้าจะถามนายนิรยบาล จะได้รับคําตอบว่า สัตว์นรกพวกนี้เมื่อเป็นคน “ชอบดูดไฟ” ตายแล้วต้องให้ของที่เคยชอบ คือให้กินไฟนั่นแหละ

เมื่อกรรมเบาบางลงแล้ว ก็อาจไปเกิดเป็นเปรตอสุรกายต่อ ได้รับการทรมานจากเศษกรรมที่ค้างอยู่ เช่น หิวโหย จะหยิบสิ่งใดกินก็กลายเป็นไฟไปจนหมด ภูมิเปรตนี้ไม่มีนายนิรยบาลคอยลงโทษ โทษต่างๆ เกิดขึ้นจากกรรม และกรรมเป็นฝ่ายลงโทษ

รับโทษจากภูมิเปรตอสุรกายแล้ว บาปกรรมเบาบางลง ต้องมาเกิดเป็นเดรัจฉาน แรกๆ ก็เป็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย มีมันสมองเล็กปัญญาไม่มี แล้วค่อยเลื่อนลําดับเป็นสัตว์มีมันสมองโตขึ้นๆ เป็นสัตว์รู้ภาษาขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นสัตว์แต่ละชนิด มักเกิดซ้ำๆ อยู่ชนิดหนึ่งๆ เป็นหลายร้อยหลายพันชาติ กว่าจะได้เกิดเป็นคนอีกครั้งใช้เวลายาวนานมาก เมื่อได้เกิดเป็นคน ก็ไม่ใช่เป็นคนปกติในทันที จะต้องเป็นคนบ้า ใบ้ สติฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ชาติแล้วชาติเล่า นับเป็นร้อยชาติพันชาติ เช่นเดียวกัน เมื่อเป็นคนปกติยังต้องเป็นคนไม่เฉลียวฉลาด เรียนรู้สิ่งใดได้หน้าลืมหลัง บางทีถูกจัดอยู่ในพวกปัญญาอ่อน ถ้ามิได้ทําบาปกรรมใดๆ เพิ่ม ใช้หนี้แต่กรรมเก่า ก็อาจเกิดเป็นคนปกติกับเขาบ้างในชาติหนึ่ง แต่ใช้เวลานานแสนนาน นี่คือโทษจากการนําสิ่งมีพิษมาทําลายสติปัญญาของตนเอง ปัญญาจะหมดไปทุกภพทุกชาติดังนี้

ลูกศิษย์สตรีคนหนึ่งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ปฏิบัติธรรมจนสามารถระลึกชาติย้อนหลังได้ มีทิพพจักขุญาณ เห็นภาพในอดีตชาติของตนในศูนย์กลางกายชัดเจน สตรีท่านนี้มีลูกสาวเพียงคนเดียว แต่เป็นเด็กปัญญาอ่อน อายุเวลานั้นเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว แต่ไม่สามารถช่วยตนเองได้เลย ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น จะกิน จะนอน จะถ่าย จะอาบน้ำ ฯลฯ ผู้อื่นต้องทําให้ทั้งหมด

พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้สตรีนั้นระลึกชาติย้อนหลังดูความเป็นมาของชีวิตลูกของเธอ และความเกี่ยวข้องระหว่างเขาทั้งสอง ภาพที่สตรีนั้นได้เห็นคือ มีอยู่ชาติหนึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก ลูกของเขาเป็นลูกเศรษฐีชอบดื่มสุรา ในชาตินั้นเขาได้เอาใจผู้เป็นบุตรเศรษฐีทุกประการ ชอบกินเหล้าก็หาเหล้าหากับแกล้มเตรียมไว้พร้อม ไม่เคยขัดใจ ช่วยจัดหาสนับสนุนให้ถูกใจทุกประการ อย่างนี้เรียกว่า อนุโมทนาบาป ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนในชาตินั้น ทําให้ต้องมาเกิดเป็นแม่ลูก แม่ต้องปรนนิบัติเหมือนที่เคยปรนนิบัติเพื่อนในชาติก่อน

ส่วนตัวเพื่อนซึ่งชาตินี้มาเป็นลูกนั้น ตายจากชาติเป็นลูกเศรษฐีนักดื่มสุรา ก็ไปตกอยู่ในนรกนานแสนนาน ออกจากนรกไม่ได้เป็นเปรตเลย แต่ข้ามมาเป็นเดรัจฉาน เป็นสัตว์เล็กมาก เช่น ตัวไร ตัวพยาธิ แมลงหวี่ แมลงวันต่างๆ นับชาติไม่ถ้วน แล้วจึงเลื่อนเป็นสัตว์โตขึ้น เช่น เป็นผีเสื้อ หนอน นก ค่อยๆ มีความคิด มีปัญญาเพิ่มทีละนิดละหน่อย

ในปัจจุบันต้องใช้หนี้กรรม มาเกิดเป็นคนปัญญาอ่อนดังที่เป็นอยู่ ตัวเพื่อนต้องมาเกิดเป็นแม่คอยเลี้ยงดู นี่ขนาดเพียงให้ความร่วมมือ

ส่วนผู้ที่เป็นผู้ผลิตจําหน่าย ผู้ค้า ก็ถูกลงโทษหนักในนรกยิ่งขึ้นไปไม่แพ้กัน เมื่อมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็จะต้องมารับผลกรรมเพิ่มอีกประการหนึ่ง คือต้องเอาชีวิตมาชดใช้ผู้คน ตนเคยทํากรรมด้วยการมีอาชีพเรื่องทําอันตรายชีวิตผู้อื่นโดยใช้ยาเสพติด ทําให้ชีวิตผู้ติดต้องพินาศ ตนก็ต้องมาเป็นสัตว์ที่ถูกผู้คนกินเนื้อเป็นอาหาร ใครพบเห็นก็คิดแต่จะกิน จะต้องถูกฆ่ากินชาติแล้วชาติเล่านับกันไม่ไหว ชีวิตตนก็ต้องพินาศย่อยยับ ซ้ำแล้วซ้ำอีกนับจํานวนชาติที่เกิดไม่ได้

เรื่องบาปกรรมต่างๆ เหล่านี้ที่มีผลให้ต้องไปเกิดในอบายภูมินั้น ใครไม่ได้สนใจทางธรรมปฏิบัติที่ให้เห็นนรกสวรรค์จะไม่เชื่อสนิทแจ่มแจ้ง มักมีความคลางแคลงแอบแฝงอยู่ว่าจริงหรือเปล่าอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ

แต่เมื่อใดได้ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งทั้งรู้ทั้งเห็น โดยปฏิบัติสมถภาวนา อาโลกกสิณ กสิณแสงสว่าง ให้เห็นศูนย์กลางกาย เห็นกายในกายเข้าไปอย่างต่อเนื่อง กายมนุษย์ กายฝัน กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม กระทั่งถึงกายธรรมละเอียดมากยิ่งขึ้น ก็จะสามารถทําอภิญญาจิต เกิดตาทิพย์ หูทิพย์ ย้อนระลึกชาติ เห็นโทษภัยในการเวียนว่ายตายเกิดโดยถ่องแท้ สิ้นสงสัย ย่อมทําให้มีศรัทธามั่นคงในการสร้างบารมีให้เต็มที่ยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งเป็นเรื่องน่าศึกษาและปฏิบัติตาม

อย่างที่เห็นการลงโทษในนรกว่า เรื่องของสุรายาเสพติดต่างๆ คนเสพเองก็บาป คนทําขึ้นก็บาป คนค้าขายก็ถือเป็นมิจฉาวานิช ทําแล้วเป็นบาปเหมือนกัน ดังนี้

เมื่อต้นเดือนตุลาคม ๒๕๓๑ เพื่อนชาววัดคนหนึ่งไปพบร้านหมอแห่งหนึ่ง รับรักษาคนไข้ด้วย ขณะเดียวกันหน้าคลินิกก็เปิดเป็นร้านค้าวางขายสุราไปด้วย เขาเห็นแล้วรู้สึกสลดใจ ทําไมอาชีพแพทย์ ซึ่งได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วไปว่า เป็นอาชีพแสนประเสริฐ คอยช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ กลับมาค้าขายสุราซึ่งก็คือยาพิษชนิดหนึ่ง ทําให้ผู้เสพตายผ่อนส่ง ร่างกายก็ค่อยๆ ตาย จิตใจก็ตายจากคุณงามความดี ของเสพติดทําให้มีแต่อาการมึนเมาเซื่องซึม ไม่มีสติปัญญาคิดอ่านในการประกอบสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ใดๆ ให้ชีวิตมีคุณค่า นี่ไม่ใช่น้ำใจแพทย์

เพื่อนชาววัดท่านที่ไปพบเหตุการณ์ แพทย์ใจร้าย ได้มาปรารภกับข้าพเจ้า เขาปรารถนาจะให้คนทั้งหลายเลิกค้าขายสุราอันเป็นมิจฉาวานิชเสีย ท้ายที่สุดก็ให้ความเห็นว่า ขอให้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องศีลให้ผู้คนเข้าใจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

น้ำใจเพื่อนผู้นี้ต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องศีลตั้งแต่ศีลข้อ ๑ เป็นต้นมา ในทํานองเล่าจากประสบการณ์ ออกมาเป็นรูปเล่มดังที่ท่านอ่านผ่านมา


 

 

 

ชื่อเรื่องเดิม นรกของคอสุรา

Cr. อุบาสิกาถวิล(บุญทรง) วัติรางกูล

จากความทรงจำ เล่ม2

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.18043475151062 Mins