จิตวิทยาการสร้างวัดพระธรรมกาย

วันที่ 01 มิย. พ.ศ.2560

จิตวิทยาการสร้างวัดพระธรรมกาย
 

สูตรสำเร็จการสร้างบารมีเป็นทีม , Pre-Degree , วัดพระธรรมกาย , DOU , ธรรมกาย , ปริญญาตรี , พรีดีกรี , พระพุทธศาสนา , พุทธศาสตร์ , พระไตรปิฎก , สร้างบารมี , จิตวิทยา , จิตวิทยาการสร้างวัดพระธรรมกาย

   การอุทิศชีวิตทำงานสืบอายุพระพุทธศาสนาของวัดพระธรรมกาย เกิดขึ้นจากความเลื่อมใสศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้เอง เพราะพระองค์ทรงมีน้ำพระทัยยิ่งใหญ่ ทรงช่วยสัตวโลกให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ข้ามสู่ฝังพระนิพพาน โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากใด ๆ แม้แต่นิดเดียว

     หลักฐานของเรื่องนี้อยู่ใน "คัมภีร์ชินกาลบาลีปกรณ์" ซึ่งมีบันทึกไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ทรงตั้งมโนปณิธานในการรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารไว้ว่า

พุทฺโธห โพธิยิสฺสามิ
มุตฺโตห โมเจเย ปเร
ติณฺโณห ตาริยิสฺสามิ
สาโรฆา มหพฺภยาติ

"เราตรัสรู้แล้ว จะให้ผู้อื่นตรัสรู้ด้วย
เราพ้นจากกิเลสแล้ว จะให้ผู้อื่นพ้นด้วย
เราข้ามโลกได้แล้ว จะให้ผู้อื่นข้ามได้ด้วย
มหาสมุทรคือวัฏสงสารมีภัยมาก"

     หลักฐานตรงนี้เอง ที่ยืนยันว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีน้ำพระทัยยิ่งใหญ่ต่อชาวโลกอย่างยิ่ง เพราะทันทีที่พระองค์ทรงเริ่มคิดจะแสวงหาทางพ้นทุกข์ ก็ไม่ทรงคิดแบบต่างคนต่างอยู่ตัวใครตัวท่านอย่างที่ชาวโลกทั่วไปมักจะเป็นกัน แต่ทรงคิดจะทุ่มชีวิตหอบหิ้วคนทั้งโลกให้พ้นทุกข์ไปด้วยกันทันที

    น้ำพระทัยอันเปี่ยมล้นด้วยความกรุณามหาศาลนี้เอง ที่ภายหลังได้กลายมาเป็นคำว่า "สังฆะ" เปลว่า "หมู่คณะ" หรือ "ทีมเวิร์ค" (Team Work) นั่นเองส่งผลให้พระพุทธศาสนากลายเป็นเรือลำใหญ่ที่ใช้รื้อสัตว์ขนสัตว์ข้ามห้วงทุกข์ในวัฏสงสาร โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นกัปตันเรือ และมีผู้สืบทอดรักษาเรือพระพุทธศาสนาลำนี้เรื่อยมาถึงพวกเราในวันนี้เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่กำเนิดขึ้นมาจากน้ำพระทัยบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงนี้เองที่เป็นหลักการอยู่รอดของพระพุทธศาสนาว่า หากชาวพุทธขาดน้ำใจปรารถนาดีต่อกันเมื่อไร อายุพระพุทธศาสนาจะสั้นลงทันที

    ในเนื้อหาตำราวิชาสูตรสำเร็จการสร้างบารมีเป็นทีมนั้น จะขอนำเสนอหลักการสร้างบารมีเป็นทีมขององค์กรวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นผู้นำองค์กร ซึ่งท่านมีความซาบซึ้งในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากพระองค์ท่านไม่มีมโนปณิธานเผื่อแผ่มาถึงชาวโลก โอกาสที่ชาวโลกจะได้สร้างบุญใหญ่เหมือนในวันนี้คงหมดไป

   พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ท่านมีความห่วงใยว่าถ้าหากไม่เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก วันหนึ่งพระพุทธศาสนาก็อาจจะสูญหายไปจากโลกนี้ได้ ท่านจึงได้อุทิศชีวิตชักชวนหมู่คณะมาร่วมกันสร้างวัดพระธรรมกายให้มีเนื้อที่สองพันกว่าไร่ ให้เป็นสถานที่ที่พร้อมจะรองรับการมาปฏิบัติธรรมของผู้คนนับล้านคนจากทั่วโลกและในเวลาเดียวกัน ท่านก็ส่งทีมงานออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปต่าง ๆ ทั่วโลกอีกด้วยการที่ท่านชักชวนหมู่คณะให้ทุ่มเทชีวิตเช่นนี้ เพราะท่านตระหนักดีว่า ยิ่งมีคนมาปฏิบัติธรรมร่วมกันมากเท่าไร ยิ่งรวบรวมผู้ที่มีน้ำใจมาช่วยกันค้ำจุนพระพุทธศาสนาได้มากเท่านั้นแล้วพระพุทธศาสนาก็จะมีอายุยืนยาวออกไปอีกนานแสนนาน และนั่นคือบุญกุศลใหญ่ของพวกเรา

    ความซาบซึ้งและตระหนักในน้ำพระทัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งกว่าชีวิตนี้เองที่กลายมาเป็น "จิตวิทยาการสร้างวัดพระธรรมกาย" หรือก็คือ "ความมีน้ำใจเผื่อแผ่ต่อการพ้นทุกข์ของชาวโลก" นั่นเอง ซึ่งในภาคปฏิบัติของการทำงานของวัดพระธรรมกายแบ่งเป็น 3 ข้อ คือ

1.1 สร้างวัดด้วยกัน อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน
1.2 เจ็บป่วยเมื่อใด ให้หาหมอดีที่สุดมารักษา
1.3 ทำงานเป็นทีม ทะเลาะกันได้ แต่ห้ามผูกโกรธกัน


1.1สร้างวัดด้วยกัน อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน
     เมื่อเริ่มแรกสร้างวัดพระธรรมกาย พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) เรียกประชุมหมู่คณะรุ่นบุกเบิก ซึ่งเวลานั้นก็มีเพียงเจ้าหน้าที่อุบาสกไม่กี่คนพระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายยังไม่ได้บวช มีหน้าที่เป็นหัวหน้าอุบาสกของวัด เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว หลวงพ่อธัมมชโยท่านก็พูดสั้น ๆ ว่า "อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน" คือ หลวงพ่อท่านฉันอะไร พระลูกวัดก็ฉันอย่างนั้น เจ้าหน้าที่วัดก็กินอย่างนั้น นี่เป็นนโยบายแรกในการสร้างวัดของหลวงพ่อท่านเพราะฉะนั้น เป็นอันว่าต่อแต่นี้ไปไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เป็นตายไม่ทิ้งกัน

    จากวันนั้นถึงวันนี้ วัดพระธรรมกายจึงได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมาตามลำดับ ๆ ในที่สุดระบบกองกลาง อาคารหอฉัน อาคารสังฆภัณฑ์ ก็เกิดขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนในหมู่คณะกอดคอทำงานพระศาสนาร่วมกันด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกคนทั้งวัดก็เห็นตรงกันหมดว่า คนที่เหนื่อยทุ่มชีวิตเป็นเดิมพันมากที่สุดในวัดก็คือหลวงพ่อท่าน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่สร้างบารมีกับหลวงพ่อท่านมา ก็ไม่เคยเห็นท่านมีเงื่อนไขใด ๆ ในการเคี่ยวเข็ญหมู่คณะและหอบหิ้วชาวโลกให้เข้าถึงธรรมแม้แต่นิดเดียว


1.2 เจ็บป่วยเมื่อใด ให้หาหมอดีที่สุดมารักษา
     นอกจากนโยบายดังกล่าวแล้ว พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ท่านยังห่วงใยไปถึงสุขภาพของทุกคนในหมู่คณะอีกด้วย ท่านบอกเลยว่า ทุกคนในที่นี้ยังไม่หมดกิเลสยังมีความกลัวตายอยู่เหมือนกันหมด เมื่อถึงคราวเจ็บป่วยก็ต้องคัดเลือกหมอที่ดีที่สุดมาทำการรักษา เพื่อรักษาชีวิตไว้สร้างบุญ เพราะฉะนั้น "หากใครเจ็บป่วยเมื่อใด ให้หาหมอที่ดีที่สุดมารักษา ถ้าหาไม่ได้ ให้มาหาหมอที่รักษาท่าน" จะเสียเงินเสียทองมากเท่าไรก็ช่าง ต้องรักษาชีวิตไว้สำหรับปราบกิเลสก่อน แล้วค่อยจากโลกนี้ไป ในที่สุดโรงพยาบาลนามสำหรับรักษาฟรีให้แก่พระภิกษุสามเณร เจ้าหน้าที่วัด และสาธุชนที่มาวัดพระธรรมกายก็เกิดขึ้นมา

   แม้วันนี้หมู่คณะของวัดพระธรรมกายจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า และงานเผยแผ่ธรรมะได้ขยายออกไปทั้งภายในและภายนอกประเทศแล้ว แต่นโยบายด้านการทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันเป็นทีมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยยังเหมือนเดิมทุกประการ


1.3 ทำงานเป็นทีม ทะเลาะกันได้ แต่ห้ามผูกโกรธกัน
    นอกจากนี้ ก่อนการลงมือสร้างวัดพระธรรมกายนั้น คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้ทำแบบอย่างการสร้างทีมงานไว้ให้ดูอีกด้วย เมื่อท่านเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องสร้างวัดแล้ว คุณยายก็เรียกประชุมลูกศิษย์ทุกคนให้มาพร้อมกัน เวลานั้นมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยบวชอยู่รูปเดียว พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวและคนอื่น ๆ ยังไม่ได้บวช คุณยายท่านทราบดีว่า งานสร้างวัดจะสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ "ความสามัคคีและมีน้ำใจของหมู่คณะเป็นสำคัญ" ท่านจึงถามทุกคนในที่ประชุมเลยว่า

    "เราจะช่วยกันสร้างวัด แล้ววัดที่เราสร้างก็เป็นวัดใหญ่มีเนื้อที่มาก และเมื่อสร้างทั้งที เราก็ต้องสร้างให้ดีที่สุด ใครที่คิดว่ามาสร้างวัดกับยายแล้ว ถ้าเถียงกันแล้ว ทะเลาะกันแล้ว อดที่จะโกรธกันไม่ได้ ขอให้ถอยออกไปนั่งอยู่ข้างหลังส่วนใครคิดว่าขัดแย้งกันแล้วเถียงกันแล้ว จะไม่โกรธกัน ขอให้ขยับขึ้นมานั่งใกล้ยาย"

     พอสิ้นคำประกาศของคุณยาย ก็ปรากฏว่ามีหลายคนที่เขยิบขึ้นมานั่งข้างหน้า และอีกหลายคนถอยร่นลงไปนั่งข้างหลัง

     การที่คุณยายประกาศนโยบายเช่นนี้ ก็เพราะท่านทราบดีว่า วัดจะสร้างเสร็จได้ ก็ต้องฝึกให้ทุกคนมีความสามัคคีเป็นทีม มิฉะนั้น หมู่คณะจะแตกแยกเสียก่อนที่จะสร้างวัดเสร็จ

    แล้วก็จริงอย่างที่คุณยายพูด เมื่อถึงคราวลงมือสร้างวัดจริงๆ เนื่องจากแต่ละคนไม่เคยสร้างวัดมาก่อน ก็ทำให้ในเวลาที่ประชุมกัน มีบางครั้งที่ความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะกระทบกระทั่งกันอย่างไร พอเริ่มจะเสียงดังกันขึ้นมา คุณยายจะให้เลิกประชุมก่อนทุกครั้ง แล้วเรียกทุกคนให้ไปนั่งสมาธิพร้อมกัน พอทุกคนใจใสดีแล้ว เหลือเวลาอีกห้านาทีจะเลิกนั่งสมาธิ ท่านก็จะสอนไม่ให้ผูกโกรธกันข้ามวัน หรือบางวันคุณยายมีเรื่องอะไรที่จะแนะนำตักเตือนหรือปรับความคิดเห็นของหมู่คณะ ท่านก็จะอาศัยเวลาช่วงห้านาทีก่อนเลิกนั่งสมาธินี้ หลอมความคิดในขณะที่ทุกคนกำลังใจใสพอวันรุ่งขึ้นทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจทำงาน

    ด้วยกันเหมือนเดิม วัดพระธรรมกายจึงสร้างสำเร็จได้ในปัจจุบัน เพราะกุศโลบายในการทุ่มเทชีวิตฝึกอบรมศิษย์ให้ใจใสของคุณยายนั่นเอง

   จากภาคปฏิบัติในการทำงานของวัดพระธรรมกายนี้ คือการสะท้อนให้เห็นภาพของคำว่า "จิตวิทยาการสร้างวัดพระธรรมกาย ได้ต้นแบบมาจากน้ำพระทัยอันประเสริฐของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง"

 

 

*----------------------------------------------------------------------------------------------------------*
หนังสือ PD 002 สูตรสำเร็จการสร้างบารมีเป็นทีม
หนังสือเรียน หลักสูตร Pre-Degree

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0010164658228556 Mins