บ้านของคุณยาย
วันนี้เป็นวันที่คุณยายนอนพักอยู่ที่เตียงท่านไม่สบาย พี่อารีพันธุ์โทรศัพท์ปรึกษาอาการ ของคุณยายกับคุณหมอตลอดส่วนข้าพเจ้าและเปิ้ลนั่งอยู่ที่ปลายเตียงของคุณยาย เพื่อนวดฝ่าเท้าให้ท่าน
สักครู่พี่อารีพันธุ์ ก็หันมาบอกให้เปิ้ลไปชงยาให้คุณยาย ข้าพเจ้ายังคงนวดฝ่าเท้าของท่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเปิ้ลนำยาที่ชงเสร็จแล้วมาให้คุณยาย น้าเล็กกับพี่อุ๊ ก็ช่วยกันพยุงตัวคุณ ยายให้ท่านลุกขึ้นนั่ง เพื่อจะทานยาได้ถนัดข้าพเจ้ารีบไปเอากระโถนกับแก้วใส่น้ำมาเตรียมไว้ เพื่อให้คุณยายบ้วนปาก หลังจากทานยาแล้ว
พอคุณยายทานยา และบ้วนปากเสร็จ น้าเล็กก็หยิบกระดาษทิชชูที่พับวางอย่างเป็น ระเบียบอยู่ข้างๆ เตียง เช็ดที่ริมฝีปากคุณยายแล้วก็ค่อยๆ พยุงท่านให้นอนลงอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนข้าพเจ้าเอากระโถนไปทำความสะอาด แล้วก็กลับมานั่งนวดฝ่าเท้าท่านต่อ สักครู่คุณยายก็หันมาที่พี่อารีพันธุ์ แล้วก็พูดว่า "อารีพันธุ์ ยายอยากจะกลับบ้านแล้ว"
พี่อารีพันธุ์รีบวางสายโทรศัพท์ที่กำลังคุยกับคุณหมอ กลับมานั่งอยู่ข้างๆ เตียงคุณยาย แล้วก็พูดว่า
"ยายขา บ้านยายอยู่นี่แล้วค่ะ"
คุณยายท่านไม่พูดอะไร หันหน้าเข้าข้างฝาห้องอีกด้านหนึ่ง
ข้าพเจ้านั่งคิดอยู่ในใจว่า ถ้าคุณยาย ท่านหายป่วยแล้ว น่าจะพาคุณยายกลับไปเยี่ยม บ้านที่นครไชยศรีบ้างนะ
สักครู่เปิ้ลก็มานั่งข้างๆ ข้าพเจ้าก็ถ่ายอดความคิดนี้ให้กับเปิ้ลได้รับรู้ แต่เปิ้ลคิดไม่ เหมือนกับข้าพเจ้าเลย เปิ้ลคิดว่าบ้านของคุณยายคือกุฏิหลังแรกที่อยู่ภายในรั้ววัด ซึ่งท่านเคยอยู่มานาน
สักครู่หนึ่ง...พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวก็แวะมาเยี่ยมคุณยาย พอคุณยายเห็นหลวงพ่อมายืนอยู่ข้างๆ มือทั้งสองของท่านก็พนมขึ้น แล้วก็พูดว่า "หลวงพ่อทัตตะยายไม่สบาย"
สักครู่หลวงพ่อก็สั่งให้เปลี่ยนทิศทางการตั้งเตียงของคุณยาย มาอีกด้านหนึ่งของห้อง แล้วสั่งให้เปิดหน้าต่างบางบานออก
ต่อมา พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยก็มาถึงที่กุฏิคุณยาย พอรถจอดเท่านั้น หลวงพ่อก็รีบเดินมาที่ห้องของคุณยาย มายืนอยู่ที่ข้างๆ เตียงคุณยาย แล้วบอกให้ข้าพเจ้าหันพัดลมเอา ด้านหน้าของพัดลมออกไปทางประตูกุฏิ เพื่อที่จะให้พัดลมดูดอากาศใหม่เข้ามาแทนที่
คุณยายพอเห็นหลวงพ่อธัมมชโยเท่านั้น ท่านก็พนมมือแล้วก็พูดว่า
"หลวงพ่อ ยายอยากกลับบ้านแล้ว"
หลวงพ่อธัมมชโยท่านก็พูดกับคุณยายว่า "ยาย ยายต้องอยู่ให้ถึง ๑๒๐ ปีก่อนนะยาย อยู่ฉลองธรรมกายเจดีย์ก่อน นะยายนะ"
คุณยายไม่ได้พูดอะไรตอบ ได้ยินแต่เสียงที่บอกว่า "อือ" แล้วแสดงอาการพยัก หน้าตอบรับหลวงพ่อเท่านั้นเอง
พอคุณยายหลับแล้ว หลวงพ่อทั้งสอง ก็ออกมาคุยปรึกษาอาการของคุณยายกับพี่อารีพันธุ์ ที่บริเวณระเบียงนอกกุฏิ
ส่วนข้าพเจ้ายังคงนั่งเฝ้าคุณยายอยู่ข้างๆ และอดคิดไม่ได้ว่า บ้านคุณยายอยู่ไหนกันหนอ ทำไมไม่มีใครบอกได้เลย เพราะว่าหลวงพ่อทั้ง สองก็ไม่ได้บอกเลยว่าจะพาคุณยายไปบ้านเมื่อไร
สักครู่...เปิ้ลก็ชวนข้าพเจ้าออกไปกราบ หลวงพ่อทั้งสองที่ด้านนอกกุฏิ พอก้มกราบเสร็จ หลวงพ่อธัมมชโย ก็หันมาพูดกับเปิ้ลและข้าพเจ้าว่า
"ให้ดูแลคุณยายให้ดีนะท่านเป็น ประดุจพระเจดีย์องค์หนึ่งเลยทีเดียว"
พอหลวงพ่อพูดเสร็จ ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าขนลุกไปทั้งตัวเลย
ณ...วันนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าบ้านของคุณยายไม่ใช่บ้านที่อยู่นครไชยศรี ไม่ใช่กุฏิที่ชื่อว่า "ปรนิมมิตตวสวดี" ไม่ใช่ที่ไหนๆ ในโลกนี้ และ ไม่มียานพาหนะใดใดที่วิเศษสุดในโลกนี้จะพาไปได้เลย นอกจากคุณความดี ที่ใสสะอาด บริสุทธิ์เท่านั้น จึงจะกลับไปบ้านหลังนี้ได้
คุณยายกลับบ้านไปแล้ว ไปไกลมาก แต่ก็ไม่เคยไกลจากใจของข้าพเจ้าและใครๆ เลย
ตราบใด...ที่โลกนี้ยังมีดวงจันทร์
ตราบนั้น...คุณยายยังคงอยู่ ณ ที่กลางใจของข้าพเจ้าและทุกๆ คนเสมอ