อธิษฐานจิตให้เป็นนิสัยข้ามชาติ

วันที่ 20 กค. พ.ศ.2560

 อธิษฐานจิตให้เป็นนิสัยข้ามชาติ,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

     
 
   อธิษฐานจิตให้เป็นนิสัยข้ามชาติ


       พวกเราเป็นคนเคยรวยมาก่อนทั้งนั้น แต่ที่ตอนนั้ย้งไม่รวยเหมือนแต่ก่อนก็เพราะมันมีเหตุ คือชาติก่อนๆ เกิดกุศลศรัทธาทำบุญกับผู้มีศีล มีธรรม มีฌาน มีฌานสมาบัติคือผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย พอทำเสร็จก็ทั้งความปรารถนาแค่ว่า "ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากการสร้างมหาทานบารมีนี้ ชาติหน้าขอให้ข้าพเจ้ารวย" อธิษฐานได้แค่นี้ พอชาติถัดมาก็รวยจริงๆ แต่เป็นการรวยที่ขาดปัญญา เนื่องจากไม่ได้อธิษฐานล้อมคอกเอาไว้ว่าขอให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วย จะเอารวยอย่างเดียวเพราะคนรวยนั้นน่ารัก จะอ้วนผอมดำขาวดูแล้วหล่อ แล้วสวยหมด จึงผูกพันไว้กับทรัพย์' แล้วใช้ทรัพย์นั้นไม่เป็น เป็นแต่กวรลงทุนเอาเม็ดเงินต่อเม็ดเงิน ใครจะแนะนำตักเตือนให้ทำบุญ ให้เอาทรัพย์บริจาคทานสร้างบุญสร้างกุศลบ้างก็จะไม่ฟังเขาหรอก เพราะว่าขาดปัญญาทำให้ไม่เชื่อเรื่องผลแห่งกรรม เชื่อมั่นในฝืมือของต้วเอง คิดว่าเพราะเราฝีมือต่างหาก เราจึงได้รวยในชาตินั้น ได้สมบัติมาก มีพวกพ้องบริวารมาก ไปที่ไหนก็มืแต่คนนับหน้าถือตา ยกย่องสรรเสริญ

   เนื่องจากไม่ได้อธิษฐานล้อมคอกไว้ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ก็มักจะพลัดไปเกิดนอกบุญเขตของพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นทร้พย์ที่ได้มามันก็ไม่มีประโยชน์ ชาตินั้นมีทรัพย์แต่ไม่ได้ทรัพย์ บุญเก่าหมด บุญใหม่ไม่เพิ่ม เมื่อบุญใหม่ไม่เพิ่ม เวลามาเกิดก็เป็นคนยากจน อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องปากกัดตีนถีบ ขัดสนยากจนอยู่ตลอดเวลา จะเป็นคนน้อยเนื้อต่ำใจ เวลาเห็นคนอื่นเขารวยแล้วก็ทนไม่ค่อยจะได้ จึงพยายามหาทางให้ตัวเองอยู่รอด ด้วยวิธีการเอาตัวรอด จะถูกจะผิดไม่ได้คำนึงถึง

    ขณะที่ยากจนอยู่แล้ว พอคิดที่จะเอาตัวรอด ก็เลยอยากจน จาก"ยากจน" มาเป็น "อยากจน" คือจนธรรมดา แล้วไปทำสิ่งที่ไม่ดีเข้า เช่นลักเล็กขโมยน้อย คอรัปชั่น หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ที่ไปเอาทรัพย์ของคนอื่นเขามา วิบากกรรมจึงส่งผลให้ตกต่ำลงไปกว่านั้นอีก จนกระทั่งเป็นมหาทุคตะ อย่างนี้เขาเรียกว่าจาก "ยากจน" มา "อยากจน" นะ จนกันไปเรื่อย ๆ เลย

    เพราะฉะนั้น เวลาเราทำบุญแล้ว อย่าหวังเพียงแค่ขอให้รวย ให้มีสมบัติมากๆ เราจะต้องเอาสมบัตินั้นใช้เพื่อเป็นบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน สอนตัวเองได้ สิ่งที่ไม่ดีอย่าทำ ทำแต่ความตี ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งหมดอายุขัย เช่น อย่างที่พวกเรากำล้งทำอยู่ขณะนี้ เพราะฉะนั้นภพชาติต่อไปรวยถาวร เพราะว่าทำบุญกันเป็น แล้วก็อธิษฐานกันเป็นสอนตัวเองเป็นและทำถูกทักขิไณยบุคคลด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมอธิษฐานซ้ำแล้วซํ้าอีก ซํ้าไปเรื่อยๆ เลยให้ความปรารถนาของเราหนาแน่น จนกระทั่งติดเป็นจริตอัธยาศัยข้ามภพข้ามชาติกันไป พอมาเกิดทรัพย์ก็จะมาคอยรองรับได้ทรัพย์มาก็ใช้ทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ เป็นบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติไปอีก เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทำบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ อธิษฐานมุ่งที่จะไปเป็นพระส้พพัญญูพุทธเจ้า ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์เอง รู้แล้วก็สั่งสอนผู้อื่นด้วย เพราะฉะนั้นทำบุญตั้งแต่ท่านมีฐานะยากจน จากยากจนก็เริ่มมั่งมี จากมั่งมีทำต่อก็มั่งคั่ง เป็นเศรษฐีมหาศาล พราหมณ์มหาศาล กระตั้งเป็นพระราชามหาศาล มีสมบัติจักรพรรติตักไม่พร่อง ไม่ตัองทำมาหากินเลย แต่สมบัตินั้นมารอคอย เอาไว้เลี้ยงประชากรโลกได้แล้วก็สั่งสอนเพื่อนมนุษยํให้มีศีล ๕ เป็นปกติ มีอานุภาพที่เป็นอจินไตยสืบต่อกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วนจนกระทั่งชาติสุดท้าย อจินไตยของพระองค์ก็เต็มที่
บารมีเต็มที่ จึงมีสิ่งที่เหนือธรรมชาติ จนสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ แสดงยมกปาฏิหาริย์ได้ โปรดพระญาติได้ โปรดมนุษย์และเทวดาได้
    
    ถ้าไม่ได้ทำบุญแบบอจินไตย ก็เป็นมนุษย์อจินไตยไม่ได้ และไม่สามารถทำสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เหนือกฎเกณฑ์ทั้งผองได้ นี่ต้องเดินรอยตามท่านอย่างนี้ ทำบุญแล้วก็ต้องล้อมคอกให้เป็น จะสังเกตได้ว่าปัจจุบันนี้ มีเศรษฐีผู้มียศถาบรรดาศักดิ์หลายท่าน พอไปบอกบุญชวนมาทำบุญเขาหัวเราะ พอจะไปพูดเรื่องบุญ เขาบอกเขาไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ คุณโทษ กรรมเวรต่างๆ เขาเชื่อฝีมือตัวเอง บอกว่าต่อสู้มาด้วยมือของตัวเอง จนกระทั่งบัดนี้มีทรัพย์สมบัติ

    เขาลืมไปว่าคนเก่งมีอยู่ในโลกเยอะ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จก็มี ไม่ว่าจะมีวุฒิสูงแค่ไหน ความรู้มากแค่ไหน เพราะว่าขาดบุญ ตรงนี้เขามองไม่เห็น เพราะว่าทรัพย์สมบัติต่างๆ มันบังตา บดบังดวงปัญญาไปลองดูก็ได้ ไปพบผู้ที่เขาเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี แล้วลองไปพูดเรื่อง นรกสวรรค์ บุญบาป ผลกรรมผลเวรต่าง ๆ เขาไม่เชื่อหรอก

    เพราะฉะนั้น เมื่อเราเคยรวย แต่บัดนี้เราทำบุญไม่สะดวกสบาย เพราะอะไรก็รู้กันแล้ว นับจากนี้ไปให้ทำทุกอย่าง ทำให้มันถูกจุดแห่งบุญ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการทำบุญ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ฉลาด

 

 

 

จากหนังสือ แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร

วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๔

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.025713435808818 Mins