ทำอย่างไรจึงจะเรียกว่า เคารพพระสัทธรรม
ที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพพระสัทธรรมท่านทำท่าไหนล่ะ
ทีนี้ถึงธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้าท่านจะทำอย่างไร จึงจะเรียกว่า เคารพพระสัทธรรม เราจะเคารพบ้าง จะทำเป็นตัวอย่าง เอาพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง เราจะเคารพบ้าง
พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ทำท่าไหนท่านเอาใจของท่านนั่นแหละหยุดไป ที่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายของท่านท่านหยุดขึ้นไปตั้งแต่กายมนุษย์นี้ที่แสดงไปแล้ว หยุดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ เป็นลำดับขึ้นไป เข้าถึงกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหม อรูปพรหม ละเอียด กายธรรม กายธรรมละเอียด โสดา โสดาละเอียด สกทาคา สกทา คาละเอียด อนาคา อนาคาละเอียด พระอรหัต พระอรหัตละเอียด เข้าถึงพระอรหัตโน่น
พอถึงพระอรหัตแล้ว ใจท่านติดอยู่กับดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระอรหัต ไม่ถอนเลยทีเดียว ติดแน่นทีเดียว ติดอยู่กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระอรหันต์นั่น ติดอยู่กลางดวงธรรมนั่นแหละ ไม่คลาดเคลื่อนละถอน ไปไหนก็ไม่ไป ติดอยู่นั่นแหละ ติดแน่นทีเดียว
เมื่อติดแน่นแล้วท่านก็สอดส่องมองดูทีเดียว ว่าประเพณีของพระพุทธเจ้าเมื่อได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วนับถืออะไร เคารพอะไร เคารพอะไรบ้าง ไปดูหมด ไปดูตลอดหมดทุกพระองค์เหมือนกันหมด แบบเดียวกันหมด ใจของท่านมาติดอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำ ให้เป็นพระพุทธเจ้านี้ทั้งนั้น ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า
กำเนิดดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้าหยุดอยู่นี้เอง ติดแน่นไม่ถอนถอยหละ
อินฺทขีรูปโม เหมือนอย่างกับเสาเขื่อนปักอยู่ในน้ำ ถ้าลมพัดมาแต่ทิศทั้งที่ทั้งแปด ไม่เขยื้อน หรือไม่ฉะนั้น
ปพฺพตูปโม เหมือนอย่างภูเขา ลมพัดมาแต่ทิศทั้งสี่ทั้งแปด ใจไม่เขยื้อนแน่นเป๋งเชียว แน่นกั๊กทีเดียว
นั่นแหละใจแน่นอยู่กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้านั่นแหละ นั่นแหละเรียกว่า สทฺธธมฺมครุโน ละท่านเป็นผู้เคารพพระสัทธรรม
เมื่อท่านเห็นเช่นนั้น บัดนี้จะเคารพใคร ไม่มีแล้วที่เราจะเคารพ ในมนุษย์โลกทั้งหมดต่ำกว่าเราทั้งนั้น ในเทวโลก พรหมโลก อรูปพรหมต่ำกว่าเราทั้งนั้น ตลอดไม่มีแล้วในภพทั้ง ๓ จะหาเสมอเราไม่มีสูงกว่าเราไม่มี เราสูงกว่าทั้งนั้นที่เป็นอย่างเราไม่มี เราสูงกว่าทั้งนั้น
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "คาราวาธิคาถา"
๑๐ มกราคม ๒๔๙๗