ปาฏิหาริย์จีวรหลวงปู่
คติโบราณของคนไทยมักนิยมนำเอาผ้าจีวร หรือของที่เนื่องด้วยพระภิกษุผู้ทรงคุณวิเศษ นำติดตัวไปไหนมาไหนด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคล แคล้วคลาดจากภยันอันตรายต่าง ๆ ซึ่งไม่ว่าจะไปออกรบ จะเดินทาง หรือไปทำภารกิจต่าง ๆ ก็จะนิยมเอาผ้าจีวรของเกจิอาจารย์ ที่ตัวเองนับถือ ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อพกติดตัวเอาไว้ ซึ่งผ้าจีวรของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ก็เช่นเดียวกัน เป็นสิ่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะสิ่งใดที่เนื่องกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ล้วนมีอานุภาพอันไม่มีประมาณทั้งสิ้น
เรื่องนี้ ลุงฉลอม มีแก้วน้อย หลานชายของหลวงปู่ ที่เป็นอุปัฏฐากคนใกล้ชิดท่านได้เล่าให้ฟังว่า...
อะไรที่เกี่ยวเนื่องด้วยหลวงปู่ ศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง อย่างลุงเองขอผ้าไตรครองจากหลวงปู่ไว้ ซึ่งเป็นผ้าที่หลวงปู่ท่านครองติดตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งลุงได้เอ่ยปากขอตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่า “หลวงพ่อครับถ้าหลวงพ่อมรณภาพ ผมขอผ้าไตรครองหลวงพ่อไว้ปกปักรักษา จะได้ไหมครับ” ซึ่งหลวงปู่ท่านก็พยักหน้า และรับคำว่า “เออ..เอ้อ...”
ดังนั้น เมื่อหลวงปู่มรณภาพไปจริง ๆ หนึ่งในทีมอุปัฏฐากที่ดูแลหลวงปู่ด้วยกัน จึงได้เก็บผ้าจีวรผืนนี้ไว้สำหรับลุงฉลอม เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้คนใกล้ชิดหลวงปู่ ระลึกนึกถึงหลวงปู่ และที่สำคัญยังเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ที่เอาไว้คุ้มครองตนเองให้รอดปลอดภัยในทุกสถานที่
ด้วยเหตุนี้..ลุงฉลอมจึงเอาผ้าจีวรที่ตนเองได้รับมานั้น มาตัดแบ่งเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ เพื่อแจกให้หมู่ญาติ ซึ่งหนึ่งในจำนวนที่ได้รับนั้น ก็มีหลานชายคนหนึ่งของลุงฉลอม ซึ่งมีอาชีพขับรถแท็กซี่ !!
ลุงฉลอมเป็นห่วงหลานคนนี้มาก เพราะกลัวว่า ทำอาชีพขับแท็กซี่แล้ว จะถูกจี้ปล้น หรือถูกฆ่า เพราะในช่วงนั้นมีข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ฉะนั้นลุงฉลอมก็เลยตัดจีวรชิ้นเล็ก ๆ มอบให้หลานชาย นำไปใส่กรอบห้อยคอไว้ อีกทั้งยังย้ำกับหลานชายว่า “เมื่อเอ็งจะขับแท็กซี่ทุกครั้งนะ ให้อาราธนาหลวงพ่อคุ้มครอง ให้รอดพ้นจากเหตุเภทภัยต่าง ๆ นะ” ซึ่งหลานชายก็รับคำ
แล้ววันหนึ่ง หลานชายของลุงฉลอมก็ได้ประจักษ์ถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของจีวรหลวงปู่เข้าอย่างจัง คือ วันนั้นมีผู้มาว่าจ้างให้ขับแท็กซี่ไปต่างจังหวัด แต่ขณะที่รอผู้ว่าจ้างเข้าไปเอาของในบ้าน อยู่ ๆ ก็มีชายแปลกหน้าเข้ามาจ้างวานให้ไปส่งยังสถานที่ใกล้เคียงแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากหลานชายรับงานว่าจ้างเอาไว้แล้ว จึงตอบปฏิเสธไป
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชายแปลกหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ถูกปฏิเสธ จึงหงุดหงิดพาลเอาเท้าไปเตะ และเอามือทุบลงที่รถแท็กซี่ ซึ่งเมื่อหลานชายเห็นดังนั้น จึงรีบตะโกนบอกว่า “อย่าเตะ..ๆ นี่มันรถของผมนะ” เมื่อหลานชายพูดอย่างนั้น ชายแปลกหน้าก็เลยบันดาลโทสะยกใหญ่ จึงควักปืนที่พกติดตัวขึ้นมาทันที โดยกะจะยิงให้ตาย!!
พอหลานชายลุงฉลอมเห็นดังนั้น ก็ตกใจสุดขีด นึกขึ้นทันทีว่า มันเล่นกันขนาดนี้เชียวหรือ นอกจากเตะรถแล้ว ยังจะควักปืนมายิงอีก พอหลานชายเห็นท่าไม่ดี จึงรีบวิ่งหนี ซึ่งชายแปลกหน้าคนนั้นก็รีบวิ่งตามมาติด ๆ พร้อมกับยกปืนไล่ยิงหลานชายทีเดียว 6 นัดซ้อน แต่โชคเข้าข้าง... เพราะกระสุนไม่โดนหลานชายเลยแม้แต่นัดเดียว
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้หลานชายของลุงฉลอม ทวีความตกใจขึ้นไปอีก แล้วเสียหลักสะดุดขาตนเองวิ่งหกล้มลงไปกองกับพื้น ทันใดนั้นเอง.!!! ชายแปลกหน้าก็กระโดดนั่งคร่อมล็อกตัวหลานชายทันที พร้อมกับเอาปืนจ่อที่แสกหน้าผาก โดยกะจะยิงให้ตาย
ช่วงนาทีวิกฤตใกล้ความตายนี้เอง หลานชายของลุงฉลอมก็ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงว่า “หลวงพ่อ..ช่วยด้วย ๆ” และขณะเดียวกัน ชายแปลกหน้าก็ไม่รอช้า รีบเหนี่ยวไกปืนยิงแชะแรกเลย
แต่อนิจจา.. ลูกปืนไม่ยอมออก ชายแปลกหน้าก็ไม่ยอมแพ้ จึงเหนี่ยวไกต่อไปอีก และพอกดยิง..กระสุนก็ไม่ออกอีก เลยทำให้ชายแปลกหน้ายิ่งโมโหหนักขึ้นไปอีก จึงเงื้อแขนกะจะเอาปืนที่อยู่ในมือตบกลางแสกหน้าซัดให้ตายตรงนั้น
ขณะเสี้ยววินาทีระทึกที่ปืนกำลังฟาดลงที่แสกหน้านั่นเอง.!!! อยู่ ๆ ชายแปลกหน้าคนนั้น และหลานชายลุงฉลอม ก็เห็นผ้าจีวรผืนใหญ่ลอยมาปาดหน้าชายคนนั้นทันที จนชายแปลกหน้าเกิดอาการผงะ ตกใจ แล้วล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็เกิดความกลัวขึ้นทันที และวิ่งหนีไปในที่สุด ทำให้หลานชายของลุงฉลอมรอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิด !!!
ลุงฉลอม..ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกที่มีต่อจีวรของหลวงปู่ผืนนี้ว่า แม้แต่ตัวลุงเอง ซึ่งมีอายุ 80 กว่าปีแล้ว ก็พกจีวรชิ้นนี้ติดตัวตลอดเวลา เพราะมันทำให้ลุงนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ หวนนึกถึง ภาพเก่า ๆ ตอนที่เป็นอุปัฏฐากดูแลหลวงปู่ และพอยิ่งนึกก็ยิ่งปลื้ม ก็เลยเอาจีวรชิ้นเล็ก ๆ นี้ติดตัวตลอด ซึ่งไม่ว่าลุงจะไปไหน ลุงก็จะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทุกครั้งอย่างเหลือเชื่อ คือ มันเกือบจะเจอนะ แต่ก่อนที่ลุงจะเจอ คนอื่นเขาเจอไปก่อน หรือไม่อุบัติเหตุก็เกิดตามหลังลุงไปแค่นิดเดียว คือ คนที่ถัดจากลุงเจอแทน ทำให้ลุงแคล้วคลาดปลอดภัยทุกครั้ง...
จากหนังสือ อานุภาพหลวงปู่..ยุคต้นวิชชา