บ้านของคุณยาย

วันที่ 11 สค. พ.ศ.2563

บ้านของคุณยาย

                     วันนี้...คุณยายยังคงนอนพักอยู่ที่เตียง ท่านไม่สบาย พี่อารีพันธุ์โทรศัพท์ปรึกษาอาการของคุณยายกับคุณหมอตลอดเวลา  ส่วนข้าพเจ้าและเปิ้ลนั่งอยู่ที่ปลายเตียงของคุณยาย เพื่อนวดฝ่าเท้าให้ท่าน

           

                     สักครู่... พี่อารีพันธุ์บอกให้เปิ้ลไปชงยา ข้าพเจ้ายังคงนวดฝ่าเท้าของท่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเปิ้ลนำยาที่ชงมาถวายคุณยาย น้าเล็กกับพี่อุ๊ช่วยพยุงตัวคุณยาย เพื่อให้ท่านทานยาได้ถนัด ข้าพเจ้ารีบไปเอากระโถนกับแก้วใส่น้ำมาเตรียมไว้ เพื่อให้คุณยายบ้วนปากหลังจากรับประทานยาแล้ว เมื่อคุณยายรับประทานยาและบ้วนปากเสร็จ น้าเล็กก็หยิบกระดาษทิชชูที่พับวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้าง ๆ เตียง เช็ดที่ริมฝีปากคุณยายและค่อย ๆ พยุงท่านให้นอนลงอีกครั้งหนึ่ง

 

                       ส่วนข้าพเจ้าเอากระโถนไปทำความสะอาดแล้ว ก็กลับมานวดฝ่าเท้าท่านต่อสักครู่คุณยายหันมาที่พี่อารีพันธุ์ พลางพูดว่า "อารีพันธุ์ ยายอยากจะกลับบ้านแล้ว" พี่อารีพันธุ์รีบวางสายโทรศัพท์ที่กำลังคุยกับคุณหมอ กลับมานั่งข้าง ๆ เตียงคุณยาย แล้วก็พูดว่า "ยายขา บ้านยายอยู่นี่แล้วค่ะ" คุณยายไม่พูดอะไร หันหน้าเข้าฝาห้องอีกด้านหนึ่ง

 

                       ข้าพเจ้าได้แต่นั่งคิดไว้ในใจว่า "ถ้าคุณยายหายป่วยแล้ว น่าจะพาคุณยายกลับไปเยี่ยมบ้าน
ที่นครชัยศรีบ้างนะ"สักครู่เปิ้ลมานั่งข้างๆ ข้าพเจ้าก็ถ่ายทอดความคิดนี้ให้เปิ้ลได้รับรู้ แต่เปิ้ลคิดไม่เหมือนกับข้าพเจ้า เปิ้ลคิดว่า บ้านของคุณยาย คือ กุฏิหลังแรกที่อยู่ภายในรั้ววัด ซึ่งท่านเคยอยู่มานาน

 

                       สักครู่หนึ่ง...พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวมาเยี่ยมคุณยาย พอคุณยายท่านเห็นหลวงพ่อมายืนอยู่ข้าง ๆ มือทั้งสองของท่านก็พนมขึ้น พร้อมกับพูดว่า

 

                      "หลวงพ่อทัตตะ ยายไม่สบาย"สักครู่หลวงพ่อก็สั่งให้เปลี่ยนทิศทางการตั้งเตียงของคุณยาย แล้วเปิดหน้าต่างบางบานออก

 

                        ต่อมา พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยก็มาถึงกุฏิคุณยาย ทันทีที่รถจอด หลวงพ่อก็รีบเดินมาที่ห้องของคุณยาย มายืนที่ข้างๆ เตียง แล้วบอกให้ข้าพเจ้าหันพัดลมออกไปทางประตูกุฏิ เพื่อที่จะให้พัดลมดูดเอาอากาศใหม่เข้ามาแทนที่

 

                          คุณยายพอเห็นหลวงพ่อธัมมชโยเท่านั้น ท่านก็พนมมือขึ้นแล้วก็พูดว่า "หลวงพ่อ ยายอยากจะกลับบ้านแล้ว"

 

                           หลวงพ่อธัมมชโยท่านบอกกับคุณยายว่า "ยาย ยายต้องอยู่ให้ถึง ๑๒๐ ปีก่อนนะ ยายอยู่ฉลองธรรมกายเจดีย์ก่อนนะยายนะ"

 

                           คุณยายท่านไม่ได้พูดอะไรตอบ ได้ยินแต่เสียงที่บอกว่า "อือ ! " แล้วแสดงอาการพยักหน้าตอบรับหลวงพ่อเท่านั้นเอง

 

                         เมื่อคุณยายหลับแล้ว หลวงพ่อทั้งสองก็ออกมาคุยปรึกษาอาการของคุณยายกับพี่อารีพันธุ์ที่บริเวณระเบียงนอกกุฏิ  ส่วนข้าพเจ้ายังคงนั่งเฝ้าคุณยายอยู่ข้าง ๆ และอดคิดไม่ได้ว่า "บ้านคุณยายอยู่ไหนกันหนอ ทำไมไม่มีใครบอกได้เลย เพราะว่าหลวงพ่อทั้งสองก็ไม่ได้บอกเลยว่า จะพาคุณยายกลับไปบ้านเมื่อไร"

 

                            สักครู่...เปิ้ลชวนข้าพเจ้าออกไปกราบหลวงพ่อทั้งสองที่ด้านนอกกุฏิ พอก้มกราบเสร็จ หลวงพ่อธัมมชโยก็หันมาพูดกับเปิ้ลและข้าพเจ้าว่า "ให้ดูแลคุณยายให้ดีนะ ท่านเป็นประดุจพระเจดีย์องค์หนึ่งเลยทีเดียว" ทันใดนั้นเองข้าพเจ้ารู้สึกว่า ขนลุกไปทั้งตัวเลย

 

                            ณ...วันนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่า บ้านของคุณยายไม่ใช่บ้านที่อยู่นครชัยศรี ไม่ใช่กุฏิที่ชื่อว่า "ปรนิมมิตวสวดี"  ไม่ใช่ที่ไหน ๆ ในโลกนี้ และไม่มียานพาหนะใด ๆ ที่วิเศษสุดในโลกนี้จะพาไปได้เลย นอกจากคุณความดี ที่ใสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น จึงจะกลับไปบ้านหลังนี้ได้ 

 

                            คุณยายกลับบ้านไปแล้ว ไปไกลมาก แต่ก็ไม่เคยไกลจากใจของข้าพเจ้าและใคร ๆ เลย ตราบใดที่โลกนี้ยังมีดวงจันทร์ ตราบนั้นคุณยายยังคงอยู่ ณ ที่กลางใจของข้าพเจ้าและทุก ๆ คนเสมอ "ดวงจันทร์ กลาง ดวงใจ"

 

จากหนังสือ ดวงจันทร์กลางดวงใจ

**บทความ แนะนำ/เกี่ยวข้อง

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.00097161531448364 Mins