เหตุใดยุคนี้ ไม่มีการบวชผู้หญิง

วันที่ 20 พย. พ.ศ.2563

เหตุใดยุคนี้ ไม่มีการบวชผู้หญิง

                    ที่มาของภิกษุณีเกิดจากพระนางปชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นน้องของพระนางสิริมหามายา พระราชมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะนั่นเอง หลังเจ้าชายสิทธัตถะทรงประสูติได้ 7 วัน พระราชมารดาเสด็จสวรรคต ผู้ที่เลี้ยงเจ้าชายสิทธัตถะมาก็คือพระนางปชาบดีโคตมี

20296-1.jpg

                   ภายหลังเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม พระนางปชาบดีโคตมีปรารถนาจะออกบวชมาก แสดงเจตจำนงด้วยความตั้งใจจริง โดยการเดินเท้านุ่งห่มด้วยผ้ากาสายะ พร้อมขบวนของนางสนมกำนัลที่เป็นบริวาร 500 คน ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปไกล

                    แรกเริ่มพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่อนุญาต เพราะพระองค์ทราบว่าผู้หญิงมีข้อจำกัดกว่าผู้ชายมากมาย ชีวิตนักบวชต้องอยู่กลางป่า ถ้าผู้หญิงไปอยู่ป่าแล้วเกิดไปเจอโจรผู้ร้ายเข้ามารังแกจะทำอย่างไร มีโอกาสจะเกิดเหตุร้ายได้มาก

                    ต้องยอมรับว่า โดยธรรมชาติอารมณ์ของผู้หญิงจะขึ้นลงง่ายกว่าผู้ชาย ถ้าเป็นนักบวชแล้วไม่สบายเหมือนอยู่บ้านจึงมีโอกาสเกิดความขัดแย้งกันได้มากกว่าผู้ชาย มีเหตุที่จะส่งผลกระเทือนโดยภาพรวม พระองค์จึงไม่อนุญาตในเบื้องต้น

                      พระนางปชาบดีโคตมีแสดงความตั้งใจจริงอย่างยิ่งยวด แล้วขอให้พระอานนท์ที่เป็นพุทธอุปัฏฐาก ช่วยทูลขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

20296-2.jpg

                       สุดท้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาต โดยให้ถือ “ครุธรรม 8 ประการ” เช่น เมื่อบวชเป็นภิกษุณีแล้ว แม้บวชมาแล้วถึง 100 พรรษา หากเจอภิกษุที่เพิ่งบวชใหม่ก็ต้องให้ความเคารพ และภิกษุณีห้ามบริภาษภิกษุ เป็นต้น

                      พระนางปชาบดีโคตมีไม่ปฏิเสธ เพราะนางเป็นหญิงที่มีใจเด็ด ที่ว่าผู้หญิงมีอารมณ์ขึ้นลงง่ายกว่าผู้ชายเป็นเพียงภาพรวม แต่ถ้าเจาะจงเฉพาะคนโดยยกตัวอย่างหญิงเหล็กมาร์กาเรต แทตเชอร์ (Margaret Thatcher) อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และผู้นำพรรคอนุรักษนิยมที่ตบโต๊ะทีเดียวผู้ชายยังยอมหมด ผู้หญิงที่มีลักษณะดีเยี่ยมก็มี ผู้ชายที่หวือหวาอารมณ์ขึ้นลงง่ายก็มี

                       พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมองภาพรวมก่อน เพราะฉะนั้น เบื้องต้นจึงไม่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวช แต่พอมีคนตั้งใจจริงและรับกฎเกณฑ์อย่างนี้ได้ พระองค์จึงทรงอนุญาต

                       โดยมีเกณฑ์ข้อหนึ่งว่า “ภิกษุณีจะต้องบวชในสงฆ์ 2 ฝั่ง”

                         กรณีบวชพระภิกษุ ให้พระ 10 รูปขึ้นไป ประชุมกันในโบสถ์โดยมีพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ 2 รูป เรียกว่า “พระกรรมวาจาจารย์” กับ “พระอนุสาวนาจารย์”

20296-3.jpg

                           ถ้าทั้งหมดมีมติอนุญาตเป็นเอกฉันท์ก็สามารถบวชได้ แต่ถ้าเป็นภิกษุณีต้องบวชในสงฆ์ 2 ฝั่ง คือ บวชจากในฝั่งภิกษุด้วย แล้วบวชในฝั่งภิกษุณีด้วยถึงจะบวชเป็นภิกษุณีได้

                           ส่วนภิกษุณีจากฝ่ายมหายานนั้น ไม่สามารถบวชให้กับภิกษุณีเถรวาทได้ เพราะรักษาพระวินัยไม่เหมือนกัน เรียกว่าเป็นนานาสังวาส ทำสังฆกรรม เช่น ให้การอุปสมบทร่วมกันไม่ได้

                           ต่อมาหลังพุทธกาลราว ๆ 4 - 500 ปี วงศ์ของภิกษุณีหมดลง ไม่มีภิกษุณีในโลกนี้หลงเหลืออยู่เลย พอเป็นอย่างนี้แล้วจึงบวชไม่ได้ เพราะมีแต่พระภิกษุไม่สามารถบวชสงฆ์ 2 ฝั่งได้ ภิกษุณีวงศ์ก็ขาดมาตอนนั้นนั่นเอง

เจริญพร

พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.024226649602254 Mins