มหาวิโลกนะ ๕ ประการ

วันที่ 03 มิย. พ.ศ.2564

3-6-64-2-b.jpg

มหาวิโลกนะ ๕ ประการ

                   พระโพธิสัตว์มิได้รีบรับคำเชิญโดยผลีผลาม กลับตรวจพิจารณาความพร้อมอย่างยิ่งใหญ่ ๕ ข้อ ที่เรียกว่า มหาวิโลกนะ เสียก่อน คือ

 ๑. พิจารณากาล หมายถึงการพิจารณาอายุเฉลี่ยของมนุษย์ ในขณะนั้นมนุษย์โดยมากมีอายุอยู่ในระหว่างหนึ่งแสนปีกับหนึ่งร้อยปีหรือเปล่า ถ้าเกินกว่าหรือต่ำกว่านี้ พระองค์จะไม่มาบังเกิด เพราะว่ายุคใดที่อายุเฉลี่ยของคนเกินแสนปี ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงเทศน์สอนว่า วันหนึ่งนะทุกคนจะต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เขาจะไม่เชื่อหรอก เผลอ ๆ อาจจะมีคนเถียงว่า นี่ฉันอยู่มาแปดหมื่นปีแล้วยังไม่แก่เลย แล้วจะเจ็บจะตายได้อย่างไร อย่ามาหลอกกันเสียให้ยาก แล้วเขาก็จะไม่ปฏิบัติธรรมตามคำสอน การบังเกิดของพระองค์ ก็จะไม่เป็นประโยชน์แก่ใครเลย

             ส่วนยุคใดที่อายุเฉลี่ยของคนต่ำกว่าหนึ่งร้อยปี คนก็จะมีกิเลสหนาเกินไป จะไม่สนใจฟังคำสอนของพระองค์ สมมติว่า ถ้าอายุเฉลี่ยของมนุษย์เพียงแค่ ๓๐ ปี ก็แสดงว่าพอใครอายุได้ ๕ ขวบ ก็เป็นหนุ่มเป็นสาวเสียแล้ว ย่อมสนใจเรื่องเพศมากกว่า ไม่สนใจธรรมะหรอก แล้วเรื่องอื่น ๆ ทางโลกล้วนแต่ไร้สาระก็จะเกิดตามมา ยังไม่ทันได้ถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม ก็ด่วนตายเสียแล้ว

             เพราะฉะนั้น ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะลงมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จะต้องพิจารณาเรื่องกาลให้ละเอียดถี่ถ้วน เสียก่อน ว่าอายุมนุษย์โดยเฉลี่ยอยู่ระหว่างแสนปีกับร้อยปีจริง ๆ ถ้า ยังไม่ได้จังหวะก็ต้องรอ เหมือนอย่างกับชาวนาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ รอฤดูฝนนั่นเอง

 

๒. พิจารณาทวีป แม้กาลจะได้ ก็ต้องพิจารณาถึงทวีปที่จะไปเกิดต่อไปอีก เพราะคนในบางทวีป สติปัญญายังไม่พัฒนา ยกตัวอย่างเช่น ยังมีคนเถื่อนกินเนื้อมนุษย์กันอยู่ ขืนลงไปเกิดในทวีปอย่างนั้น การมาตรัสรู้ของพระองค์ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะว่าสติปัญญา ตลอดจนความเพียรของประชาชนยังต่ำ ไม่สามารถรองรับธรรมะของพระพุทธองค์ได้ โดยทั่วไปพระโพธิสัตว์จะเลือกเกิดในชมพูทวีป ไม่ไปเกิดในทวีปอื่น

 

๓. พิจารณาประเทศ แม้จะเลือกทวีปได้แล้ว แต่ว่าในชมพูทวีปย่อมมีหลายประเทศ แต่ละประเทศก็ไม่ได้เจริญเท่าเทียมกัน สมมติว่าถ้าไปเกิดในประเทศที่กำลังตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอื่น การอบรมสั่งสอนธรรมะย่อมจะถูกจำกัด เพราะใครเล่าเขาจะให้เกียรติ คนที่เป็นข้าหรือเชลยเขา เขาอาจดูถูกดูแคลนเอาได้ แม้คำสั่งสอนจะดี ถูกต้องตามธรรม แต่ก็จะไม่ยอมรับฟัง ดังนั้นการมาตรัสรู้ของพระองค์ ก็จะได้ประโยชน์น้อย เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์ก็จะต้องเลือกไปเกิดในประเทศที่ชาวโลกยกย่องว่าเจริญแล้ว มีวัฒนธรรมสูงส่ง เป็นที่ยอมรับ

 

๔. พิจารณาสกุล คนทั้งโลกมีนิสัยเหมือน ๆ กันอยู่ว่า ถ้าอยู่ในยุคสงครามก็จะนิยมยกย่องคนที่เกิดในสกุลนักรบหรือกษัตริย์ ถ้าอยู่ในยุคบ้านเมืองสงบร่มเย็น ก็นิยมยกย่องคนในสกุลนักปราชญ์หรือ พราหมณ์ เพื่อความสะดวกในการเผยแผ่คำสั่งสอน พระโพธิสัตว์ก็จะตรวจดูว่า ยุคนั้นเป็นยุคอะไร สกุลพราหมณ์หรือกษัตริย์กำลังได้รับความเคารพยกย่องสูงสุดก็จะไปเกิดในสกุลนั้น

 

๕. พิจารณาพระมารดา เวลาเขาจะหล่อพระพุทธรูปหล่อโลหะ หล่อคอนกรีต หรือพิมพ์ก็ตามที สิ่งสำคัญก็คือต้องได้แม่แบบ หรือแม่พิมพ์ที่ดี ถ้าแม่พิมพ์ไม่ดีละก็ สิ่งที่หล่อออกมาจะมีตำหนิ

               

                  ในทำนองเดียวกัน การเกิดของมนุษย์ก็จำต้องมีพ่อแม่เป็นแม่แบบแม่พิมพ์ ผู้ที่เป็นแม่พิมพ์จริง ๆ ก็คือมารดา เพราะจะต้องอยู่

ในครรภ์มารดาถึง ๙ เดือน ๑๐ เดือนเลยทีเดียว

                 

                  เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์จะต้องเลือกผู้ที่เป็นมารดาอย่างพิถีพิถันมาก เพื่อที่จะมาเป็นต้นแบบที่ดีของร่างกาย สำคัญที่สุดคือมารดาจะต้องมีศีลห้าบริสุทธิ์ ไม่โลเลในบุรุษ และได้บำเพ็ญบารมีมาตลอดแสนกัปแล้ว พระโพธิสัตว์ก็จะทรงรอจนกระทั่ง ร่างกายของผู้ที่จะเป็นมารดาสมบูรณ์พร้อมที่จะเป็นพระมารดาแล้ว จึงเข้าสู่พระครรภ์

                 เมื่อเลือกตั้งแต่ประการที่หนึ่งถึงประการที่ห้าได้แล้ว ก็เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่า คนเราสามารถเลือกเกิดได้นั่นเอง

 

จากหนังสือวันเกิด

คุณครูไม่เล็ก

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0013290166854858 Mins