ทัณฑ์ทรมานแห่งนรก ตอนที่ ๒
ยมโลก...ทัณฑ์ทรมานสถานเบา
ยมโลก เป็นที่ที่ตัดสินบุญบาปสำหรับผู้ละโลกที่มีใจไม่เศร้าหมอง แต่ก็ไม่ผ่องใส เป็นที่ลงโทษสถานเบา และเป็นเสมือนชุมทางรถไฟที่สับเปลี่ยนราง ให้รถไฟไปตามทิศทางต่างๆ ที่มาจากมหานรก อุสสทนรก มาสู่ยมโลก จากโลกมนุษย์ไปสู่ยมโลก และจากสวรรค์ไปยังยมโลกก็มี
การเดินทางไปสู่ปรโลก
ขั้นตอนการเดินทางจากมนุษย์ไปสู่ยมโลก ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งนอนป่วยใกล้ตาย ภาพประวัติชีวิตที่เคยทำผ่านมาในอดีตขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงมาปรากฏ มีทั้งภาพดีและภาพไม่ดี จึงทำให้ใจไม่เศร้าหมอง และไม่ผ่องใส
ในที่สุดกายละเอียดก็หลุดออกจากกายหยาบที่นอนอยู่ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบดับไป กายมนุษย์ละเอียดก็หลุดออกจากร่าง บางคนหลุดออกจากกายหยาบโดยไม่รู้ตัว บางคนรู้ตัวก็จะหันไปมองร่างตนเองรู้ว่า ตัวเองตายแล้วจึงไปเยี่ยมเพื่อนฝูงญาติมิตร
เมื่อคิดถึงครอบครัวก็ไปหาครอบครัว คิดถึงหมู่ญาติก็ไปหาหมู่ญาติ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังเขาพูด แต่พูดคุยกับเขาไม่ได้ยิน สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เพราะอยู่กันคนละภพภูมิ วนเวียนอยู่จนครบ ๗ วัน
เมื่อครบ ๗ วันแล้ว เจ้าหน้าที่ในยมโลก ๓ ตน จะมารับตัวไปยมโลก ถ้าผู้ตายมียศถาบรรดาศักดิ์มากเจ้าหน้าที่จะเพิ่มปริมาณ จาก ๓ เป็น ๕ เป็น ๗ เป็น ๙ เพื่อข่มขวัญให้นักโทษกลัว ถ้าหากดิ้นรนขัดขืนก็จะถูกทำร้าย โดนทุบ โดนถอง
หัวหน้าเจ้าหน้าที่จะมีโซ่ทองคำคล้องคอเป็นสัญลักษณ์ นุ่งหยักรั้งสีแดง ผิวดำ ผมหยิก ตาโตถึงทิ้ง ส่วนลูกน้องมีลักษณะเดียวกันจะถืออาวุธ แล้วนำโซ่ตรวนมาคล้องคอ คล้องมือ กายมนุษย์ละเอียด แล้วก็ทะลุมิติจากมนุษยโลกไปสู่ยมโลก ลากจูงมาถึงหน้าประตูยมโลก
ที่มีนักโทษมาจากทุกสารทิศทุกเชื้อชาติ มีเจ้าหน้าที่ในยมโลก ยืนเข้าแถวขนาบ ถืออาวุธอยู่หน้าประตู ซึ่งมีหลายประตู ประตูหิน ประตูโลหะ ฯลฯ บนเชิงเทินมีเจ้าหน้าที่ยืนถือหอกเรียงรายสลับกับคบเพลิง เห็นแล้วน่าสะพรึงกลัว บรรยากาศภายในยมโลกจะร้อนๆ ทึมๆ แต่เจ้าหน้าที่ยมโลกไม่ร้อน
พาไปถึงลานหน้าโรงวินิจฉัย รูปทรงอาคารจะเป็นไปตามเชื้อชาติ ตามเขตทั่วโลก ถ้าชาติฝรั่งก็เหมือนฝรั่ง จีนก็เหมือนจีน ไทยก็เหมือนไทย ชาติไหนก็เหมือนชาตินั้น นักโทษมาจากนานาชาติ จำนวนเป็นแสนเป็นล้านล้วนอยู่ในสภาพเปลือยกาย
ประติมากรรมในยมโลกแตกต่างจากประติมากรรมของสวรรค์ รูปแบบเป็นอาวุธที่ไม่ซ้ำกัน เช่น กระบองหนาม สามง่าม ง้าว ดาบ เป็นต้น เรียงรายรอบอาคาร เห็นแล้วก็ขนพองสยองเกล้า
ลานด้านหน้าโรงวินิจฉัยฝั่งซ้าย-ขวาจะมีเจ้าหน้าที่ตัวใหญ่ เสียงห้าวดังกังวานคอยประกาศเรียกชื่อนักโทษตามเขต ให้เข้าสู่แนวกลางเพื่อเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาบุญ บาป
ในโรงวินัย สองข้างทางจะมีเจ้าหน้าที่เรียงราย ป้องกันไม่ให้หลบหนี เจ้าหน้าที่พาไปนั่งต่อหน้าพญายมราช
พญายมราช เป็นกุมภัณฑ์ มีเครื่องประดับของชั้นจาตุมหาราชิกา ไม่มีเขาควาย ไม่มีหัวกะโหลกควายอย่างที่เข้าใจ ดวงตาจะแดง เพียงแค่มองเห็นลูกนัยน์ตาก็กลัวแล้ว ไม่กล้าสบตา เสียงห้าวกังวาน ลึกน่ากลัว ตอนเป็นมนุษย์เป็นคนมักโกรธ เจ้าโทสะ แต่ก็ทำบุญ จึงต้องไปเกิดเป็นกุมภัณฑ์
ยังมีเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย คือ สุวาณเลขา จะดูบัญชีบนหนังสัตว์ เป็นบัญชีบาป จะมีภาพของการทำชั่วปรากฏขึ้นมา ส่วนสุวรรณเลขา จะดูบัญชีบนแผ่นทองเป็นบัญชีบุญ ภาพการกระทำดีจะปรากฏขึ้นมาที่บัญชี
พญายมราชจะมีวิธีถาม ที่ทำให้กายมนุษย์ละเอียดระลึกนึกถึงบุญ ส่วนใหญ่นึกไม่ค่อยออก ตอบไม่ได้ จะพรั่นพรึง ถ้าคนที่ทำบุญสม่ำเสมอ แต่จิตในช่วงที่ใกล้ละโลกไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใส ก็ยังพอนึกได้ พอจะตอบได้
เมื่อพญายมราชถามเรื่องความดีสุวรรณเลขาจะดูบัญชีทอง จะเห็นภาพแห่งความดีที่ทำเอาไว้เป็นภาพที่ลอยออกมาเหนือแผ่นทองคำ ถ้าเห็นภาพการมาสร้างบุญ ภาพนั้นจะปรากฏลอยอยู่กลางอากาศห่างจากผนังที่นั่งของพญายมราชเล็กน้อย เมื่อกายมนุษย์ละเอียดเห็นแล้ว ก็จะเกิดปีติ กายที่เปลือยอยู่ก็จะมีเครื่องนุ่งห่มพร้อมที่จะไปสู่สุคติ
เมื่อถามเรื่องความชั่ว สุวาณเลขาก็ดูบัญชีบาป ถ้าเห็นภาพที่ปรากฏเป็นภาพการกระทำความชั่ว กำลังเผาบ้านเผาเมืองลอยอยู่ ข้างหน้าบัลลังก์พญายมราช
เมื่อเห็นภาพกรรมชั่ว ใจของกายมนุษย์ละเอียดจะหมอง เจ้าหน้าที่จะพาไปลงทัณฑ์ ใครก็ตามที่มาอยู่ตรงนี้แล้ว จะไม่มีอุทธรณ์ ไม่มีฎีกา จะมาหลบเลี่ยง บ่ายเบี่ยงไม่ได้ จะถูกลากออกไป ถูกหอกทีมแทงออกไปทางประตูด้านข้างที่จะไปสู่ถนนวงแหวน ซึ่งอยู่ระหว่างโรงวินิจฉัยสองโรง
และจะไปเชื่อมกับถนนวงแหวนข้างนอก เป็นถนนสองซีก ชีกหนึ่งเป็นของผู้ที่ถูกนำไปลงทัณฑ์ อีกซีกหนึ่งไปสู่สุคติภพ ต่างก็เห็นผู้ที่จะไปสู่ทุคติภพ ก็ไม่ได้คิดเวทนา แต่น่าสะพรึงกลัว ถนนวงแหวนนี้จะอยู่บนขอบของหุบเหวที่มีที่ทัณฑ์ทรมาน
ทัณฑ์ทรมานในยมโลกชื่อ โลหกุมภี
เมื่อพามาถึงขอบถนนวงแหวน เจ้าหน้าที่จะผลักยันลงไปในที่ทัณฑ์ทรมาน ทั้งหญิงและชายโดยไม่มีความปรานี โยนกันลงไปในหลุม เอาหอกแหลมแทงบ้าง เพราะสัตว์นรกไม่สมัครใจ ตัวจะลอยละลิ่วปลิวลงไปอย่างกับแมลงเม่าเข้ากองไฟ ลงไปยังก้นหลุมใกล้ผนังหิน
การโยนลงหลุม ที่อยู่ขอบๆ ที่ลาดลงมาข้างล่างของหลุมเป็นผนังหินก็จะเห็นเปลวไฟ มีทัณฑ์ทรมานหลากหลายในหลุมนี้
การโยนลงหลุมด้านข้าง โยนกันลงไป ลอยละลิ่วลงไปทั้งหญิงและชาย
การโยนลงด้านข้าง ถึงก้นหลุมเฉพาะที่ใกล้ผนังหิน ไม่ใช่อยู่ตรงกลางๆ ถ้าอยู่ตรงกลางจะโดนหนัก ถ้าใกล้ๆ ก็โดนเบาหน่อย โดนหอก โดนดาบ ทั้งร้อน ทั้งเจ็บ ทั้งปวด ในเมืองมนุษย์ถ้าโดนแทงตายครั้งเดียว แต่ในนี้ตายแล้วเกิด เกิดมาโดน ทรมานอีก แล้วตาย ตายแล้วเกิดอีกๆ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน
“โลหกุมภี” เป็นหม้อเหล็กร้อนมีน้ำเหล็กร้อน เดือดพล่านอยู่ตลอดเวลา หมอเหล็กเหล่านี้จะจมลงไป โผล่ขึ้นมาเฉพาะขอบเท่านั้น สัตว์นรกจะแหวกว่ายอยู่ในหม้อน้ำเหล็กร้อนเดือดๆ นี้ เป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้านๆ ปี จมลงไปถึงก้นแล้วก็โผล่ขึ้นมา
ผู้ที่มาเป็นเจ้าหน้าที่ทัณฑ์ทรมานตรงจุดนี้ เพราะสร้างทั้งบุญและบาป บุญก็ทำ บาปก็ก่อ เจ้าหน้าที่จะ มีอยู่ ๓ ความรู้สึก คือ ประเภทที่หนึ่ง มีกรรมหนัก จะมีอารมณ์ร่วมที่ได้ลงโทษสัตว์นรก ประเภทที่สอง กรรมเบาบางลงมา จะรู้สึกเฉยๆ ทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว ประเภทที่สาม กรรมเบาบางมาก จะหมดหน้าที่จากการเป็นเจ้าหน้าที่แล้วก็จะเบื่อหน่าย ไม่อยากจะทำ แต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ ไม่ได้ทำด้วยความสมัครใจ เริ่มมีความรู้สึกสงสารสัตว์นรก แต่ก็ไม่แสดงออก
ในขุมโลหกุมภี หม้อจะมีหลายขนาด จุได้ไม่เท่ากัน หม้อบางใบจุได้หลักล้าน
จุได้หลักแสน
จุได้หลักหมื่น
จุได้หลักพัน
จุได้หลักร้อย
จุได้หลักสิบ
และหม้อส่วนตัว
การลงหม้อเหล็กร้อนนี้ สัตว์นรกจะถูกลากกันลงไป แหวกว่ายอยู่ในนั้นมากมาย
จะใช้คำว่า ว่ายก็ไม่ใช่ แต่มันเป็นการหมุนของกระแสกรรม ทำให้โลหะร้อนๆ เหนียหนืดหมุนขึ้นมาโลหะร้อนด้วยวิบากกรรมของสัตว์นรกที่ทำเอาไว้ ในนั้นละทั้งร้อน ทั้งทึบ ปวดแสบ ทุกข์ทรมานมาก
มีเสียงโอดโอยตลอดเวลา การพุ่งขึ้นของน้ำโลหะเหมือนการประทุของภูเขาไฟ โลหะร้อนๆ เหมือนลาวาระเบิดบึ้ม ! แยกออกไปข้างๆ ระเบิดเฉพาะตรงกลาง
ดูภาพในลักษณะผ่าข้าง จะเห็นว่า มา วืดบึ้มๆ ลอยไป แล้วก็มาใหม่อีก
สัตว์นรกจะพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาให้ได้ ผู้ที่เข้ามาอยู่ใกล้ขอบหม้อเพราะกรรมเบาบางลงแล้ว จึงตะเกียกตะกายมาถึงขอบได้
แต่เมื่อยังไม่หมดกรรมก็จะโดนยัน โดนแทงกลับลงไป
แต่ถ้าหมดจากกรรมในหม้อนี้แล้ว เจ้าหน้าที่จะช่วยขึ้นมา
เมื่อขึ้นมาแล้วอย่านึกว่า สบาย จะพบเจ้าหน้าที่ผู้จัดการหม้อใหม่ แต่งตัวสง่างามกว่าหม้อใบเดิม มีเครื่องประดับ โซ่ทอง สังวาล และมีบัญชี จะดูว่ากรรมหมดหรือยัง หากหมดจากหม้อนั้นแล้ว แต่กรรมยังมีอีก เช่น กรรมประเภทผิดศีลข้อใดข้อหนึ่งหรือทุกข้อ หรือทำอกุศลกรรมบถ ก็จะถูกลากตัวกันต่อไป เจ้าหน้าที่ผู้จัดการหม้อก็ชี้ตัวให้ไปโดนลงโทษต่ออีกหม้อหนึ่ง
แต่ก่อนจะลงหม้อจะถูกผ่าควักเอาเครื่องในออกมา ถูกควักไส้ออกก่อน แล้วโยนลงหม้อ หรือตัดคอก่อนโยนลงหม้อ ถ้ากรรมหนักมากจะถูกสับเป็นท่อนๆ ตั้งแต่ข้อมือเรื่อยไป สับกลางตัว จะร้องไม่ออกเลย สัตว์นรกเมื่อถูกสับจะไม่ตาย แต่จะเจ็บปวดทรมาน หามไปแต่ตัว แต่หัวแบกไปต่างหาก
เจ้าหน้าที่โกยชิ้นส่วนก็โกยกันไป แล้วก็เอาไปเทลงในหม้อใบต่อไป การทรมานจากหม้อหนึ่งไปหม้อหนึ่งเป็นเวลานานนับแสนๆ ปี กว่าจะมาถึงหม้อส่วนตัว เป็นเวลานานนับล้านปี
กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจตราดูแล้วพบว่า หมดกรรมแล้วจะพาไปโรงวินิจฉัยที่น่าสะพรึงกลัว แต่คนหมดกรรมแล้วจะสบายใจ มาถึงถนนวงแหวน ทางเชื่อมเข้าอาคารสองฝั่ง มารอการพิจารณาต่อ เจ้าหน้าที่ก็จะกล่าวกับเขาว่าเจ้าก็ได้ขึ้นมาจากโลหภูมภีแล้ว เจ้าคงได้สำนึกแล้วว่า การทำกรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อยก็มีผลเป็นแสนๆ ปี เจ้าต้องรู้ไว้ แล้วจึงตรวจดูบุญที่เคยทำมา หรือญาติอุทิศส่วนบุญอะไรมาให้บ้าง หรือมีกรรมดีจากชาติใดชาติหนึ่ง บัญชีบุญของสุวรรณเลขาก็จะปรากฏภาพกายมนุษย์ละเอียดก็จะมีจิตใจที่เบิกบานขึ้น พร้อมที่จะไปเกิดในภพภูมิใหม่ต่อไป
เรื่องยมโลก เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันเพราะผลของบาป จะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานยาวนานมาก เป็นล้านๆ เป็นกัปปีทีเดียว เพราะฉะนั้น บาปกรรมชั่ว แม้เพียงเล็กน้อยอย่าทำเลยดีกว่า
เนื้อเพลง อบาย อบาย อบาย
บทประพันธ์ : ตะวันธรรม
ทำนอง/เรียบเรียง : วิเนตร วัฑฒนะพงศ์
ขับร้อง : ปัญจสิขะคอรัส
บทส่งท้าย
เรื่องนรกสวรรค์ อย่าเข้าใจเพียงว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจเอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ไปรู้ไปเห็นมาด้วยญาณทัสนะอันบริสุทธิ์ที่ปราศจากอาสวกิเลส ไปเห็นแล้วอาศัยมหากรุณา สงสารสรรพสัตว์ทั้งหลาย จึงนำมาอบรมสั่งสอน ไม่ใช่ต้องการให้มารักมาเคารพ เพราะพระองค์ไปนิพพานแล้ว
ชีวิตก่อนโปสู่ปรโลกตัดสินกันที่บุญและบาป ใจใสหรือใจหมอง ถ้าใจใสก็ไปสุคติ ใจหมองก็ไปทุคติ ปรโลกมีคติสองทาง คือ สุคติกับทุคติ คติทั้งสองนั้นยาวนานนัก สุคติ สุขก็สุขนาน ทุคติ ทุกข์ก็ทุกข์นาน ชีวิตหลังความตาย ไม่มีการทำมาหากิน เป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาปที่ตัวได้กระทำตอนเป็นมนุษย์
ชีวิตในสังสารวัฏมีแต่ความทุกข์ ทุกข์น้อย ทุกข์ปานกลาง ทุกข์มาก ความสุขไม่มีเลย เราทุกข์จนขาขึ้น เมื่อเจอความทุกข์ที่ลดลง ก็เข้าใจว่านี่คือความสุข แต่แท้จริง คือ ความทุกข์ที่ลดลงเท่านั้น เพราะฉะนั้น ชีวิตในสังสารวัฏจึงน่าเบื่อหน่าย เหมือนกองเพลิงที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา จะต้องให้พ้นจากสังสารวัฏให้ได้ แล้วไปสู่อายตนนิพพาน ซึ่งเป็นบรมสุขและเป็นเอกันตบรมสุข สุขอย่างยิ่ง สุขอย่างเดียวไม่มีทุกข์เจือเลย เพราะเหตุนี้พระพุทธองค์จึงได้นำความรู้มาสั่งสอนให้ชาวโลกได้ทราบ เกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต เราจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่ผิดพลาด
เรื่องนรกสวรรค์ ผู้ที่เขามีรู้มีญาณ เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวและได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย ในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เขาทำกันได้มากมาย ไปมาหาสู่กันเป็นปกติ แล้วท่านสอนได้ด้วย เป็นความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของเก่านำมาเป่าฝุ่นใหม่ เพราะฉะนั้น นรกสวรรค์จึงเป็นสิ่งที่มีจริง แล้วสามารถพิสูจน์ได้ด้วยพุทธวิธี
จะไปเอากล้องส่องดวงดาวไปส่อง แล้วบอกว่า เห็นดวงดาวแต่ไม่เห็นนรกสวรรค์ เลยสรุปว่า ไม่มี มันไม่ถูก มันคนละเรื่อง ต้องใช้เลนส์ใจส่องดู หรือสรุปว่า พิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่ถูก ที่จริงยังไม่ได้พิสูจน์ ถ้าได้พิสูจน์ก็พิสูจน์ได้อุปกรณ์ที่จะไปศึกษา คือ พระธรรมกายซึ่งอยู่ในกลางกายของมนุษย์ทุกคน ต้องเข้าถึงพระธรรมกายภายในแล้วมาศึกษาวิชชาธรรมกาย ทำตรงนี้ได้ การไปนรกสวรรค์ก็อยู่ในวิสัย เพราะฉะนั้น ใครที่ยังไม่ได้พิสูจน์ หรือได้พิสูจน์แต่ทำไม่ถูกหลักวิชชา และพิสูจน์ยังไม่ได้ อย่าเพิ่งสรุปว่า ตนเองทำไม่ได้แล้วคนอื่นจะต้องทำไม่ได้ หรือสิ่งที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกไม่จริง อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นมันบาป ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา เพราะคนที่เขาทำได้จริงมีอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนักแน่นยิ่งขึ้น เมื่อพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บังเกิดขึ้น
คุณครูไม่ใหญ่
(เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา หลวงพ่อธัมมชโย เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม, ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗)
จากหนังสือ มนต์เสน่ห์เเห่งสวรรค์ ทัณฑ์ทรมานเเห่งนรก