กลัวเมีย

วันที่ 25 กค. พ.ศ.2567

กลัวเมีย

670725_b105.jpg


                  เศรษฐีคนหนึ่งเป็นคนกลัวเมียมาก เมื่อเมียพูดอะไรจะต้องนิ่งฟังและต้องทำตามนั้น จึงคิดว่าในโลกนี้จะมีคนที่กลัวเมียอย่างตนบ้างหรือไม่ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นแจ้งจึงสั่งให้คนใช้หาม้ามา ๒ ตัว สีขาวตัวหนึ่ง สีดำตัวหนึ่ง และไก่อีก ๑๐๐ ตัว ด้วยตั้งใจว่าถ้าบ้านไหนกลัวเมียจะให้ไก่ตัวหนึ่ง บ้านไหนไม่กลัวเมียจะให้ม้าตัวหนึ่ง ได้ครบแล้วจึงให้พวกคนใช้หามกรงไก่ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง ถึงบ้านแรกก็ถามผัวเมียที่อยู่หน้าบ้านพอดีว่า “บ้านนี้กลัวเมียไหม” ผัวยังไม่ทันอ้าปาก เมียรีบตอบทันทีว่า “ลองไม่กลัวฉันสิ จะได้เฉาะกบาลเสียเลย”
 

                   เป็นอันว่าบ้านแรกได้ไก่ไปเป็นรางวัลฐานกลัวเมียไปอีกบ้านหนึ่งแล้วถามเหมือนเดิม ผัวตอบว่า “เมียเขาเป็นคนเก่ง เขาคิดเขาทำอะไรถูกต้องดีหมด ผมงี้สบายที่สุด แทบจะไม่ต้องทำไม่ต้องพูดอะไรเลย เมียเขาออกหน้าหมด” ผัวตอบอย่างนี้ เมียก็ยิ้มแก้มแทบปริ เลยได้ไก่เป็นรางวัลไปถัดมาอีกบ้านหนึ่ง เมียไม่อยู่บ้าน ผัวตอบว่า “ไม่กลัวไม่ได้หรอก เมื่อวานยังเหยียบผมแทบแย่ แค่ผมกลับบ้านเย็นไปหน่อยเท่านั้น หาว่าผมมัวไปเกาะแกะกับผู้หญิงอื่นจึงกลับบ้านเย็น ผมเข็ดจนตาย” เลยได้ไก่ไปตามกติกา
 

                  เศรษฐีชักท้อใจ หลายบ้านแล้วกลัวเมียทั้งนั้น ไปอีกหมู่บ้านหนึ่งก็อีหรอบเดียวกัน กลัวเมียกันทั้งบาง ไก่เกือบจะหมดร้อยตัวแล้วยังไม่มีวี่แววผู้ที่สมควรจะได้รับม้าไปเป็นรางวัลเลยข่าวเศรษฐีแจกไก่แจกมาดังไปถึงท้ายหมู่บ้าน ผัวเมียคู่หนึ่งคิดหาอุบายอยากได้ม้า จึงนัดแนะกันว่าบ้านของตนผัวเป็นใหญ่ เมียเชื่อฟังเสมอ ไม่เคยโต้แย้งเถียงทะเลาะกัน ตกลงกันดิบดีแล้วก็นั่งคอยอยู่หน้าบ้าน เศรษฐีไปถึงบ้านนั้นก็ยังกะตายถามไปแบบที่เคยถามมาทุกบ้าน “บ้านนี้ผัวกลัวเมียไหม” ผัวรีบตอบทันทีตามที่ตกลงกันไว้กับเมีย “ผมน่ะกลัวเมีย ไม่มีวันเสียหรอกท่าน ผมว่าอะไร ต้องว่าตามผมทุกอย่าง”

 

                 เศรษฐีตื่นจากภวังค์ รู้สึกตื่นเต้น พบแล้วคนที่ไม่กลัวเมียมีจริงๆ จึงถามเมียว่า“จริงอย่างที่ผัวเองพูดหรือเปล่า” “จริงค่ะ พี่เขาเป็นคนเก่ง เอาจริงเอาจัง เป็นผู้นำครอบครัวฉันเอง ก็ต้องทำตามเขาทุกอย่างแหละ” ว่าไปโน่นเลย “งั้นก็เอาม้าไปเลย จะเอาตัวดำหรือตัวขาว เลือกเอาไปเลยตัวหนึ่ง” เศรษฐีบอกอย่างดีใจที่ได้เห็นคนไม่กลัวเมีย สองผัวเมียเห็นม้าสองตัวล้วนงามทั้งคู่ ตัวอยากได้สีดำ แต่เมียอยากได้สีขาว ต่างก็เถียงกันต่อหน้าเศรษฐี ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน ท้ายที่สุดผัวคงรำคาญจึงตอบเมียไปว่า “งั้นสีขาวก็ได้”
 

                  เศรษฐีได้ฟังดังนั้นถึงกับอุทานว่า “อ้าว ไหงเป็นยังงี้ไปล่ะ ไหนว่าไม่กลัวเมียไง ตามใจเมียแบบนี้ก็เข้าข่ายกลัวเมียเหมือนกัน” สองผัวเมียเลยอดได้ม้า ได้แค่ไก่ตัวเดียวเป็นรางวัลไป ฐานเล่นละครไม่สมบูรณ์เศรษฐีหมดแรง หมดความสงสัย กลับบ้านพร้อมกับม้าสองตัว ไก่อีก ๑๐ กว่าตัว

 


เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
                    ธรรมดาของชาวโลก สามีเป็นใหญ่นอกบ้าน ภรรยาเป็นใหญ่ในบ้าน เรื่องภายในบ้านทั้งหมดไม่ว่างานดูแลตกแต่งงานครัว งานจับจ่ายใช้สอย ตลอดถึงการปกครองคนในบ้านต้องยกให้แก่แม่บ้าน ไม่เกี่ยวกับการกลัวหรือไม่กลัวกัน แต่เป็นธรรมเนียม เพราะแม่บ้านย่อมมีความละเอียดอ่อนและย่อมพอใจเมื่อได้ทำอะไรในบ้านได้อย่างอิสระและตามใจชอบ สามีที่ฉลาดย่อมยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ภายในบ้าน ครอบครัวที่เป็นอย่างนี้ย่อมเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ตรงกันข้าม ถ้าสามีทำตัวเป็นใหญ่ในบ้านเสียเอง และภรรยาไปเป็นใหญ่นอกบ้านไม่เว้นแม้แต่ที่ทำงานของสามี หรือทั้งสองคนอยากเป็นใหญ่ด้วยกัน อยากมีอำนาจเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง อยากให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมสิโรราบให้แก่ตน ต่างคนต่างไม่ยอมกันแคล้ววุ่นวาย จะมีเรื่องเถียงทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน และจะรับรองได้ว่าไม่หาความสุขในชีวิตคู่ไม่ได้เลย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0013107657432556 Mins