ตอนนี้ถ้าสอบถามคนทั่วโลกว่า มีเหตุผลอย่างไรในการนับถือศาสนาต่างๆ คำตอบก็จะคล้ายคลึงกัน คือ นับถือตามที่บรรพบุรุษปู่ย่าตายายได้นับถือกันมาแล้ว น้อยคนนักที่จะตอบว่า ศาสนาเป็นหลักที่พึ่งของจิตใจ เป็นที่พึ่งสูงชุดในชีวิต
ขอให้พิจารณาดูนะ แม้แต่เราจะเลือกครูบาอาจารย์มาสอนหนังสือ เราก็ยังต้องเลือกคนเก่งที่สุด ดีที่สุดในยุคเท่าที่เราจะหาได้ ถ้าคุณความดีน้อยๆ กระจอกงอกง่อย เราจะเลือกมาเป็นครูบาอาจารย์ของเราทำไม
เราจะเลือกนับถือศาสนาใดๆ ก็ตาม เราควรจะเลือกโดยการศึกษาพิจารณาถึงคุณความดีของครูบาอาจารย์ หรือศาสดาผู้ให้กำเนิดศาสนานั้นเป็นหลัก โดย
- ศึกษาประวัติของท่านโดยละเอียด ตั้งแต่การเกิดของท่าน
- ศึกษาค้นคว้าการแสวงหาธรรมะของท่าน
- ศึกษาหลักธรรมมะของท่าน
- การเผยแผ่ธรรมะจนวันสุดท้ายที่ท่านลาจากโลกไป
ศาสดาในโลกนี้ ถ้าเราศึกษาประวัติของท่านโดยมีหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบคุณความดีของท่านด้วยข้อเท็จจริง เป็นการศึกษาตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งพิสูจน์ได้ทุกยุคทุกสมัย ด้วยเหตุด้วยผล เราก็จะเข้าใจ และเราก็จะพบว่า ในโลกนี้ ไม่มีศาสดาใดที่มีคุณความดีเกินกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเลย
แต่การที่จะพรรณนาคุณความดีหรือความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน ท่านบรรยายถึงความยิ่งใหญ่ของผู้เป็นพระสัมมาส้มพุทธเจ้าแล้ว แม้หมดเวลาไปหนึ่งกัป คือ ตั้งแต่โลกอุบัติขึ้นแล้วย่อยยับกลับเป็นหมอกเพลิงอีกครั้ง สิ้นเวลาไปนานขนาด นั้นแล้ว ก็ยังพรรณนาคุณความดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไม่หมด เพราะฉะนั้น มนุษย์ธรรมดาจะพรรณนาคุณความดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง ก็ได้แต่เพียงส่วนน้อยนิด ดุจอากาศในปีกนก เมื่อเทียบกับอากาศในจักรวาล
ความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระภาวนาวิริยคุณ