ยาวิเศษ โกสิยชาดก ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับการกินไม่สมกัน หน้า 1

ยาวิเศษ โกสิยชาดก ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับการกินไม่สมกัน หน้าจบ

หน้าจบ


นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ

โกสิยชาดก 
ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

 

 

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

นิทานชาดกเรื่อง ยาวิเศษ  โกสิยชาดก  ชาดกว่าด้วยถ้อยคำกับ การกินไม่สมกัน

จากหนังสือนิทานชาดกของหลวงพ่อทัตตะชีโว 

 

โกสิยชาดก

.....สาเหตุที่ตรัสชาดก

 

.....ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีนางพราหมณีคนหนึ่งเป็นภรรยาแห่งพราหมณ์ผู้เป็นอุบาสกนับถือพระพุทธศาสนาคนหนึ่ง สตรีคนนั้นเป็นคนไม่มีศีล ได้ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เวลากลางคืนได้ประพฤตินอกใจผัว เวลากลางวันแกล้งทำมารยาเป็นไข้ไม่ทำสิ่งใด ได้แต่นอนอย่างเดียว พราหมณ์ผู้เป็นสามีซักถามอาการเจ็บว่าเป็นอย่างไร เขาบอกว่า เป็นลมยอดเสียด จึงถามต่อไปว่า ทำอย่างไรจึงจักหาย เขาตอบว่า ต้องกินข้าวกินน้ำผึ้งและน้ำมันอย่างดี พราหมณ์ก็จัดให้ตามประสงค์ พราหมณ์ได้จัดการพยาบาลเหมือนอย่างว่าเป็นทาสของภรรยา ส่วนภรรยาเมื่อเวลาพราหมณ์อยู่บ้านก็ทำเป็นนอนเจ็บ เวลาพราหมณ์ไม่อยู่ก็ออกจากบ้านไปคบชู้ เป็นอย่างนี้เสมอมา พราหมณ์จึงคิดว่า ลมที่ยอกเสียดร่างกายภรรยาของเรานั้นยังไม่ปรากฎว่าจะหายเมื่อไร ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง พราหมณ์นั้นจึงถือเครื่องสักการบูชาออกไปเฝ้าพระบรมศาสดาๆ ตรัสถามว่า


.....“ ดูก่อนพราหมณ์  เป็นอย่างไรจึงหายไปนาน พราหมณ์ได้กราบทูลอาการให้ทรงทราบตามที่เป็นมาแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ โรคของสตรีซึ่งนอนกินอยู่ไม่รู้จักหายเช่นนี้ เธอก็ได้พยาบาลอยู่อย่างนี้ในปางก่อนแล้ว นักปราชญ์ทั้งหลายได้บอกยาให้แล้ว แต่มาในชาตินี้เธอลืมเสีย"
.....ตรัสดังนั้นแล้วพระพุทธองค์ทรงนำ โกสิยชาดก มาตรัสเล่าดังต่อไปนี้

 

.....เนื้อหาชาดก

 

.....ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเป็นพระมหากษัตริย์อยู่ในกรุงพาราณสี มีบุตรของพราหมณ์คนหนึ่งได้ไปเรียนศิลปศาสตร์ สำเร็จมาจากเมืองตักกสิลา ราชธานี ได้เป็นทิศาปาโมกขอาจารย์อยู่ในกรุงพาราณสี มีขัตติยกุมารและพราหมณกุมารร้อยเอ็ดพระนคร มาศึกษาอยู่ในทิศาปาโมกขอาจารย์นั้น  ต่อมามีพราหมณ์ชาวบ้านนอกคนหนึ่งมาเรียน สำเร็จเวททั้ง 3 และวิชา 18 ประการแล้ว ลาอาจารย์ไปมีภรรยาอยู่ในกรุงพาราณสีนั้น ได้ไปหาอาจารย์วันละ 2-3 ครั้งเสมอ ครั้นต่อมาติดการพยาบาลภรรยาเหมือนกับเรื่องที่แสดงมาแล้วข้างต้น เมื่อไปหาอาจารย์ บอกเหตุการณ์ที่ตนพยาบาล ภรรยาให้อาจารย์ทราบ อาจารย์จึงคิดว่า ศิษย์ของเราถูกผู้หญิงหลอกลวง เสียแล้ว เราควรจะบอกยาแก้โรคมารยาหญิงให้ศิษย์ของเราในบัดนี้ เมื่อคิดอย่างนี้แล้วจึงบอกว่า  ตั้งแต่วันนี้ต่อไป อย่าหาเนยใสน้ำผึ้งน้ำมันให้แก่ภรรยาของเจ้า เจ้าจงเอาใบไม้และผลสมอทั้ง 3 มาตำแช่น้ำมูตรโคไว้ในหม้อทองเหลืองจนให้สนิมทองเหลืองออกแล้ว จงถือเอาเชือกหรือพรวน หรือเถาวัลย์ แล้วไปบอกภรรยาของเจ้าว่า ยานี้เป็นยาสำหรับโรคของเจ้า จงลุกขึ้นดื่มยานี้ ถ้ามิเช่นนั้นก็จงลุกขึ้นทำงาน ให้สมกับค่าอาหารของเรา ถ้าเขาไม่กระทำตาม จงหวดด้วยเชือกหรือเถาวัลย์สัก2-3ที แล้วจิกผมมากองไว้ เขาก็จักลุกขึ้นทำงานทันที

 

.....เมื่อพราหมณ์ผู้เป็นศิษย์ ได้ฟังอาจารย์แนะนำอย่างนี้แล้ว จึงไปปรุงยาตามที่อาจารย์บอก แล้วไปบังคมภรรยาให้ตื่น ภรรยาถามว่า ยานี้ใครบอกให้แก่ท่าน ตอบว่า อาจารย์บอก ภรรยาจึงบอกว่าเอาไปทิ้งเสีย เราไม่ดื่มเป็นอันขาด พราหมณ์จึงบังคับว่า เจ้าจงดื่มยานี้เหมาะแก่โรคของเจ้า ถ้าไม่ดื่มก็จงลุกขึ้นทำงานให้สมกับค่าอาหารของเรา แล้วกล่าวต่อไปว่า นี่แน่ะ เจ้าผู้โกสิยโคตร เจ้าจงกินยาให้สมกับที่เจ้าอ้าง ว่าป่วย ถ้าไม่กินยาก็จงไปทำงานให้พอกับค่าอาหารที่เจ้าบริโภค เพราะวาจาที่เจ้าบอกว่าป่วย กับการที่เจ้าบริโภคอาหารนี้ย่อมไม่สมกัน ดังนี้

 

.....เมื่อนางพราหมณีได้ฟังจึงคิดว่า สามีของเราคงได้รับคำแนะนำมาจากอาจารย์ ต่อไปนี้เราไม่สามารถจะลวงเขาได้อีก ครั้นคิดแล้วจึงลุกขึ้นทำการงานแล้วนึกต่อไปว่า อาจารย์คงรู้ดีว่า เราเป็นคนทุศีล ไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี ต่อนี้ไปเราจะประพฤติอย่างนั้นอีกไม่ได้ แล้วนางพราหมณีนั้นก็เลิกประพฤติมิฉาจารย์เสีย

 

.....ประชุมชาดก


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า


พราหมณ์และนางโกสิยพราหมณีในกาลก่อน ได้มาเป็น คู่พราหมณ์สามีภรรยาในบัดนี้
พระอาจารย์ทิศาปาโมกข์  ได้มาเป็น พระบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

.....ข้อคิดจากชาดก

 

.....ในชาดกนี้ เป็นเครื่องชี้ให้เห็น ซึ่งอุบายวิธีของสตรีทุจริต ซึ่งคิดนอกใจสามี ธรรมดาสตรีเช่นนี้ย่อมมีเล่ห์เหลี่ยมหลายประการ ยากที่บุรุษจะหยั่งถึง  แม้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ความทุจริตของเขาก็จะปรากฎขึ้นโดยทางใดทางหนึ่งจนได้ ขอเตือนเหล่าอุบาสกผู้เป็นเพศชายไว้ว่า ถ้าเห็นภรรยามีกิริยาผิดปกติขึ้นเวลาใด ให้รีบนึกหาเหตุผลในวันนั้น โดยไม่นอนใจหรือจะถือว่า บาปกรรมเป็นของมีประจำโลก ผู้ใดกระทำผู้นั้นก็ได้รับ จะถืออย่างนี้ก็ได้ จะถือว่าใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่วอย่างนี้ก็ได้  เมื่อถือได้อย่างนี้ เป็นการดีอย่างเอก เพราะจะไม่ทำให้ใจขุ่นหมองเป็นทุกข์ หรือถือว่า เรากับภรรยาไม่ใช่คนๆเดียวกัน เวลาไปนรกหรือสวรรค์ก็ไม่ใช่จะผูกคอติดกันไป


....เมื่อใครทำบาปก็ไปนรก เมื่อใครทำบุญก็ไปสวรรค์จะถืออย่างนี้ก็ได้ อีกอย่างหนึ่ง นับแต่แต่งงานแล้วไปให้เสกคาถาปราบมารไว้เสมอๆยิ่งเป็นการดี คาถาปราบนั้นมีอยู่บทหนึ่งว่า ท่านทำดีข้าพเจ้าเลี้ยง ท่านไม่ดีข้าพเจ้าไสหัวไป ดังนั้น ถ้าเสกคาถาบทนี้อยู่เสมอ จะเป็นสิ่งบังคับให้ภรรยามีความรักใคร่เกรงกลัว ไม่กล้าประพฤติความชั่วช้าได้ ทั้งใจของตัวก็จักแข็งไม่หลงงมงายไปตามอุบายมารยาของภรรยาที่ชั่วช้า แต่ในเวลาเสกให้เสกด้วยใจ อย่าเสกด้วยปาก ถ้าผู้ใดไม่เสกคาถานี้ ผู้นั้นจักได้รับโทษหลายประการ เป็นต้นว่า จักโทมนัสขัดแค้นในเวลาภรรยาประพฤติอนาจาร ถ้าผู้ใดคิดอยู่เสมอว่า เราจักรักภรรยาของเรา จักเลี้ยงดูภรรยา

 

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล