วัฏฏกชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

วัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข หน้า 2

หน้าจบ

นกคุ่มโพธิสัตว์  

วัฏฏกชาดก ว่าด้วย การทำให้เกิดความสุข 

ภาพ  ป๋องแป๋ง
ลงสี  มิ้น,ป๋องแป๋ง

 

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

* 16 กรีส = 1 กิโลเมตร

นิทานชาดกเรื่องวัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข

จากหนังสือนิทานชาดกของหลวงพ่อทัตตะชีโว เล่ม4

 

วัฎฎกาชาดก

.....สาเหตุที่ตรัสชาดก

 

.....สมัยหนึ่ง สมเด็จพระศาสดาเสด็จจาริกไปใน แว่นแคว้นมคธ เพื่อบิณฑบาตพร้อมด้วยพระสาวกตามเสด็จเป็นอันมาก ครั้นเสด็จกลับหลังจากทำภัตรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาค พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก เสด็จเข้าไปทรงประทับเจริญสมณธรรมในป่าแห่งหนึ่ง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่าขึ้นในทิศทั้งสี่ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ บ้างก็บอกว่าจะพากันไปช่วยดับไฟ บ้างก็บอกว่าเรามาช่วยกันจุดไฟเพื่อสกัดไฟกันดีกว่า

 

.....ยังมีพระภิกษุผู้เป็นเถระบางรูป กล่าวเตือนขึ้นว่า พวกเราจะตระหนกตกใจไปไย พระบรมสุคตเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยกับเราที่นี่ เราควรจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พระองค์ทรงแนะนำเรื่องนี้จะดีกว่า 


.....ภิกษุทั้งหลายจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วทูลเรื่องไฟป่าให้พระบรมศาสดาทรงทราบ พระบรมสุคตเจ้าเมื่อทรงทราบ จึงได้ทรงเสด็จลุกขึ้นยืนทอดพระเนตรไฟในทิศทั้ง ๔ ในทันทีนั้นไฟป่าที่พระบรมสุคตเจ้า ทรงหันไปทอดพระเนตร ได้ดับไป ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีไฟลุกอยู่ แล้วจุ่มลงไปในน้ำ ไฟนั้นได้ดับลงในฉับพลันฉันนั้น โดยรอบพื้นที่ ๑๖ กรีส หรือประมาณ ๑ กิโลครึ่ง 


.....ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงกล่าวสรรเสริญพุทธธานุภาพ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าเป็นที่มหัศจรรย์ยิ่งนักองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตรัสว่า การที่ไฟไหม้มาถึงภูมิประเทศนี้ โดยรอบ ๑๖ กรีส แล้วดับไปหาใช่พุทธานุภาพของพระองค์แต่ชาตินี้ไม่ ไฟป่าที่ไม่ มีชีวิตย่อมดับไปเพราะกำลังแห่งสัจจะวาจาของเราที่มีมาแล้วแต่อดีต 


.....ครั้นแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงแสดงเรื่องที่มีมาแล้วแต่อดีต ความว่า 


.....เนื้อหาชาดก

 

.....ในอดีตสมัยเมื่อพระองค์ ยังทรงเสวยพระชาติเป็น พญานกคุ้มโพธิสัตว์ ครั้นเมื่อออกจากฟองไข่ ก็ได้อาศัยอยู่ในป่า แคว้นมคธ วันหนึ่งพ่อและแม่พญานกคุ้มพากันออกไปหาอาหาร ปล่อยให้ลูกนกคุ้มอยู่ในรังตามลำพัง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่า ปรากฏขึ้นมาจากทิศทั้ง ๔ รอบรังของลูกนกคุ้ม อยู่ห่างจากรัง ๑๖ กรีส หรือหนึ่งกิโลครึ่ง ขณะนั้นลูกนกคุ้ม ได้รู้ตัวว่าตนตกอยู่ในวงรอบของไฟป่า จึงเหลียวหาบิดามารดา ก็ไม่เห็นลูกนกคุ้มจึงคิดว่า โดยปกติธรรมดาสัตว์ เมื่อตัวลูกมีภัยก็ต้องอาศัยพึ่งพิงพ่อแม่ แต่บัดนี้พ่อแม่เรามิได้อยู่เสียแล้ว เราคงจะต้องพึ่งพิงอิงอาศัยตัวเอง ลูกนกคุ้มนั้นจึงตั้งสัจจะวาจาว่า


....." คุณของศีลมีอยู่ คุณของธรรมมีอยู่ คุณของสัจจะวาจานี้ก็มีอยู่จริง ปีกทั้งสองข้างเรามีอยู่ แต่ยังบินไม่ได้ เท้าเราทั้งสองข้างมีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ บิดามารดาทั้งสองเรามีอยู่ แต่บัดนี้มิได้อยู่กับเรานี้เป็นสัจจะวาจาของเรา ไฟป่าที่ไม่มีชีวิตเอ๋ย ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้ ขอไฟป่าจงดับไป "


.....ครั้นเมื่อสิ้นสัจจะอธิษฐานของลูกนกคุ้ม ไฟป่าที่ไหม้มาทั้ง ๔ ทิศ ก็ดับลงโดยพลัน ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีเพลิงลุก แล้วจุ่มลงในน้ำฉะนั้น ไฟนั้นก็พลันดับไปในทันที องค์สมเด็จพระชินศรีจึงทรงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า แต่บัดนั้นจวบจนถึงกาลนี้ ไฟป่าก็มิอาจเผาไหม้เข้ามาถึงเขตนี้ได้อีกเลย ซึ่งมีอาณาเขตโดยรอบ ๑๖ กรีส โดยประมาณ ๑ กิโลครึ่ง

 

.....ประชุมชาดก

 

.....ครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสชาดกจบลง ทรงแสดงอริยสัจ ๔ โดยอเนกปริยายไปตามลำดับ พระภิกษุรูปนั้นสามารถทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ได้เข้าถึงธรรมกายพระโสดา บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ณ ที่นั้นเอง 

.....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า

 

ในพุทธกาลสมัย นกคุ้ม ได้มาเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

................................................................

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล