ฉบับที่ 90 เมษายน ปี2553

มหาอุบาสิกา ยอดหญิงอาชาไนย

ปณิณกธรรม

เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙

 



 

มหาอุบาสิกา

ยอดหญิงอาชาไนย

          บุรุษกับสตรี แม้ถูกมองว่าแตกต่างกันทางค่านิยม หรือฐานะสังคม แต่คุณค่าและคุณธรรมนั้น มิอาจกำหนดได้ด้วยเส้นกั้นเขตแบ่งเพศภาวะ เพราะเพศหญิงเป็นเพศมารดาที่นอกจากให้กำเนิดบุตรธิดา แล้ว ยังรังสรรค์สิ่งดีเกิดขึ้นในโลกมากมาย ดังเช่น พระนางมัลลิกา..สตรีคู่บุญของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระนางเป็นอุบาสิกาผู้มีปัญญามาก และตั้งใจฟังธรรมด้วยความเคารพนางได้สร้างประวัติศาสตร์ อสทิสทาน ไว้ในพระศาสนา ทรงเป็นแสงสว่างให้กับพระสวามี อีกทั้งเป็นที่พึ่งแก่มหาชนยามต้องประสบชะตากรรมอันเลวร้าย

มัลลิกามหาอุบาสิกา ผู้ให้กำเนิดอสทิสทาน

          ครั้งหนึ่งในเมืองสาวัตถีได้มีเหตุการณ์บุญบันเทิงครั้งสำคัญ เป็นการแข่งขันถวายมหาทาน ระหว่างฝ่ายพระราชากับฝ่ายชาวเมือง ทั้งสองฝ่ายต่างทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อถวายมหาทานแด่พระบรมศาสดา เริ่มแรกพระเจ้าปเสนทิโกศลทรง เชื้อเชิญชาวเมืองให้มาดูความอลังการของทานที่จะถวาย ชาวเมืองเมื่อเห็นแล้วก็ไม่ยอมแพ้พระราชาจึง ร่วมใจเตรียมมหาทานให้มากกว่าและประณีตกว่า ถวายแด่พระศาสดาเช่นกัน ทำให้พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงดำริว่า "มหาทานสามัคคีของพวกชาวเมืองดีกว่าทานของเราเสียอีก" จากนั้นจึงทรงเพิ่มปริมาณและความประณีตของทานให้ยิ่งขึ้นไปอีก แม้ทั้ง ๒ ฝ่าย จะขับเคี่ยวแข่งขันกันอย่างนี้ ก็ไม่มีฝ่ายไหนทำให้อีก ฝ่ายแพ้ได้อย่างเด็ดขาด ต่อมาในครั้งที่ ๖ ชาวเมือง ได้เพิ่มจำนวนวัตถุทานไปร้อยเท่าพันเท่า โดยบอกได้คำเดียวว่า "เป็นทานสมบูรณ์แบบมีสิ่งของครบ ทุกอย่าง ไม่มีสิ่งไหนเลยที่จะไม่มีในทานนี้ ทำให้พระราชาทรงดำริว่า หากเราแพ้ชาวเมือง เราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม" ทรงครุ่นคิดหาหนทางชนะอย่างหนักจนมิอาจบรรทมหลับได้

         เมื่อพระนางมัลลิกาผู้มีปัญญาทรงทราบเข้าก็ปลอบพระทัยว่า "หม่อมฉันมีวิธีที่จะทำให้ฝ่ายเราได้ชัยชนะเด็ดขาด" แล้วทูลแนะนำกุศโลบาย ทั้งยังทรงเป็นผู้คุมงานเอง ทำให้ทานของชาวเมืองไม่สามารถมาเปรียบเทียบได้อีกต่อไป มหาทานครั้งนี้จึงสำเร็จเป็น "อสทิสทาน" ทานที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครเหมือน เป็นทานอมตะที่เลื่องลือจนถึงทุกวันนี้ ส่วนในอสทิสทานนั้นได้มีการจัดปะรำวงกลมใหญ่ใช้เป็น ที่นั่งของพระอรหันต์ ๕๐๐ รูปโดยมีพระศาสดาเป็น ประธานสงฆ์ มีเศวตฉัตร ๕๐๐ คัน มีช้าง ๕๐๐ เชือก เอางวงกั้นฉัตรให้พระสงฆ์ มีเรือทำด้วยทองคำ ๑๐ ลำ อยู่ท่ามกลางปะรำวงกลมนั้น ใกลที่นั่งของภิกษุ ขีณาสพทุก ๆ ๒ รูป จะมีเจ้าหญิงประจำอยู่ ๒ องค์ ทำหน้าที่บดของหอมและยืนโบกพัดถวาย ส่วนเจ้าหญิงองค์อื่น ๆ ที่เหลือ จะนำของหอมที่บดแล้ว ไปใส่ในเรือทองคำเพื่อให้ไออบของหอม ส่งกลิ่นฟุ้งกระจายให้เป็นที่สบายกายของเหล่าภิกษุ และในอสทิสทานนี้พระราชาทรงบริจาคทรัพย์ถึง ๑๔ โกฏิ ทรงถวายของหาค่ามิได้ ๔ อย่างแด่พระศาสดา ได้แก่ เศวตฉัตร บัลลังก์ เชิงบาตร ตั่งเช็ดเท้า จึงกล่าวได้ว่าไม่มีใครจะทำทานเยี่ยงนี้ได้อีกแล้ว เพราะมีวัตถุทานที่พิเศษจากวัตถุทานทั่วไป ซึ่งในแต่ละพุทธันดรจะมีอสทิสทานเพียงครั้งเดียว และต้องเป็น สตรีเพศเท่านั้นที่จะสามารถ เป็นผู้นำสร้างสรรค์ภารกิจนี้ให้สำเร็จลงได้

 



 

ยอดมหาอุบาสิกาผู้ปลดเปลื้องให้สรรพสัตว์

          นอกจากเรื่องอสทิสทาน พระนางมัลลิกายังมีคุณูปการต่อชีวิตจำนวนมาก ทรงไถ่ชีวิตสัตว์ให้รอดพ้นจากความตายและได้อิสรเสรีกลับคืนมา โดยเรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งขณะที่พระเจ้าปเสนทิโกศล กำลังบรรทมอยู่ ทรงได้ยินเสียงคนร้องโหยหวนโดย พูดได้เพียงคนละคำว่า "ทุ สะ นะ โส" ทรงสะดุ้ง ไม่อาจหลับลงได้จนสว่าง รุ่งเช้าทรงเรียกปุโรหิตมา สอบถามเหตุการณ์ว่าจะมีผลกระทบถึงชีวิตพระองค์ หรือไม่ พราหมณ์ปุโรหิตมืดแปดด้าน แต่ก็แกล้งทำ เป็นรู้ จึงทูลว่า "อันตรายใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นแก่พระองค์ แต่มีทางแก้ด้วยการฆ่าสัตว์บูชายัญ" จึงมีพระดำรัสสั่งให้จับมัดคนและสัตว์มาชนิดละ ๑๐๐ อย่าง ได้แก่ ช้าง ม้า โค แม่โคนม แพะ แกะ ไก่ หมู เด็กผู้ชาย และเด็กผู้หญิง รวมแล้วกว่าพันชีวิต ซึ่งต่างก็รู้สึกทรมานและพากันร้องขอชีวิตตนเอง

          เสียงร้องของมหาชนและเหล่าสัตว์ดังลั่นราว กับแผ่นดินสะเทือน ทำให้พระนางมัลลิกาเทวีผู้เป็น มเหสีทรงได้สดับ จึงเข้าเฝ้าสอบถามเรื่องราวของการบูชายัญนี้ พอพระนางฟังจบจึงทูลเตือนสติว่า "การได้ชีวิตมาจากความตายของคนอื่น พระองค์ทรง เคยเห็นที่ไหนบ้าง ทำไมทรงเชื่อคำของปุโรหิตผู้เขลา เบาปัญญา ขอพระองค์โปรดเสด็จไปทูลถามสาเหตุ ของเสียงร้องจากพระพุทธเจ้าเถิด"

 



 

          ทั้งสองพระองคจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระศาสดา เมื่อพระพุทธองคทรงสดับแล้วก็ตรัสปลอบโยนว่า "มหาบพิตรอย่าทรงหวาดหวั่น ไม่มีอันตรายน่าวิตกหรอก นั่นเป็นเสียงร้องของสัตว์นรกที่เคยทำกรรมชั่วไว้" และตรัสเล่าความเป็นมาว่า สัตว์นรกทั้ง ๔ อยู่ในนรกขุมโลหกุมภี ถูกต้มในหม้อยักษ์ลึก ๖๐ โยชน์ ลอยไปมาในน้ำร้อนเดือดพล่าน ใช้เวลาถึง ๓๐,๐๐๐ ปีนรกจึงจะจมถึงก้นหม้อ กว่าจะลอยถึงปากหม้อก็ต้องใช้เวลาอีก ๓๐,๐๐๐ ปีนรก ดังนั้น เมื่อลอยขึ้นมาพร้อมกันก็อยากจะพูดถึงทุกขเวทนาแสนสาหัส แต่พูดได้เพียงคนละ ๑ คำ ก็กลับจมลง เหมือนเดิม สัตว์นรกทั้ง ๔ เคยเกิดเป็นลูกเศรษฐี เมื่อครั้งที่มนุษย์มีอายุยืนถึง ๒๐,๐๐๐ ปี ตลอดชีวิตพวกเขาผลาญทรัพย์ด้วยการเที่ยวผู้หญิง รวมทั้งเป็น ชู้กับภรรยาผู้อื่น เมื่อตายลงจึงไปบังเกิดในอเวจีมหานรก ๑ พุทธันดร ยังเหลือเศษกรรมจึงต้องมาชดใช้ในโลหกุมภีนรกอีก พระราชาครั้นได้สดับก็สลด พระทัย จึงทรงเลิกพิธีบูชายัญพร้อมปล่อยมนุษย และสัตว์ทั้งหลายจากเครื่องจองจำไปหมดสิ้น ทำให้ชาวเมืองต่างสดุดีพระคุณของพระนางมัลลิกา ซึ่ง ช่วยให้ชีวิตจำนวนมากรอดพ้นจากทุกข์ ตลอดชีวิต พระนางได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรแก่พระสวามีจนเป็น กำลังสำคัญทำนุบำรุงพระศาสนา

 



 

มหาอุบาสิกาแก้ว

พร้อมแล้วกับภารกิจฟื้นฟูศีลธรรมโลก

          หนึ่งชีวิตนี้...มีลมหายใจ..เพื่ออีกหลายชีวิต คนแม้หนึ่งคน...ย่อมส่งผลต่อมหาชนนับไม่ถ้วน อุบาสิกาแก้วแม้เพียงหนึ่งคนสามารถเปลี่ยนชีวิตคน ให้มีศรัทธาและสัมมาทิฐิไดซึ่งนับเป็นบุญใหญ่ หากชายใดที่อุบาสิกาแก้วชวนมาบวชและได้ซาบซึ้งภารกิจของตนในกองทัพธรรม พระศาสนาก็จะมีกำลังและได้วีรบุรุษ ผู้กล้าเพิ่มขึ้นโดยไม่มีวันที่จะหมดศาสนทายาทไปจากผืนแผ่นดินชาวพุทธ

     อุบาสิกาแก้วแม้เพียงหนึ่งคน...ย่อมชวนคนบวชได้มากมาย งานพระศาสนาทั้งอดีตและปัจจุบัน ส่วนใหญ่ที่สำเร็จได้ก็เพราะได้แรงหนุนจากอุบาสิกาแทบทั้งนั้น ดังคำของคุณครูไม่ใหญ่ที่ว่า "ปลานั้นแรงที่หาง" หากขาดใครคนใดคนหนึ่งในอุบาสิกาแก้วผู้กล้า ๕๐๐,๐๐๐ อัศจรรย์แล้ว ผังสำเร็จในการบวช พระ ๑๐๐,๐๐๐ รูป เขาพรรษา ก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น จึงต้องอาศัยกำลังของอุบาสิกาแก้วอาชาไนย ทุก ๆ ท่าน เพื่อผนึกกำลังขยายเครือข่ายตามชายผู้มีบุญมาบวชเป็นพระแท้พลิกฟื้นพระศาสนาให้รุ่งเรือง

           ดังนั้น ขอเชิญชวนหญิงแท้ ๆ มาร่วมบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๕๐๐,๐๐๐ คน ที่จะถึงนี้ ซึ่งในวันคุ้มครองโลกปีนี้ ลานมหาธรรมกายเจดีย์จะ เต็มไปด้วยพลังของนักบวชยิ่งใหญ่ ๒ พลัง คือ พลังพุทธบุตรพระสังฆาธิการหลายหมื่น และพลังมหาอุบาสิกาแก้วกว่าครึ่งล้าน นับเป็นปรากฏการณ์ ให้แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้งที่ได้มีการแสดงพลังศรัทธาความดีอันบริสุทธิ์ทั้งภายนอกภายในแห่ง เพศมารดาของโลก ผู้ฝึกตนจนงดงามทั้งกาย วาจา ใจ ซึ่งต่อไปเทรนด์ผู้หญิงที่มาแรงและดีที่สุด คือ การได้บวชเป็น อุบาสิกาแก้ว นั่นเอง

           อุบาสิกาแก้ว คือ ผู้ยอยกพระพุทธศาสนา

          อุบาสิกาแก้ว คือ ผู้จะมาทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง

           อุบาสิกาแก้ว คือ ผู้จะมาช่วยขับเคลื่อน พระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำโลก

          โลกจะเกิดสันติภาพเพราะพลังสตรีผู้ยกฐานะตนเองขึ้นสู่ความเป็น "มหาอุบาสิกาแก้ว" ดุจดั่ง มหาอุบาสิกาในสมัยพุทธกาล

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล