ฉบับที่ 80 มิถุนายน ปี2552

พิธีจุดวิสาขประทีปและโคมลอย ถวายเป็นพุทธบูชา ครั้งที่ ๒ ณ ประเทศมองโกเลีย

บทความพิเศษ

เรื่องกองบรรณาธิการ

 

 

          จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า พระพุทธศาสนาเริ่มเผยแผ่เข้ามาสู่ดินแดนมองโกเลีย ในปัจจุบันราวช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘ และเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพระเจ้าอัลตันข่าน ที่ทรงประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำ ชาติของจักรวรรดิมองโกลในปี พ.ศ. ๒๑๒๐ แต่ทว่า พระพุทธศาสนาในมองโกเลียที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาหลายร้อยปี กลับต้องมาเสื่อมสลายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มองโกเลียได้รับเอกราชจากจีนเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ด้วยความช่วยเหลือของสหภาพโซเวียต ซึ่งมีผลให้มองโกเลียต้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง มาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ เป็นเหตุให้ในช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๕๐๖-๒๕๐๘ ทหารโซเวียตที่เข้ามาอยู่ในมองโกเลียได้ทำลายวัด โบราณสถาน และคัมภีร์ต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนาลงเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี พ.ศ.๒๕๓๓ มองโกเลียจึงได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ภายใต้ชื่ออย่างเป็น ทางการว่า "สาธารณรัฐมองโกเลีย" (Republic of Mongolia) และพระพุทธศาสนาก็ได้รับการฟื้นฟู ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

 



            ปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ของมองโกเลียนับถือพระพุทธศาสนานิกายวัชรยาน ชาวพุทธ ส่วนใหญ่เห็นคุณค่าและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาชาวมองโกเลียเข้าวัดเพื่อฟังพระหรือลามะสวดมนต์ ทำบุญ พร้อมทั้งสนทนาธรรมซักถามปัญหาต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ ชาวพุทธในมองโกเลียยังนิยมจุดประทีปเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันเป็นปกติ โดยใช้เทียนไร้ควันซึ่งพวกเขาคิดค้นขึ้น มาเองเพื่อใช้จุดภายในบ้านเป็นการเฉพาะ ส่วนการ สวดมนต์และการนั่งสมาธินั้น ชาวพุทธมองโกเลียมี ความเชื่อกันมาช้านานว่า ทั้งสองสิ่งนี้เป็นกิจกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีไว้สำหรับให้ลามะประพฤติปฏิบัติเท่านั้น

            แต่หลังจากที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อ ธัมมชโย) ได้ส่งคณะพระภิกษุและทีมงานลูกพระธัมฯ เข้าไปเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะสงฆ์มองโกเลีย ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ก็ได้จัดให้มีโครงการ ปฏิบัติธรรม The Middle Way Meditation Retreat ขึ้นที่ประเทศมองโกเลีย ทำให้ชาวมองโกเลียเริ่มต้น รู้จักวิธีการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งในเวลาต่อมา ได้แผ่ขยายไปสู่ใจของชาวมองโกเลีย นับหมื่นคนที่ได้มีโอกาสมาร่วมกันปฏิบัติธรรมในพิธีลอยโคมวิสาขประทีป ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันวิสาขบูชาที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวมองโกเลียต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่ได้มีโอกาสสวดมนต์และนั่งสมาธิ ทำให้พวกเขารู้สึกเสมือนว่า ได้ใกล้ชิดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น




จุดวิสาขประทีปครั้งที่ ๒ ณ มองโกเลีย

            สำหรับวันวิสาขบูชา ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้เมตตาส่งคณะพุทธบุตรจาก วัดพระธรรมกาย และเหล่ากัลยาณมิตรลูกพระธัมฯ หลายสิบชีวิต เดินทางไปช่วยกันจัดเตรียมงาน จุดวิสาขประทีป ครั้งที่ ๒ ณ ประเทศสาธารณรัฐมองโกเลีย เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จจากการ จัดงานครั้งแรก และเป็นการเชื่อมสายสัมพันธ์ ระหว่างคณะสงฆ์ไทยกับคณะสงฆ์มองโกเลียให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ แท้จริง นั่นคือ การทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูคำสอนดั้งเดิมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กลับมาสว่างไสว อีกครั้งในดินแดนแห่งนี้

            การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากท่านลามะมุงจากัล แห่งองค์กรใจเปี่ยมสุข (Peaceful Mind Foundation) พร้อมทั้งอาสาสมัคร ชาวมองโกเลียหลายร้อยคนมาช่วยจัดเตรียมอุปกรณ์ และสถานที่จัดงาน ทีมงานทุกคนต่างปลื้มปีติที่ได้เป็นต้นบุญใหญ่ในการจัดเตรียมงานเพื่อชาวพุทธ ในประเทศมองโกเลียทุกๆ คน

            ข่าวการจัดงานจุดโคมวิสาขประทีป ครั้งที่ ๒ นี้ ได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ของมองโกเลีย ทั้งทางวิทยุ เว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ รวมถึงสถานีโทรทัศน์อีก ๔ ช่อง ที่ช่วยออกอากาศ เชิญชวนชาวมองโกเลียมาร่วมงานถึงวันละ ๘ ครั้ง และมีการตั้งจุดขายบัตรเข้างานกระจายไปทั่วทุกซอก ทุกมุมของเมืองหลวง คือ กรุงอูลานบาตอร์ อีกด้วย



บทพิสูจน์พลังศรัทธาของสาธุชนมองโกเลีย

            เมื่อถึงวันงาน คือ วันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ก่อนหน้านั้นบรรยากาศในกรุงอูลานบาตอร์ท้องฟ้าสดใส อากาศ อบอุ่นสบายด้วยแสงแดด แต่แล้วอยู่ๆ ฝนกลับเทลง มาอย่างหนักตั้งแต่คืนวันที่ ๘ ส่งผลให้ช่วงบ่ายของ วันที่ ๙ ก็เริ่มเกิดลมกรรโชกแรงพร้อมหิมะก้อนหนา ที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องแทบมองไม่เห็นสนามกีฬา แห่งชาติซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานเลยทีเดียว และยัง ส่งผลให้อากาศที่เคยอบอุ่นในช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ ลดลงมาเหลือแค่ ๔ - ๕ องศาเซลเซียสเท่านั้น และ เมื่อเวลายิ่งล่วงเลยไปก็ไม่มีวี่แววเลยว่าหิมะจะหยุด ตกก่อนถึงเวลาเริ่มงานได้อย่างไร เมื่อเหตุการณ์เฉพาะหน้ากลับพลิกผันเป็นเช่นนี้ พุทธบุตรและทีมงานลูกพระธัมฯ ทุกรูป ทุกคน ต่างก็ช่วยกันนึกถึง บุญและอาราธนาบารมีธรรมของมหาปูชนียาจารย์ เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคอันเหลือวิสัยเช่นนี้

            แต่แล้วความอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น ประมาณ ๕ โมงเย็น หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักพร้อมลมกรรโชกแรงเริ่มชะลอตัว จนกระทั่งสภาพอากาศกลับมาเป็น ปกติ เหมือนดังว่ามีมือของผู้วิเศษที่ยื่นเข้ามาช่วยปกคลุมท้องฟ้าของประเทศมองโกเลียเอาไว้ เพื่อป้อง กันลมและหิมะไม่ให้มารบกวนการจุดวิสาขประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่กี่ ชั่วโมงข้างหน้านี้

            แต่ทว่าสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น ก็คือ พลัง ศรัทธาอันแรงกล้าของพุทธศาสนิกชนชาวมองโกเลีย เพราะเมื่อหิมะเริ่มหยุดตก ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่พี่น้องชาวมองโกเลียทุกเพศทุกวัยกว่า ๒๐,๐๐๐ คน ต่างเริ่มทยอยหลั่งไหลกันเข้ามาสู่สนามกีฬาแห่งชาติ จนกระทั่งเต็มความจุของพื้นที่จัดงาน ซึ่งหมายถึง ว่าผู้ที่มาร่วมงานทุกท่านต้องเดินทางออกจากบ้านใน ขณะที่หิมะกำลังตกหนัก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครคาดเดา ได้เลยว่าหิมะจะหยุดตกเมื่อไร และงานในวันนี้จะสามารถจัดขึ้นได้หรือไม่ แต่ทว่าสภาพอากาศอันเลว ร้ายก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนความตั้งใจของสาธุชนผู้มีบุญ ชาวมองโกเลียได้ ดังนั้น ทุกท่านจึงพร้อมใจกันออก จากบ้านโดยไม่หวั่นต่ออุปสรรคใด ๆ หลายท่านต้อง เดินทางฝ่าสายลมแรงและหิมะอันเหน็บหนาวเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อมาร่วมงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้ เห็นถึงพลังศรัทธาอันแรงกล้าของชาวมองโกเลียที่มี ต่อพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี




วิสาขประทีปสว่างไสว รวมใจไทย - มองโกล

            พิธีกรรมในภาคค่ำเริ่มต้นขึ้น เมื่อท่านลามะมุงจากัล ประธานองค์กรใจเปี่ยมสุข (Peaceful Mind Foundation) ของมองโกเลีย กล่าวต้อนรับผู้ที่มาร่วม งานทุกคน จากนั้น ท่านลามะพิวรีบัทแห่งวัดกังดาน วัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมองโกเลีย ซึ่งเป็นที่ปรึกษา ด้านศีลธรรมของประธานาธิบดีมองโกเลีย กล่าวเปิดงาน

            หลังจากนั้นพระครูปลัดภูเบศ ฌานาภิญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กล่าวสุนทรพจน์ใน นามของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ และจุดเทียนธูปบูชา พระรัตนตรัย พร้อมจุดไฟเอกเป็นปฐมฤกษ์ ต่อด้วย คณะลามะของมองโกเลียจำนวนกว่า ๖๐ รูป ร่วมกัน สวดมนต์ จากนั้น พระครูปลัดภูเบศ ฌานาภิญฺโญ แนะนำการสวดมนต์ การรับไตรสรณคมน์ และวัฒนธรรมชาวพุทธเบื้องต้น คือ การกราบไหว้และ การกล่าวสาธุการ ซึ่งสาธุชนชาวมองโกเลียต่างตั้งใจ ปฏิบัติเป็นอย่างดี เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วพระครูปลัดภูเบศ ฌานาภิญฺโญ จึงนำเหล่าสาธุชนสวดบูชาพระรัตนตรัย นำนั่งสมาธิเป็นภาษาอังกฤษ โดยมีท่านลามะมุงจากัลแปลเป็นภาษามองโกเลีย สาธุชนที่มาร่วมพิธีได้เรียนรู้การทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย เพื่อเข้าถึงสันติสุขภายใน ซึ่งทุกคนสามารถนั่งสมาธิ ได้อย่างสงบนิ่งเป็นเวลานานกว่า ๓๐ นาที จากนั้น ท่านลามะมุงจากัลได้นำสาธุชนกล่าวคำอธิษฐานจิต

            เวลา ๒๑.๓๐ น. ช่วงเวลาสำคัญของงานในวันนี้ก็มาถึง นั่นคือ พิธีจุดโคมประทีปและโคมลอย ถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันวิสาขบูขา เมื่อถึงเวลา สว่าง โคมที่ปักอยู่ในลานสนามกีฬาและโคมลอยนับหมื่นดวงได้ถูกจุดขึ้น จนทำให้ลานของสนามกีฬา แห่งชาติที่มืดมิดกลับพลันสว่างไสวขึ้นจนเต็มพื้นที่ เมื่อแหงนมองไปบนฟ้าก็เห็นแสงทองของโคมลอยที่ค่อย ๆ เรียงรายเป็นสายขึ้นสู่ท้องฟ้า ดุจดั่งภาพของทางช้างเผือก ซึ่งในที่สุดพิธีกรรมครั้งนี้ก็เสร็จสิ้น ลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้สาธุชนมองโกเลีย หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ และภาพของพิธีกรรมทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดสดผ่านทาง โทรทัศน์ไปสู่สายตาของชาวมองโกเลียทั่วประเทศ และยังถูกนำเสนอเป็นข่าวใหญ่ผ่านสื่อต่าง ๆ ในวันรุ่งขึ้นอีกด้วย

 


            บัดนี้ประทีปธรรมภายนอกได้ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง พร้อม ๆ กับประทีปธรรมภายในที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรม ซึ่งจะยังคงสว่างไสวอยู่ ณ กลางใจของ ผู้มีบุญชาวมองโกเลียต่อไป เพื่อรอวันที่ลูกหลานของ ท่านเจงกีสข่านจะได้ช่วยกันทำหน้าที่กัลยาณมิตร เพื่อเผยแผ่คำสอนดั้งเดิมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง เหมือนดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล