ฉบับที่ 40 กุมภาพันธ์ ปี 2549

ธุดงค์ปีใหม่ ๒๕๔๙ ศักราชชัยแห่งความสว่างไสว

 

 

 

 

 

 

      ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ วันเวลาแห่งชีวิตที่ผ่านไป ดูราวกับพยับแดดที่สะท้อนวิบวับกลางหนทาง เป็นเช่นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งที่ล่วงเลยและผ่านพ้น แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความรู้สึกของทุกคน ดูเหมือนเพิ่งจะผ่านวันปีใหม่มาได้ไม่นาน เพราะเราได้ใช้เวลาอันทรงคุณค่านั้น “บำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ” อย่างครบถ้วน ด้วยการอยู่ธุดงค์ปีใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๙ ธ.ค.–๑ ม.ค.๔๙ ภายในวิหารน้อยหลังงามที่แตกต่างจากทุกปี เมื่อย้อนระลึกถึงครั้งใด เราย่อมอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ด้วยความปิติเบิกบานถึงความดีที่ได้กระทำผ่านมา

 

 ลงทะเบียน

 

 

 

 

 

 

 

 

          เริ่มลงทะเบียนวันแรก ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๓๐ น. เป็นต้นไป บริเวณจุดลงทะเบียน ด้านทิศตะวันออกของสภาธรรมกายสากล ฝั่งครุฑ และพักค้าง ณ พื้นที่ตั้งวิหารน้อย บริเวณมหารัตนวิหารคด ซึ่งสาธุชนส่วนใหญ่จะเดินทางมา ลงทะเบียนในช่วงค่ำกันมาก หลังจากเลิกโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. ยังคงมีสาธุชนทยอยมา ลงทะเบียนอย่างไม่ขาดสาย

             วันนี้จัดให้มีการถ่ายภาพประวัติศาสตร์ในช่วงค่ำ เหล่าผู้มีบุญต่างรู้สึกตื่นเต้นยินดี ไปกับวิหารน้อยหลังใหม่ ช่วยกันประกอบชิ้นส่วนคนละไม้คนละมืออย่างสนุกสนาน และร่วมกันจุดดวงประทีป ภายในวิหารน้อยนับหมื่นหลังสีเหลืองเรืองรองดุจละอองทอง สว่างไสวทั่วทั้งลานมหาธรรมกายเจดีย์ นับเป็นภาพที่น่าประทับใจและงดงามที่สุดแห่งปีเลยทีเดียว


วันศุกร์ที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๘

 

        เวลา ๐๔.๓๐ น.เสียงสัญญาณปลุกตื่น ที่พวกเราคุ้นเคยเป็นอย่างดี กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ของการอยู่ธุดงค์ปีใหม่ ทันทีที่เริ่มรู้สึ ตัวได้ทำการบ้าน ของคุณครูไม่ใหญ่ นึกให้ตัวเราอยู่ใน องค์พระองค์พระก็อยู่ในตัวเรา แล้วคิดว่า “เราโชคดีที่รอดมาอีกหนึ่งวัน อันตัวเรานั้ นตายแน่ๆ” เป็นการเจริญมรณานุสสติ ให้รีบขวนขวายสั่งสมบุญ ตามอย่างผู้รู้ทั้งหลายในกาลก่อน แล้วมากลั่นใจให้ใสกัน ต่อด้วยการสวดมนต์ทำวัตรเช้า และนั่งสมาธิเจริญภาวนา

        เวลา ๐๙.๓๐ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ประธานสงฆ์ นำสาธุชนปฏิบัติธรรม ในภาคสายและพิธีถวายภัตตาหาร เป็นสังฆทานจากนั้นในภาคบ่าย รับฟังพระธรรมเทศนาโดย พระภาวนาวิริยคุณหลวงพ่อทัตตชีโว

          ซึ่งวันนี้พวกเราต่างตั้งใจฟังธรรมะด้วยใจจดจ่อ เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เดินทางกลับจากประเทศบาห์เรน ในพิธีบรรพชาสามเณรครั้งแรก ของดินแดนตะวันออกกลาง ซึ่งได้รับความสนใจ จากพี่น้องนักสร้างบารมีจากทั่วโลก

          เวลา ๑๖.๐๐ น. รับบุญทำความสะอาดบุญสถานต่างๆ ร่วมสืบสานวัฒนธรรมคุณยาย ตั้งแต่วัยเด็กเล็กไปจนถึงวัยคุณปู่คุณย่า ช่วยกันรับบุญเป็นกลุ่มใหญ่อย่างสนุกสนาน เบิกบานในบุญกันอย่างมาก

 
วันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๘
 
 
 

        แล้วได้มาถึงวันสุดท้ายของปี พ.ศ.๒๕๔๘ ร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ในงานบุญใหญ่ครั้งสำคัญ พิธีอัญเชิญจักรแก้วประดิษฐานด้านหน้า มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี

     หลังจากที่ได้ร่วมกิจกรรมธุดงค์ปีใหม่ กันมาตลอดทั้งวัน ปฏิบัติธรรม และรับฟังโอวาท อันทรงคุณค่าจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่ ที่ท่านให้ไว้ว่า วันนี้เป็นวันบุญใหญ่ ให้เราทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส อยู่ในศูนย์กลางกายให้ได้ตลอดเวลา เพราะแม้แต่เทวดาทุกชั้นฟ้า ตั้งแต่ภุมมเทวา อากาศเทวา เรื่อยไปจนถึงพรหม และอรูปพรหมทุกชั้น ต่างมาประชุมรวมกัน จนกว่าจะถึงเวลาอัญเชิญจักรแก้ว ยิ่งทำให้พวกเรารู้สึกปลาบปลื้มปิติ ในงานบุญครั้งนี้มากขึ้น

           เวลา ๑๗.๐๐ น. พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์นำสาธุชนนั่งสมาธิ กลั่นใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพื่อรองรับกระแสธารแห่งบุญที่บังเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาอันอุดมมงคล พระเดชพระคุณหลวงพ่อประกอบ พิธีกดปุ่ม อัญเชิญจักรแก้วเป็นปฐมเริ่ม เครนขนาดใหญ่ค่อยๆ ยกจักรแก้วสีเงิน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๙ เมตร เคลื่อนเข้าสู่ที่ประดิษฐานคณะเจ้าภาพ ผู้มีบุญร่วมจับสายสมบัติสีขาวบริสุทธิ์ เชื่อมโยงสายใยบุญ จากพระนิพพานตอกย้ำผังสำเร็จแห่งสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ให้ติดตามตัวไปทุกภพทุกชาติ คณะสงฆ์สวดชยันโต

            ทุกสายตาจับจ้องมองดูจักรแก้วสีเงินด้วยความปิติ จักรแก้ว คือ ทิพยสมบัติคู่บุญของพระเจ้าจักรพรรดิ ประธานแห่งรัตนะ ๗ มีอานุภาพมากที่สุด สามารถบันดาลความสุข ความสำเร็จได้สมดังใจปรารถนา ได้จำลองลงมาให้มหาชน ได้ประจักษ์ถึงอานุภาพ ของพระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกาย นับเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นได้ยากในโลก ลักษณะของการประดิษฐานจักรแก้วคล้ายทะยานเข้าไปในมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี เพื่อน้อมบูชายอด มหาปูชนียาจารย์ หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ(สด จนฺทสโร)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    จากนั้นท่านประธานสงฆ์กล่าวเชิญเจ้าภาพผู้มีบุญลุกขึ้นยืน เพื่อประกอบ พิธีจุดประทีปบูชามหาปูชนียาจารย์ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ความสว่างแห่งดวงประทีปเรืองรอง ถูกจุดต่อกันไปเรื่อยๆ จนสว่างไสวทั่วทั้งลานบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ สาธุชนพร้อมใจกัน สวดสรรเสริญพระมงคลเทพมุนี

 

 

 

 

 

      ไม่นานพลุหลากสีสัน ชุดแล้วชุดเล่า ถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่งแต้มค่ำคืนนี้ ให้สว่างไสว เหมือนดังมหกรรมแสง สี เสียงอันตระการตา เรียกเสียงปรบมือ ไม่ขาดระยะเป็นดังสัญญาณ แห่งการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ นิมิตหมายของ ความรุ่งโรจน์ โชตนาการ บังเกิดขึ้นภายใต้อานุภาพ ของพระรัตนตรัยตลอดไป

 

 

 

วันที่ ๑ มกราคม พ. ศ .๒๕๔๙

 

 

 

 

 

 

 

         เริ่มต้นศักราชชัยแห่งความสว่างไสวในปีพ.ศ.๒๕๔๙ ด้วยการสร้างมหาทานบารมี ร่วมตักบาตร พระภิกษุสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญ อันเลิศนับพันรูป อากาศยามเช้าเย็นสบาย ต่างทอดทัศนาเหล่าพุทธบุตร ผู้ก้าวเดินอย่างสงบ สำรวม เป็นทิวแถวจรดพื้นแนว สายหมอกสีขาว บางตาตัดกับสีเหลือง เรืองรองของผ้ากาสาวพัสตร์ สะท้อนแสงแดด อบอุ่นในยามเช้าดูกระจ่างตา ยังความเลื่อมใสศรัทธา ให้แก่เหล่าสาธุชนเป็นอย่างยิ่ง แล้วค่อยบรรจงใส่ถวายทาน ด้วยดวงใจที่ชุ่มชื่นเบิกบานในบุญ
              ภาคสาย เวลา ๐๙.๓๐ น. พระเดชพระคุณหลวงพ่อนำสาธุชนเจริญภาวนา และประกอบพิธีบูชาข้าวพระในวันอาทิตย์ต้นเดือน

            

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

         ช่วงกลางวัน เวลา ๑๒.๓๐ น.พบกับรายการ “สู้ต่อไป” ซึ่งวันนี้เหล่าลูกพระธัมฯ ต่างรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างมาก เมื่อได้ให้การต้อนรับบุคคลสำคัญ ระดับประเทศเป็นแขกรับเชิญพิเศษคือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เดินทางมาพบปะพูดคุย กับเหล่ากัลยาณมิตรอย่างเบิกบานเป็นกันเอง

             ทุกภาพแห่งความประทับใจ ยังคงสว่างไสว ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของพวกเราทุกคน บุญทุกบุญที่ได้กระทำในครั้งนี้ ทำให้ทุกอนุวินาทีที่ผ่านไปทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กบุญน้อยบุญใหญ่บุญย่อย ดังจะเรียงร้อยเข้าด้วยกันในกระดาษห่อของขวัญสีสวย ผูกด้วยริบบิ้นสีสดใส คือ ดวงใจของพวกเราที่ร่วมถักทอ ก่อเกิดเป็นสายใยบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ แล้วมอบให้เป็นขวัญอันล้ำค่าอย่างแท้จริง ที่ใครได้รับ...ต่างรู้สึกอิ่มเอมใจไม่รู้ลืม.

โดย ...อุบลเขียว

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล