ฉบับที่ 47 กันยายน ปี 2549

พิธีฟั่นเชือก เพื่ออัญเชิญรูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนี

บทความพิเศษ 

โดย : อัญชลี เรื่องจิต

 

 

 

 

ไม่มีความสำเร็จใดๆ ในโลก ที่จะได้มาโดยง่ายหรือโดยบังเอิญ

              เมื่อคราวที่พระมหาบุรุษจะตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ควงไม้ศรีมหาโพธิ์ ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา พระองค์ได้เสด็จขึ้นประทับนั่ง บนบัลลังก์อย่างมั่นคง และมั่นพระทัยในพระบารมีที่ทรงบำเพ็ญ มานับภพนับชาติไม่ถ้วน ทรงเสียสละดวงตามากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า ทรงเสียสละเลือดเนื้อมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ ทรงตัดพระเศียรที่สวมมงกุฎทอง ประดับประดาด้วยรัตนชาติสูงค่ามากกว่า ผลมะพร้าวในชมพูทวีป และได้ตั้งสัตยาธิษฐานอย่างแน่วแน่ก่อนที่จะเริ่มบำเพ็ญภาวนาว่า

 

 

 

        " ...แม้เลือดเนื้อในกายจักเหือดแห้งไป จนเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตามที ตราบใด ที่เรายังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จักไม่ยอมลุกจากบัลลังก์นี้เป็นอันขาด... "

           ด้วยบุญญาบารมีที่สั่งสมไว้เต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้มีน้ำพระทัยมุ่งตรงต่อพระโพธิญาณ ในที่สุด...พระองค์ได้บรรลุพระอนุตตรสัมมา สัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จุดประทีปธรรมให้สว่างไสวไปทั้งโลก

           และเมื่อครั้งที่หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บรรลุธรรมภายในอุโบสถวัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง ท่านได้ทบทวนสำรวจตนจนมั่นใจว่า ศีลาจารวัตรของท่านไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องแล้ว ท่านจึงได้ตั้งสัจจะด้วยดวงใจอันเด็ดเดี่ยวก่อนที่จะบำเพ็ญภาวนาว่า

           "วันนี้เป็นไงเป็นกัน หากเราไม่บรรลุธรรมที่พระบรมไตรโลกนาถได้ทรงบรรลุแล้ว เราจะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา หากเราจะต้องตายไปในครั้งนี้ ก็จะได้เป็นแบบอย่างแก่ผู้ที่ตามมาภายหลัง ให้ยึดถือเป็นแบบปฏิบัติต่อไป ก็จะได้อานิสงส์อีกโสดหนึ่ง"

 

 

 

 

           คนจริง ...ย่อมได้พบของจริง ในที่สุด ท่านได้บรรลุธรรม สามารถนำวิชชาธรรมกายที่สูญหายไป กลับคืนมาส่องสว่างในดวงใจชาวโลกได้อีกครั้งหนึ่ง
ผู้ที่กล้าสู้ กล้าเสียสละได้ถึงขนาดนี้ คือ บุคคลประเภทเดียวในโลกที่ไม่มีวันที่จะรู้จักกับคำว่า ...พ่ายแพ้ หรือ ...เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ท่านค้นพบเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นำมาซึ่งหนทางพ้นทุกข์แก่มวลมนุษยชาติ ซึ่งอนุชนคนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงคุณค่าอย่างจะนับจะประมาณมิได้

        สักขีพยานยืนยันถึงความยิ่งใหญ่แห่งธรรม ซึ่งเป็นของจริงแท้ในพระพุทธศาสนา เห็นได้จากพิธีฟั่นเชือก เพื่ออัญเชิญรูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนี ยอดมหาปูชนียาจารย์ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา

           ลองคิดดูเถิดว่า แม้เพียงเชือกเส้นเล็กๆ แต่กลับทรงคุณค่ายิ่ง เมื่อผู้คนทั่วโลกปรารถนาจะมีส่วนร่วมสร้าง ร่วมทำ ด้วยมือตนเอง เพราะเชือก เส้นนี้ไม่ใช่เพียงเชือกธรรมดา แต่เป็นเชือกพิเศษที่ใช้เพื่ออัญเชิญบุคคลพิเศษ

        หลังจากที่เราร่วมกลั่นใจให้ใส ด้วยการนั่งสมาธิเจริญภาวนา ทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายแล้ว เวลา ๑๖.๐๐ น. เข้าสู่พิธีฟั่นเชือกที่จะใช้ในการอัญเชิญรูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนี ในวันพฤหัสบดีที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งใกล้จะมาถึง

             เหล่าสาธุชนได้ตั้งแถวยาวหลายสิบแถว นำหน้าด้วยธงหลากสี แล้วเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ สภาธรรมกายสากลฝั่งครุฑ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีฟั่นเชือก

          เมื่อมาถึงบริเวณพิธี หัวหน้าชั้นได้แนะนำวิธีการฟั่นเชือก ที่ถูกต้อง นอกจากจะได้เส้นเชือกที่สวยงามแล้ว ยังป้องกันอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะเกิดจากเกลียวเชือกม้วนดึงเอาชายเสื้อหรือนิ้วมือเข้าไปอีกด้วย เนื่องจากแรงของคนหลายพันคนทำให้เกลียวเชือกมีความมั่นคงแข็งแรงมาก ซึ่งการฟั่นเชือกต้องทำอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งทีม จึงจะได้เส้นเชือกที่เป็นเกลียวสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น

            คำว่า ฟั่น หมายถึง การนำเส้นด้ายเส้นเล็กๆ มีความยาวหลายเส้นมาพันกันเข้าเป็นเกลียว เช่นคำว่า ฟั่นด้าย ฟั่นเชือก เป็นต้น ไม่ใช้คำว่า ควั่น ซึ่งหมายถึงการใช้ของมีคมทำให้เชือกเป็นรอยโดยรอบ หรือ ทำให้ขาดออกเป็นท่อนๆ เช่น อ้อยควั่น

 

 

             เมื่ออธิบายวิธีการฟั่นเชือกเป็นที่เรียบร้อย แล้ว หัวหน้าชั้นได้นำอธิษฐานจิต ให้บุญจากการฟั่นเชือกมงคลแห่งความสามัคคี น้อมบูชายอดมหาปูชนียาจารย์ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายในครั้งนี้ ส่งผลให้รวย สวย หล่อ สมปรารถนา เข้าถึงวิชชาธรรมกายไปทุกภพทุกชาติ เรียกรอยยิ้มแห่งความ ปีติร่วมกันเปล่งเสียงอธิษฐานดังกึกก้อง

            แล้วเสียงเพลงก็ได้ดังขึ้นทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศคึกคักสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ทุกคนต่างเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลง บางคนถึงกับร่ายรำ ออกท่าทางเป็นที่สนุกสนาน จนจำประโยคในเพลงได้ขึ้นใจว่า บุญของใคร ของใครก็ต้องทำเอาบุญของเรา ของเราไม่ต้องเกรงใจ... หลังจากนั้นทุกคนได้ร่วมกันชิตัง เม และถ่ายภาพประวัติศาสตร์ ชื่นชมผลงาน ของเชือกที่ฟั่นเสร็จแล้ว เป็นเกลียวสวยงาม เตรียมพร้อมสำหรับวันบุญใหญ่ที่จะมาถึง จึงขอกราบอนุโมทนาบุญกับลูกพระธัมฯ พันธุ์หัวใจไม่เกี่ยง เคียงข้างไปดุสิตบุรีทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล