ทบทวนบุญมาฆบูชา
เรื่อง : พระสมศักดิ์ จนฺทสีโล
..มาฆบูชามหาปีติ
ฉลอง ๔๕ ปี
วัดพระธรรมกาย..
รำลึกถึงเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ณ วัดเวฬุวันมหาวิหารที่เคยเป็นที่ประชุมกันของสงฆ์ครบองค์ ๔ ที่เรียกว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” อันมีพระอรหันตสาวกมาพร้อมเพรียงเป็นสมานฉันท์ ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งในปัจจุบันพระภิกษุสงฆ์สาวกผู้มุ่งประพฤติปฏิบัติดำเนินรอยตาม ก็ได้มาพร้อมเพรียงกัน ณ ลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์ วัดพระธรรมกาย จำนวนกว่า ๓,๐๐๐ รูป รวมทั้งศรัทธาสาธุชนนับแสนจากหลายประเทศทั่วโลก เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญบุญกุศลและจุดมาฆประทีปถวายเป็นพุทธบูชา อันเป็นประเพณีที่ประพฤติปฏิบัติสืบมานับตั้งแต่เริ่มสร้างวัดพระธรรมกาย จนถึงกาลปัจจุบันล่วงมาแล้ว ๔๕ ปี
มาฆบูชามหามงคล
สาธุชนหลั่งไหลมาจากทั่วโลก
เมื่อวันพุธที่ ๔ มีนาคม ที่ผ่านมา มีการจัดพิธีสำคัญเนื่องในวันมาฆบูชา ณ วัดพระธรรมกาย มูลนิธิธรรมกาย นับตั้งแต่เช้าตรู่เป็นพิธีตักบาตรคณะสงฆ์กว่า ๓,๐๐๐ รูป โดยมีสาธุชนทั้งที่เป็นนักบวชจากนิกายต่าง ๆ และสาธุชนจากต่างประเทศทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งเป็นภาพแห่ง ความปลื้มปีติที่แต่ละท่านแม้จะมาจากต่างแดน ต่างนิกาย ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา แต่ด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทุกคนก็ทำบุญร่วมกันได้ด้วยความแช่มชื่นเบิกบาน และต่างประจักษ์แล้วว่า การทำบุญเป็นความดีสากลที่สามารถสื่อให้ทุกคนพบกับความสงบร่มเย็นทั้งภายนอกและภายในจิตใจ หลังจากนั้น เวลา ๐๙.๓๐ น. คณะสงฆ์และสาธุชนผู้ใจบุญก็ไปพร้อมเพรียงกัน ณ สภาธรรมกายสากล เพื่อนั่งสมาธิเจริญภาวนา บูชาข้าวพระ ทำพิธีกล่าวคำถวายอาคารบุญรักษา เพื่อเป็นที่พักฟื้นสุขภาพของพระภิกษุอาพาธ และถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน
นานาชาติสามัคคี
ร่วมยินดีอนุโมทนา
พิธีกรรมในภาคบ่ายมีการมอบรางวัลแด่ผู้ชนะเลิศในโครงการสอบตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า และโล่วัชรเกียรติยศแก่ผู้ร่วมโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมเพื่อสันติภาพโลก (World-PEC) โดยมีพระราชภาวนาจารย์ (หลวงพ่อทัตตชีโว) เป็นประธาน
โครงการสอบตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า ถือเป็นกิจกรรมที่พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ดำริขึ้น และดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ ๓๓ เพื่อให้เยาวชนทุกระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา รวมทั้งสถาบันการศึกษาตำรวจและทหาร รวม ๔ เหล่าทัพ ตลอดจนถึงระดับครูอาจารย์มีโอกาสศึกษาและวัดผลความรู้ความเข้าใจในธรรมะที่จะสามารถนำไปใช้ให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิต นับตั้งแต่ปีแรก มาจนถึงปัจจุบัน มีเยาวชนสนใจเข้าร่วมตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า ๖,๐๔๒,๖๗๐ คน จาก ๑๘,๑๗๕ โรงเรียน
สำหรับโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมเพื่อสันติภาพโลก หรือ World Peace Ethics Contest (World-PEC) จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ปีนี้ นับเป็นครั้งที่ ๙ มีผู้สนใจสมัครเข้าสอบทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก ๓๓,๕๗๕ คน
รางวัลต่าง ๆ นอกจากมีโล่พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีโล่เกียรติยศที่ผู้นำจากต่างประเทศมอบให้เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ชนะเลิศในการสอบรายการต่าง ๆ
จากพิธีอันยิ่งใหญ่ในท่ามกลางมหาสมาคมที่ประกอบด้วยผู้คนจากนานาชาติครั้งนี้ ทำให้เกิดภาพแห่งความร่วมมือร่วมใจกันที่จะประสานสามัคคีกันนำพระพุทธธรรมคำสอนไปประพฤติปฏิบัติ ตลอดจนช่วยกันเผยแผ่และธำรงรักษาไว้ซึ่งสิ่งที่ดีงามนี้ไปสู่ผู้คนนานาชาติ
หลังจากพิธีมอบโล่รางวัลอันทรงเกียรติทั้งหลายเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เมตตานำสาธุชนทั้งหลายเจริญสมาธิภาวนา พร้อมทั้งมอบคติธรรมอำนวยพรให้ทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญ และให้เข้าถึงธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันประเสริฐของชีวิตตลอดไป
วันมาฆบูชา
วันแห่งความสว่างไสวแห่งพุทธธรรม
งานบุญภาคค่ำ ณ ลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์ พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เมตตาเป็นประธานในการประกอบพิธีพุทธบูชามาฆประทีป จุดประทีปอันสว่างไสวน้อมถวายบูชาและรำลึกถึงพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และในวาระสำคัญครั้งนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้นำพุทธบริษัททั้งในและต่างประเทศ ที่รับชมการประกอบพิธีทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ DMC นั่งสมาธิโดยให้กำหนดนึกถึงความสว่างภายในดวงใจ ก่อนที่จะจุดแสงแห่งมาฆประทีปให้สว่างไสวภายนอก และตอกย้ำศรัทธาให้คงมั่น เพื่อร่วมมือกันแผ่ขยาย ธรรมปฏิบัติและยังสันติสุขอันไพบูลย์แห่งพระพุทธธรรมคำสอนไปสู่จิตใจของมวลมนุษยชาติ อันเป็นมโนปณิธานของหมู่คณะตั้งแต่เริ่มสร้างวัดพระธรรมกายมาจนถึงปัจจุบัน นับเวลาได้ ๔๕ ปี และภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ก็จักดำเนินก้าวหน้าต่อไปสู่อนาคต ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
จุดใจให้ใสสว่างก่อนจุดมาฆประทีป
ถวายเป็นพุทธบูชา
โอวาทพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
วันนี้เป็นวันมาฆบูชา วันที่มีความสำคัญต่อตัวเราซึ่งเป็นชาวพุทธและชาวโลกทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าไม่มีวันนี้ก็ยากที่การสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะแผ่ขยายกว้างไกลไปได้ทั่วโลก ซึ่งเมื่อราว ๒,๕๐๐ กว่าปีก่อนโน้น มีการชุมนุมกันของพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งท่านมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายกัน ทางวาจา แต่ทว่ารู้กันด้วยญาณทัสนะของพระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้ว อีกทั้งทุกรูปยัง ทรงอภิญญา มีตาทิพย์ หูทิพย์ เป็นต้น และล้วนเป็นผู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ด้วยพระองค์เอง
ในวันนั้นพระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหลักธรรมแม่บท ที่สำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นกับ มวลมนุษยชาติ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ เพื่อชาวโลกทั้งหลายจะได้มีความรู้ที่จะดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตที่สมบูรณ์สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ตามแบบอย่างของท่านผู้รู้ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย หลักโอวาทปาฏิโมกข์นั้นประกอบไปด้วยอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการ ในการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มด้วยอุดมการณ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา แปลว่า ความอดทนเป็นตบะธรรมอย่างยิ่ง หมายถึงว่า ผู้ที่จะไปทำหน้าที่ให้แสงสว่างต่อชาวโลกจะต้องมีความอดทนเป็นพื้นฐาน เริ่มตั้งแต่ความอดทนต่อความตรากตรำ อดทนต่อทุกขเวทนา อดทนต่อการกระทบกระทั่ง และอดทนต่อกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ถ้าหากอดทนอดกลั้นต่อสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายไปสู่เป้าหมาย คือ อายตนนิพพานได้ เหตุที่ทรงสอนให้อดทนอย่างมีเป้าหมายเพื่อไปนิพพานนั้น เพราะทรงเห็นแจ้งว่า นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา ท่านผู้รู้ทั้งหลาย คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงเห็นพ้องต้องกันว่า สิ่งที่เยี่ยมที่สุดคือพระนิพพาน พระนิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ทุกคนต้องทำพระนิพพานให้แจ้ง และระหว่างที่สร้างบารมีอยู่ก็อย่าไปก่อเวรหรือเบียดเบียนใคร ดังพระพุทธดำรัสที่ว่า นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต คือ บรรพชิตผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะผู้สงบเลย เอตัง พุทธานะ สาสะนัง
นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
เมื่อทรงให้อุดมการณ์แล้ว ก็ทรงให้หลักการปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตว่า สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง กุสะลัสสูปะสัมปะทา การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว เอตัง พุทธานะ สาสะนัง นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พูดง่าย ๆ ก็คือ
ทรงสอนให้ละชั่ว ทำความดี และทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพื่อที่จะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยที่มีอยู่แล้วภายในตัวของทุก ๆ คน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้ว ล้วนมีพระธรรมกายอยู่ในตัวทั้งสิ้น พระพุทธองค์ทรงมุ่งเน้นให้ทุกคนแสวงหาตัวตนที่แท้จริงภายใน เพราะสิ่งนี้เป็นที่พึ่งที่ระลึกได้อย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ต่อจากนั้นก็ทรงให้วิธีการในการเผยแผ่ แนะนำ ถ่ายทอด เพื่อที่จะได้นำไปประพฤติปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีแก่ชาวโลก โดยทรงให้วิธีการตามหลักวิชาดังต่อไปนี้ คือ อะนูปะวาโท ไม่ให้เข้าไปว่าร้ายใคร อะนูปะฆาโต ไม่ให้ไปทำร้ายใครและไปขู่บังคับให้ใครเขามาเชื่อเรา แต่ต้องให้เขาเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตามเหตุ ตามผล แล้วเกิดความศรัทธาเชื่อมั่นด้วยตัวเอง ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร ให้สำรวมในศีลและมารยาท จะได้ไม่ไปกระทบกระทั่งกับใคร และยังก่อให้เกิด ความน่าเคารพเลื่อมใสอีกด้วย มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง ให้รู้จักประมาณในการบริโภคแต่พอดี ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง ให้อยู่ในเสนาสนะ ที่นอน ที่นั่งอันสงบสงัด ที่เอื้ออำนวยต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม และประการสุดท้าย อะธิจิตเต จะ อาโยโค การประกอบความเพียรในอธิจิต คือ หมั่นเจริญสมาธิภาวนา ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ให้ใจละเอียด ใสบริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เอตัง พุทธานะ สาสะนัง นี้เป็นคำสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
บทโอวาทปาฏิโมกข์นี้มีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นกี่พระองค์แล้วก็ตาม ก็จะทรงสั่งสอนอย่างนี้เหมือนกันหมด ตรงกันหมด เหมือนเป็นเนติแบบแผนเดียวกัน พุทธโอวาทที่กล่าวมาข้างต้นโดยสรุปนี้ เป็นสิ่งที่ตัวเราและชาวโลกจะต้องนำไปประพฤติปฏิบัติด้วยความเคารพ เอื้อเฟื้อในพระธรรม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สุข ทั้งต่อตัวเราเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคม ประเทศชาติ และ โลกใบนี้ โดยเฉพาะเราเป็นชาวพุทธจะต้องยึดหลักโอวาทปาฏิโมกข์นี้อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติให้เหมาะสม จึงจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่สมบูรณ์ ถ้าหากชาวโลกทุก ๆ คน ได้ศึกษาความรู้สากลนี้ และได้ปฏิบัติตามหลักโอวาทปาฏิโมกข์ โลกก็จะเกิดสันติสุขที่แท้จริง มวลมนุษยชาติจะปรองดองกัน เหมือนเป็นประดุจครอบครัวเดียวกัน จะมีความรักและปรารถนาดีต่อกันอย่างแท้จริง จะรู้จักการให้อภัย เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แบ่งปัน ความรักสากลที่มาพร้อมกับสันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นในโลก
ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันสำคัญของโลก ถ้าหากไม่มีวันมาฆบูชา ชาวโลกก็จะไม่รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องสมบูรณ์ในการที่จะนำพาชีวิตไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงได้เลย เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงต้องมาทบทวนโอวาทปาฏิโมกข์และระลึกนึกถึงคำสั่งสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพเลื่อมใส และร่วมใจกันปฏิบัติบูชาแด่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อใจเราบริสุทธิ์ผ่องใส เราก็จะได้ร่วมกันจุดมาฆประทีปถวายเป็นพุทธบูชารวมทั้งพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ซึ่งการบูชาด้วยประทีปแสงสว่างนี้ จะทำให้เราได้รับอานิสงส์เป็นผู้ถึงพร้อมทั้งมังสจักษุ ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ สมันตจักษุ และธัมมจักษุ เราจะมีดวงตาแจ่มใส สวยงาม ไม่เป็นโรค เกี่ยวกับดวงตา จะมีรัศมีกายที่สว่างไสว อีกทั้งมีดวงปัญญาที่สว่างไสว สามารถรู้ทั่วถึงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายอีกด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะได้จุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ขอให้ลูก ๆ ทุกคนจุดใจของเราให้สว่างไสวด้วยการหยุดใจของเราให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ เบา ๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ดังกล่าว จนกว่าใจของเราจะสว่าง เราจึงจะพร้อมใจกันจุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชากัน