หน้าจบ
นิทานชาดกเรื่อง สมบัติมหาภัย
เวทัพพชาดก
ชาดกว่าด้วยโทษของการไม่รู้จักกาลเทศะ
ภาพ ป๋องแป๋ง
ลงสี มิ้น, ป๋องแป๋ง
จากหนังสือนิทานชาดกของหลวงพ่อทัตตะชีโว
เวทัพพชาดก
.....สาเหตุที่ตรัสชาดก
.....ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีพระภิกษุรูปหนึ่งมีนิสัยดื้อรั้นว่ายากสอนยาก จนกระทั่งเพื่อนพระภิกษุต่างเอือมระอาที่กล่าวตักเตือน เมื่อความทราบถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงทรงระลึกชาติด้วย บุพเพนิวาสานุสติญาณแล้วตรัสเตือนสติว่า
.....“ดูก่อนภิกษุ เธอมิได้เป็นผู้ว่ายากแต่ในชาตินี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนเธอก็เป็นผู้ว่ายาก ไม่เชื่อฟังคำเตือนของบัณฑิตจึงถูกฟันขาดสองท่อน แล้วยังเป็นเหตุให้คนอีกตั้งพันต้องตายตามไปด้วย”
.....ตรัสดังนั้นแล้วพระพุทธองค์ทรงนำ เวทัพพชาดก มาตรัสเล่าดังต่อไปนี้
.....เนื้อหาชาดก
.....ในอดีตกาล มีพราหมณ์คนหนึ่งรู้มนต์ชื่อเวทัพพะ ซึ่งเป็นมนต์วิเศษ ในปีหนึ่งๆ จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น พราหมณ์จะร่ายมนต์แล้วแหงนดูท้องฟ้า เพชรนิลจินดาอันหาค่ามิได้ก็จะไหลหลั่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝนทีเดียว
.....อยู่มาวันหนึ่ง เวทัพพพราหมณ์มีกิจธุระต้องเดินทางไปยังแคว้นเจติ จึงพาศิษย์คนหนึ่งไปด้วย ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ในป่านั้นถูกโจรป่า ๕๐๐ คนจับตัวไว้ หัวหน้าโจรปล่อยตัวศิษย์ให้เวลา ๓ วันไปหาเงินมาไถ่ตัวอาจารย์ ศิษย์ได้บอกกับอาจารย์ว่าอย่าร่ายมนต์เด็ดขาด คืนนั้นเวทัพพพราหมณ์คิดว่า วันนี้ฤกษ์ดีถ้าร่ายมนต์เอาสมบัติให้พวกโจรมันก็คงจะปล่อยตัวไป คิดดังนั้นแล้วพราหมณ์จึงบอกกับโจรเรื่องที่ตนมีมนต์วิเศษ
.....หัวหน้าโจรให้พราหมณ์ทำพิธีร่ายมนต์ ทันใดนั้นเพชรนิลจินดาต่างๆ ก็หลั่งลงมาจากท้องฟ้าราวสายฝน เมื่อได้เพชรนิลจินดามากมายแล้ว วันรุ่งขึ้นโจรจึงออกเดินทางต่อไป แม้พราหมณ์เองก็ต้องไปกับพวกโจร เพราะไม่อาจอยู่ตามลำพังในป่าได้ ระหว่างทางได้มีโจรอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน ๕๐๐ คนผ่านมาพอดี เมื่อเห็นโจรกลุ่มแรกแบกทรัพย์สมบัติมา นายโจรจึงสั่งสมุนให้กระจายกำลังโอบล้อมโจรกลุ่มแรกไว้ทันที
.....หัวหน้าโจรที่ถูกล้อมจึงเล่าเรื่องราวแล้วส่งตัวพราหณ์ให้กับโจรอีกกลุ่ม นายโจรกลุ่มที่สองได้ขอให้พราหมณ์ร่ายมนต์ให้ตนบ้าง แต่พราหมณ์บอกว่าต้องรอปีหน้า นายโจรจึงรู้สึกฉุดเฉียวขึ้นมาทันทีตวัดดาบฟันพราหมณ์ขาดสองท่อนกลิ้งอยู่ข้างทางนั้นเอง พร้อมสั่งสมุนให้รีบตามและเข้าตีชิงทรัพย์ของโจรกลุ่มแรกทันที โจรกลุ่มที่แบกทรัพย์ไว้สู่ไม่ได้ จึงถูกฆ่าตายจนหมด
.....เมื่อโจรกลุ่มหลังได้ทรัพย์มาแล้ว ขณะเดินทางพวกโจรต่างเกิดความโลภ อยากครอบสมบัติแต่เพียงผู้เดียว จึงฆ่าฟันกันเองตายจนเหลืออยู่เพียง ๒ คนเท่านั้น โจรทั้งสองจึงช่วยกันขนทรัพย์สมบัตินั้นมาซ่อน ให้โจรคนหนึ่งเฝ้าไว้ ส่วนอีกคนเข้าไปหาอาหารในหมู่บ้าน โจรที่เฝ้าทรัพย์คิดแผนฆ่าเพื่อน ฝ่ายโจรคนที่เข้าไปหาอาหารก็เอายาพิษใส่อาหารนำไปให้เพื่อน ทันทีที่วางอาหารลงเพื่อนโจรที่นั่งรอก็สวนดาบออกไปทันที เมื่อฆ่าเพื่อนแล้วก็ลงมือกินอาหารด้วยความกระหยิ่มใจ เมื่ออาหารเข้าปากยาพิษร้ายแรงก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายสิ้นใจตายทันที
.....เวลาล่วงไป ๒ วัน ศิษย์ของพราหมณ์ได้นำเงินค่าไถ่มาให้นายโจร แต่ไม่พบใครเลย ครั้นเห็นเพชรนิลจินดาบางส่วนที่ตกอยู่ ก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ฟังคำเตือนของตนเสียแล้ว เมื่อเดินต่อไปอีกสักหน่อยก็พบศพอาจารย์ถูกตัดขาดสองท่อน เขารู้สึกสลดใจยิ่งนัก และเมื่อจัดการทำเชิงตะกอนเผาศพอาจารย์แล้วก็ออกเดินทางต่อไป พบศพของโจรทั้ง ๕๐๐ ตายอย่างอนาจ ครั้นเดินทางต่อไปก็พบศพโจรอีก ๕๐๐ และได้พบสมบัติที่โจรมัดซ่อนไว้
.....ชายหนุ่มก็ขนเพชรนิลจินดานั้นกลับไปบ้านของตน จัดการทำบุญให้ทาน อุทิศส่วนกุศลให้เวทัพพพราหมณ์ จากนั้นเป็นต้นไปก็ทำทานรักษาศีลไปตลอดชีวิต ครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็ไปบังเกิดในสวรรค์ตามกรรมดีที่ตนสร้างไว้ ส่วนอาจารย์และโจรทั้งพันนั้นต่างตกนรกเพราะความหลงและความโลภของตน
.....ประชุมชาดก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า
เวทัพพพราหมณ์ ได้มาเป็น พระภิกษุผู้ดื้อรั้น
ศิษย์ของพราหมณ์ ได้มาเป็น พระองค์เอง
.....ข้อคิดจากชาดก
.....๑. คนดื้อดึง ถือดี ว่ายาก สอนยาก นับว่าเป็นโทษแก่ตนเองอย่างยิ่ง จึงควรแก้ไขเสีย มิฉะนั้นอาจนำความเสียใจหรือความพินาศย่อยยับมาสู่ตนเองได้
.....๒.คนโลภนั้นถึงได้ทรัพย์มามากเท่าไรก็ไม่รู้จักพอความโลภนำคนทั้งหลายไม่ว่ายาจกหรือเศรษฐีไปสู่ความหายนะมานับไม่ถ้วนแล้ว “เพราะความโลภ เป็นเหตุแห่งความพินาศและความตาย”
.....๔. ผู้ไม่รู้จักกาลเทศะ ย่อมนำความพินาศมาสู่ตนเองและผู้อื่น