อยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕

"วันนี้วันพระ" วันโลกใส

"วันนี้วันพระ" วันโลกใส
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) 
วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕

       วันนื้หลวงพ่อขอพูดเรื่องป้าย "พรุ่งนี้วันพระ" กับ "วันนี้วันพระ" ป้ายจะมี ๒ ด้าน ด้านหนึ่งเขียน ไว้ว่า "พรุ่งนี้วันพระ" อีกด้านหนึ่งเขียนว่า "วันนี้วันพระ ทำใจให้เข้าถึงพระในตัว" ป้ายนี้จะเป็นแสงสว่างให้ กับทุกคนที่เขาได้มาพบเห็น

       มีหลวงปู่องค์หนึ่งอายุ ๘๐ ปีเศษ พอท่านได้เห็นป้าย "วันนี้วันพระ" ที่ต่างจังหวัด ท่านบอกว่า ท่านมีปีติจนนํ้าหูนํ้าตาไหลเลย วันพระเมื่อก่อน ๔๐ ปีที่ผ่านมา ตอนที่ท่านอายุ ๒๐ ถึง ๔๐ ปี ชาวพุทธยังให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องวันพระกันอยู่ วัดวาอารามคึกคักไปด้วยพุทธศาสนิกชนมาบำเพ็ญบุญ มาฟังธรรม มาจำศีล ทำภาวนากัน แต่ ๔๐ ปีหลังนี้ท่านบอกว่า ไม่เคยเห็นเลย ท่านก็รู้สึกเสียดายว่า ภาพเก่าๆ ที่ดีงามนั้นจะ สูญหายไปจากเมืองไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาของโลก นั่นก็หมายถึงว่า จะสูญไปจากชาวโลก และสูญไปจากโลกใบนี้ด้วย พอท่านเห็นป้ายนี้กลับมาใหม่ถึงกับน้ำตาไหล ท่านบอกว่า ในบั้นปลายชีวิตของ ท่านก่อนจะมรณภาพได้ชื่นใจเห็นป้ายนี้ก็คุ้มแล้ว นี่ก็เป็นคำรำพึงของพระผู้เฒ่า ผู้รู้ราตรีนานผ่านโลกมามาก ได้รำพึงออกมา

      ลูกทุกคนเกิดมาต้องช่วยกันปฏิวัติพัฒนาโลกที่มืดมัวให้ใสขี้น ให้เป็นโลกแก้วให้ได้ สิ่งใดก็ตามที่ ทำให้โลกใสเป็นแก้วได้ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ลูกทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการที่จะร่วมมือร่วมใจกันทำให้ได้ในยุคของ เรา เราเป็นนักสร้างบารมีต้องไวต่อการสร้างบารมี เห็นอะไรที่เป็นทางมาแห่งบุญก็รีบฉกฉวย ก่อนจะลูกช่วงชิง ชีวิตไป เราจึงควรชิงช่วงชีวิตตอนนี้มาสร้างบารมีนะลูกนะ

     หลวงพ่ออยากให้ป้ายนี้อยู่หน้าบ้านของลูกผู้มีบุญทุกคน เพื่อที่จะแจ้งให้ชาวพุทธที่หลงลืมสิ่งที่ดีงามนี้ ได้หวนย้อนกลับคืนมาถึงในวันที่โลกยังใสอยู่ เพราะฉะนั้น นำป้ายไปติดที่หน้าบ้านนะจ๊ะ ๒ วัน ก่อนวันพระวันหนึ่ง และวันพระวันหนึ่ง

      หลวงพ่อคิดว่า ใครได้เห็นป้ายนี้แล้วจะเกิดแรงบันดาลใจในการที่จะระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย เมื่อใด ที่สิ่งเหล่านี้ย้อนคืนกลับมาสู่ในใจของชาวพุทธอีก วันที่สดใสก็จะกลับคืนมา ลูกหลานของเราจะได้รับประโยชน์ และจะเป็นทางมาแห่งบุญของพวกเราด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ให้แสงสว่างแก่โลก 

 

วันพระ
วันสว่างของชาวโลก

โดย สุพรรณภูมิ 

      ประทีปดวงน้อยๆ ทอแสงแวววามยามค่ำคืน ชวนให้ผู้คนที่มองมาแต่ไกลนึกแปลกใจกับ ภาพที่ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา ครั้นเดินมาใกล้ๆ จึงค่อยสังเกตเห็นพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนโต๊ะ หมู่ พร้อมป้ายที่เขียนบอกไว้อย่างชัดเจนว่า "วันนี้วันพระ" เท่านั้นเอง ความรู้สึกชื่นชมและอนุโมทนากับเจ้าของบ้าน ก็พลันบังเกิดขึ้นเต็มหัวใจ ติดตามมาด้วยคำถามที่ตนเองก็รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจว่า "นานแค่ไหนแล้วนะที่เราลืมให้ความสำคัญ กับวันพระ"

     ชีวิตของคนไทยนั้นมีความผูกผันกับพระพุทธศาสนาอย่างแนบแน่นมายาวนาน บรรพบุรุษไทยเราให้ความสำคัญกับวันพระมากเป็นพิเศษเมื่อ ถึงวันนี้ชาวพุทธจะไปทำบุญ ถือศีล ฟังเทศน์ ฟังธรรมที่วัด รวมถึงการจุดประทีปโคมไฟทั้งในวัดวา อารามและบ้านเรือนทั่วไป ดังหลักฐานที่สืบค้น ไปในสมัยกรุงสุโขทัยพบว่า วิถีชีวิตของชาวเมือง สุโขทัยนั้นผูกพันกับพระพุทธศาสนาอย่างแนบแน่น ดังปรากฏข้อความอยู่ในดิลาจารึกหลักที่ ๒ หลาย แห่งด้วยกัน เช่น

     "พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ทั้ง ชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุน ทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้งผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วยมีศรัทธา ในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกขึ้น"

      "..วันเดือนดับ เดือนโอกแปดวัน วันเดือนเต็ม เดือนข้างแปดวัน ฝูงปู่ครูเถรมหาเถรขึ้นนั่งเหนือขะดารหิน สวดธรรมแก่อุบาสก ฝูงท่วยจำศีล" เป็นต้น

      ในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ปรากฏหลักฐานเช่นกันว่า พระมหากษัตริย์ทรง ให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก รัชสมัยของพระองค์ วันพระใหญ่อย่างวันวิสาขบูชาถูกกำหนดให้เป็นงานพระราชพิธีพระมหากษัตริย์ทรงเกณฑ์ข้าราชบริพารให้ร้อยดอกไม้มาแขวนประดับในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ให้ ประชาชนรักษาศีลโดยทั่วกัน ให้ชวนกันไปฟังเทศน์ และให้จุดประทีปโคมไฟทั้งในอารามและ ตามบ้านเรือนทั่วไป (จากหนังสือ เมืองแห่งผ้ากาสาวพัสตร์ ของพเยาว์ ศรีหงส์)

     แต่ปัจจุบันวันพระกลับถูกลดความสำคัญจากผู้คนในสังคม กลายเป็นเพียงวันทำอุโบสถกรรมของพระสงฆ์ โดยที่ฆราวาสเองขาดความ รู้สึกเข้าไปมีส่วนร่วมเหมือนดังเช่นในอดีต จะมีอยู่บ้างก็เฉพาะวันสำคัญทางศาสนาอย่างเช่นวัน มาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา ฯลฯ แต่ก็เป็นเพียงการมีส่วนร่วมในแง่ของประเพณีและ วัฒนธรรมเท่านั้นเอง

    ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมาช่วย กันรณรงค์ให้ชาวพุทธเห็นความสำคัญและเข้าใจถึงบทบาทที่พึงกระทำในวันพระ แต่ก็มีคำถามติดตามมาอีกว่า

       " แล้วใครล่ะจะเป็นผู้ลงมือทำก่อน?"


ชายผู้จุดประกายวันสว่าง
      ณ บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นโรงพิมพ์อยู่ที่ย่านบางคอแหลม เจ้าของบ้านหลังนั้นโต้สร้างความแปลกใจให้กับผู้คนในละแวกใกล้เคียง ด้วยการนำโต๊ะหมู่บูชาพร้อมพระพุทธรูป มาตั้งที่หน้าบ้านและจุดประทีปเป็นพุทธบูชาในยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังติดป้ายให้เห็นชัดเจนอีกว่า "วันนี้วันพระ" ทว่าสิ่งที่เขาได้ตั้งใจกระทำลงไป นั้น ภายหลังกลับนำมาซึ่งเสียงอนุโมทนาและชื่นชมเป็นอย่างมาก

      เจ้าของบ้านหลังนั้นคือกัลฯ พรเลิศ ตัณมานะธรรม ผู้ริเริ่มจุดประกาย วันพระวันสว่างให้กลับมาลู่ใจชาวโลกอีกครั้ง จากจุดเริ่มต้นที่ได้ฟังโอวาทอันทรงคุณค่าของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ที่อยากให้ลูกๆ ช่วยกันรณรงค์ให้คน หันกลับมาให้ความสำคัญกับวันพระ โดยเริ่มต้นจากการจุดประทีปเป็นพุทธบูชาในจุดเริ่มต้นแห่งการจุดประกายวันสว่างว่า

     "จากจุดเริ่มต้นที่หลวงพ่อท่านเคยบอกให้ เราจุดประทีปเอาไว้ที่หน้าบ้าน เพื่อรณรงค์ให้คนหันมาเห็นความสำคัญของวันพระ เหมือนกับสมัยก่อนที่เขาจะจุดเทียนไว้หน้าบ้าน เพื่อบอกว่าวันนี้เป็นวันพระ จะได้เตือนให้ลด ละ เลิก หรือระมัด ระวังในการทำสิ่งที่ไม่ดี แต่ผมก็มานึก เอ๊ะ...ถ้า เราจุดเทียนอย่างเดียว แล้วคนทั่วไปเขาจะรู้ไหม ว่าเราจุดเพื่ออะไร เขาอาจจะนึกว่าเราแก้บนหรือ
ทำพิธีอะไรหรือเปล่า เพราะหน้าบ้านเราก็เป็นบ้านกัลยาณมิตร

      ดังนั้น ผมจึงเกิดความคิดริเริ่มที่จะหาโต๊ะหมู่บูชามาตั้งไว้สำหรับวางพระพุทธรูป โต๊ะหมู่ ที่ใช้ผมก็เลือกแล้วเลือกอีก ไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป เพราะจะดูแล้วไม่ศักดิ์สิทธิ์ และให้ลูกน้องทำฐานสำหรับวางองค์พระขึ้นมา เมื่อวางองค์พระแล้ว จะพอเหมาะพอดี และผมก็เขียนป้ายตัวโตเห็น ชัดเจนติดไว้ที่โต๊ะหมู่ว่า "วันนี้วันพระ" เพื่อให้คนที่ผ่านมาเห็นจะได้เข้าใจถูกต้องว่า เราจุดเทียนเพื่อ บูชาพระในวันพระ"


พรุ่งนี้วันพระ
     กัลฯ พรเลิศ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ทดลองทำไปสักพัก ตนก็เกิดความคิดขึ้นมาอีกว่า ถ้าหากเราติดป้ายเฉพาะวันพระ บางคนที่เขาอยากทำความดี เช่นอยากจะตักบาตรในวันพระ แต่เตรียมตัวไม่พร้อม จะมัวไปหาซื้อของใส่บาตร ในเข้าวันนั้นก็ไม่ทันแล้ว เพราะต้องรีบไปทำงาน ดังนั้นเขาจึงคิดที่ทำอะไรบางอย่างขึ้นมา

     "ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ผมต้องคิดทำป้าย ขึ้นมาอีกอันหนึ่งคือ "พรุ่งนี้วันพระ" ปิดไว้ที่หน้า บ้านก่อนวันพระ 9 วัน เพื่อเตือนให้คนได้รู้ว่าพรุ่งนี้ จะถึงวันพระแล้วนะ วันนี้1ห้เตรียมดอกไม้ เตรียม ข้าวของที่จะใส่บาตร และเตรียมใจว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าขึ้นมา เพื่อใส่บาตรให้ทัน พอวันรุ่งขึ้นเป็นวันพระ ผมถึงจะนำพระพุทธรูปมาตั้งบนโต๊ะหมู่ อย่างที่บอกไปแล้ว และวางพานเอาไว้ด้วย เผื่อ ว่าใครอยากจะเอาดอกไม้มาบูชาพระ เพราะว่า คนที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ บางทีเขาก็ต้องเช่า ห้องเล็กๆ อยู่ ไม่มิโต๊ะหมู่ บางคนแม้พระพุทธรูป องค์เดียวยังไม่มีเลย ดังนั้นเขาก็เลยไม่สามารถ กราบพระหรือบูชาพระได้ ดีไม่ดีอาจไม่รู้ด้วยซํ้า ว่าวันนี้เป็นวันพระ ผมก็เลยเปิดโอกาสด้วยการ วางพานไวให้ และทำป้ายเล็กๆ บอกไว้ว่าวาง ดอกไม้ได้ที่นี่"


ผลลัพธ์ที่เกินควรเกินคาด
       "การทำอย่างนี้ ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้ หวังผลอะไรมาก แต่ที่ไหนได้ พอผ่านไปครึ่งวัน ผมออกไปทำธุระข้างนอก กลับมาเห็นมีพวงมาลัย มาวาง ๒ พวง โอ้โฮ....แลดงว่าสิ่งดีๆ ที่เราตั้งใจทำลงไปมันได้ผล พอช่วงบ่าย ผมเห็นแม่จูงลูก เดินผ่านมา แม่คงไปรับเด็กกลับมาจากโรงเรียน พอผ่านมาเห็นโต๊ะหมู่ที่หน้าบ้านของผม แม่ก็บอก ให้ลูกกราบพระ ลูกก็กราบ เป็นภาพที่น่าปลื้มปีติ สรุปว่า ในวันแรกนั้นมีพวงมาลัยมาวางบนพานถึง ๔ พวง

      หลังจากผ่านไป ๒ วัน ก็มีท่านสมาชิกสภากรุงเทพฯ ที่อยู่แถวบ้านผม เข้ามาในบ้าน ถามว่าคนของวัดพระธรรมกายทำแบบผมกันทุกคนหรือเปล่า เขาชมว่าเป็นความคิดที่ดีมากๆ ผมก็เลยบอกเขาไปว่า ความจริงแล้วคนสมัยก่อน เขาก็จุดเทียนหน้าบ้านกันในวันพระ เพื่อเตือนกันว่าวันนี้วันพระ จะได้ลด ละ เลิก ส.ก. ท่านนี้ก็ แสดงความชื่นชมเป็นอย่างมาก บอกว่าสิ่งที่เราทำไปสอดคล้องกับโครงการชวนคนไปวัดแถวบ้านในวันอาทิตย์ของเขา"


ขยายแสงสว่างนำทางกัลยาณมิตรใหม่
      "ผมขอฝากทิ้งท้าย ให้พวกเราทุกคนช่วยกัน ขยายแนวคิดของหลวงพ่อให้เป็นรูปธรรมกันทุกคนนะครับ อย่าไปกังวลว่าบ้านอยู่ในซอยเล็กๆ ทำไปก็ไม่มีคนเห็นหรอก แต่จริงๆ แล้วผมขอให้ทำเถอะครับ จะมีคนดูแค่ ๒ ราย หรือ ๓ รายก็ไม่เป็นไร หากเราทำกันทุกๆ คน ให้แผ่ขยายไปทั่วประเทศไทย ซึ่งตรงนี้เป็นโอกาสสำคัญ ที่พวกเราสามารถจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรด้วยการชักชวนผู้ที่มากราบพระ หรือนำดอกไม้มาบูชาพระ ให้ได้มีโอกาสในการทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะว่าบุคคลเหล่านั้นคือผู้มีบุญที่เดินเข้ามาหาพวกเราเอง โดยที่ไม่ ต้องเหนื่อยแรงออกไปตามหากพวกเราพร้อมใจกันทำกระแสแห่งการให้ความสำคัญกับวันพระเหมือนเช่นในอดีต ก็จะกลับคืนมา"

       ณ วันนี้ประทีปดวงแรกได้ถูกจุดขี้นแล้ว ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราเหล่ากัลยาณมิตรได้หันมาช่วยกันจุดความสว่างต่อๆ กันไปให้ทั่วทั้งผืนแผ่นดิน ไทย เพื่อสะกิดใจคนไทย ๖๐ กว่าล้านคนให้หันกลับมาสนใจวันพระ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ผ่องใส ด้วยการปฏิบัติ ธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน และให้วันพระ กลายเป็นวันสว่างของชาวโลก เป็นวันที่จะกระตุ้นเตือน คนทั้งโลกให้หันมาศึกษาความรู้ภายในอันลึกซึ้งที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนา สมกับสโลแกนที่เขียนไว้บนป้ายแผ่นนี้ว่า

        "วันนี้วันพระ ทำใจให้เข้าถึงพระในตัว" 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล