ฉบับที่ ๑๓ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖

สมาธิ...พลังสู่ความสำเร็จ

 


 

ส ม า ธิ ... พ ลั ง สู่ ค ว า ม สำ เ ร็ จ
>>> โดย 072

 


            ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเติมให้กับตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเติมถูกจุดตามหลักวิชชา คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ด้วยแล้ว

            ไม่ใช่แค่ความสุขจากสมาธิจะบังเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ความสำเร็จ และสิ่งดีๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่ชีวิตของบุคคลผู้นั้นด้วย

            ดังตัวอย่างการเติมความสุขของยอดกัลยาณมิตรทั้ง ๓ ท่าน ที่นำมาให้สัมผัสกันในฉบับนี้...

 


 

 

คุณกิตตะวัน วงศ์สุวรรณมาศ
กรรมการผู้จัดการ บ.เน็ตอินโนวา จก.

"ดึงดูดแต่สิ่งที่ดีมาสู่ชีวิต"

                         ผมเรียนจบทางด้านวิศวะฯ คอมพิวเตอร์ ในสังคมของคณะวิศวะสมัยนั้นมีความเชื่อว่า ต้องดื่มสุราถึงจะเจริญได้ คำว่าเจริญในที่นี้หมายถึงจะปกครองคนได้ เข้าสังคมได้นะครับ ตัวผมเองเดิมทีไม่ค่อยชอบดื่มอยู่แล้ว สองคือดื่มแล้วแพ้ มีอาการเป็นผื่นคัน ช่วงที่เรียนอยู่เป็นสังคมที่เรารู้สึกว่าปรับตัวได้ลำบาก แต่ก็ต้องฝืนไปดื่มบ้างตามวาระและโอกาสนะครับ ทั้งที่ใจจริงก็อยากจะหลีกเลี่ยง แม้กระทั่งตอนทำงานก็ยังต้องมาเจอสังคมอย่างนี้อีก มันทำให้ผมเริ่มอึดอัด เพราะดูเหมือนว่าเราไม่สามารถจะรอดพ้นจากวงจรนี้ไปได้

                         มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนที่สนิทและรักกันมาก นัดให้ไปเจอกัน แล้วเขาก็พยายามคะยั้นคะยอให้ดื่ม ผมก็ปฏิเสธไปว่า ไม่เอาดีกว่าวันนี้ ทำให้เพื่อนคนนั้นปรามาสผมอย่างรุนแรง เขาใช้คำพูด ทำนองว่า "ถ้าผมไม่ดื่มก็จะไม่มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานเลย" ผมก็เลยมาคิดว่า ถ้าหากต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมคงรับไม่ได้แล้ว ก็เลยคิดต่อไปอีกว่า ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่มีความ หวังที่อยากจะเจริญก้าวหน้ากับบริษัทใหญ่ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะถ้าอยู่ไปก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้อยู่ดี จึงตั้งความหวังไว้ลึกๆ ว่าสักวันเราจะต้องออกไปก่อตั้งบริษัทด้วยตัวเองให้ได้

                         ประมาณปีพ.ศ. ๒๕๔๑ ผมโชคดีได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรม ทำให้เริ่มรู้สึกว่า เราได้พบกับสังคมใหม่ที่ไม่จำเป็นจะต้องมีอบายมุขมาเป็นตัวเชื่อมสัมพันธไมตรี เริ่มพบว่า เออ..มันเป็นไปได้นะ สังคมที่เขาคบหากันด้วยไมตรีจิต อยู่กันด้วยศีลด้วยธรรมจริงๆ ทำให้ผมเริ่มมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น

                         จนกระทั่งปีพ.ศ. ๒๕๔๒ ผมมีโอกาสได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมต่อเนื่อง ๗ วัน ที่พนาวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่ ผมคิดว่าตรงนั้นเป็นจุดหักเหหลายๆ เรื่องในชีวิต พอกลับลงมาแล้วก็มีกำลังใจที่เข้มแข็งพอที่จะเลิกอย่างเด็ดขาด ผมคิดว่า ไม่แคร์แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราถ้าไม่ดื่ม แต่นานๆ ครั้ง ถ้าจำเป็นต้องไปตามมารยาท ก็จะนั่งกินกับแกล้มและดื่มโค้กอย่างเดียว ทำให้ช่วงหลังเขาก็ไม่อยากจะชวนเราแล้ว หลังจากนั้นชีวิตของผมก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งปีพ.ศ. ๒๕๔๓ ได้เริ่มมองเห็นโอกาสที่จะสามารถก่อตั้งบริษัทได้ ตอนนั้นถือว่าโชคดีมาก เพราะบุญช่วยดึงดูดให้มีคนมาช่วยสนับสนุน ทำให้บริษัทเกิดขึ้นมาได้ตามที่เคยฝันเอาไว้

                         นอกจากนี้ ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยผมได้มากคือการนั่งสมาธิ เพราะปกติผมเป็นคนที่ บางครั้งจริงจังแล้วก็เครียดกับงาน บางทีงานไม่เป็นไปตามแผนที่ต้องการก็เครียดมาก แล้วไม่รู้ว่าจะจัดการกับความเครียดอย่างไร บางครั้งก็ใช้วิธีเดินกลับไปกลับมา ทั้งที่สำนักงานบ้าง ที่บ้านบ้าง เชื่อไหมครับ บางทีผมเดินกลับไปกลับมาคนเดียว ตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตี ๒ ตี ๓ คือมันคิดไม่ออกแล้วยังไม่ยอมออกจากความคิด

                         แต่พอเรารู้จักการปฏิบัติธรรม พอคิดไม่ออก ก็ออกจากความคิดมานั่งสมาธิ แล้วก็จริงนะครับ วันรุ่งขึ้นหรือวันต่อๆ ไป บางครั้งความคิดดีๆ เกิดขึ้นมาได้ หรือไม่ก็เหตุการณ์หรือปัญหาบางอย่าง สามารถแก้ไขไปได้ด้วยตัวของมันเองอย่างไม่น่าเชื่อ ผมจึงอยากจะบอกว่า สมาธิมีประโยชน์มากจริงๆ นะครับ ๑. คือในแง่ของความสุขภายใน ทำให้มีกำลังใจเกิดขึ้นตามมา บางครั้งเราเจอภาวะปัญหาอะไรต่างๆ เราสับสนในชีวิตยังตัดสินใจอะไรไม่ถูก

                         การที่เราหยุดนิ่งสักระยะหนึ่งจะสามารถทำให้เรื่องราวต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นได้ ๒. คือสมาธิช่วยให้การตัดสินใจของเราถูกต้องขึ้น อย่างเช่น ความเชื่อที่ผมเคยโดนปลูกฝังมาว่า การดื่มสุราเป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่มาปฏิบัติธรรมแล้วพบว่ามันไม่ใช่ นอกจากนี้การตัดสินใจในหน้าที่การงานต่างๆ ยังช่วยให้ดีขึ้นด้วย

                         ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ผมรู้สึกโชคดีหลายเรื่องตรงที่ว่า อย่างที่หนึ่งคือลูกค้า ผมเองไม่เคยต้องไปเอนเตอร์เทน ไปดื่มเหล้ากับเขาเลย ต่างจากบริษัทเก่าที่เราเคยอยู่มานาน ที่เรามักจะเห็นว่า เวลาใครจะได้โครงการจากลูกค้าจะต้องไปดื่ม ไปสันทนาการกัน แต่เราโชคดีมากได้งานมาแต่ละครั้ง ไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้เลย

                         อย่างที่สองคือ ผมภูมิใจมากว่า น้องๆพนักงานในบริษัท เป็นพนักงานที่ไม่ดื่ม และไม่สูบบุหรี่ ซึ่งถือเป็นความโชคดีมากอีกเช่นกัน แรกๆ เราก็ชินครับ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอไปคุยให้บางคนฟัง เขาบอกว่าทำไมโชคดีอย่างนี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมนึกถึงคำๆ หนึ่ง ที่พระท่านมักพูดว่า

                         อายตนะมันดึงดูด เราจึงเริ่มเข้าใจ คนเราคบกันมันดึงดูดกันด้วยธาตุ ถ้าธาตุใกล้เคียงกัน ก็จะดึงเข้าหากัน คนดีดึงคนดีเข้าหากัน ขี้เมาดึงขี้เมาเข้าหาด้วยกัน

                         ผมอยากจะสรุปว่า การนั่งสมาธิให้ประโยชน์กับชีวิตของเราได้หลายอย่างจริงๆ ดังนั้นถ้ามีโอกาสจะต้องจัดสรรเวลาไปปฏิบัติธรรมให้ได้นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พนาวัฒน์ ๗ วัน แล้วทุกท่านจะได้รับสิ่งที่ดีกลับมาแน่นอนครับ...

 



คุณจุฑารัตน์ เริงหทัยธรรม
ผ.อ.กองบริหารฐานข้อมูล ทศท. คอร์ปอเรชั่น

ทาน ศีล ภาวนา พัฒนาคุณภาพชีวิต


                       เมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องธรรมะเลย เวลาที่เห็นหนังสือธรรมะแล้วจะนึกขำๆ ว่า หนังสือแบบนี้ใครเขาจะมาอ่านกัน และก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไรนัก แต่ได้มีโอกาสมาวัดครั้งแรก เพราะเพื่อนชวนมาในวันมาฆบูชาเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่ยังเวียนเทียนรอบโบสถ์อยู่เลย วันนั้นจำได้ว่าหลวงพ่อนำนั่งสมาธิด้วย ท่านมีวิธีสอนที่ง่ายมากเลย ให้หลับตานิ่งๆ ไม่ต้องคิดอะไร เราก็คิดในใจไม่ต้องคิดอะไรมันง่ายดีนะ ท่านบอกอีกว่า ถ้าฟุ้งก็นึกถึงดวงแก้วหรือองค์พระ ภาวนา สัมมา อะระหัง มีอะไรให้ดูก็ดูไป เออ..เราก็รู้สึกมันง่ายดีจริงๆ เลย

                       พอเสร็จพิธีก่อนกลับบ้าน เพื่อนก็มาขอร้องบอกให้ไปนั่งสมาธิต่อที่บ้านอีกสัก ๓ วันได้ไหม เราก็เลยรับปากว่า ได้ซิง่ายจะตาย นั่งเฉยๆ ไม่ต้องคิดอะไร และด้วยความที่เป็นคนมีสัจจะก็กลับไปนั่งต่อ ๓ วันจริงๆ วันแรกเห็นความสว่าง ทั้งที่นั่งแป๊บเดียวแต่มันเป็นสมาธิเร็วมาก วันที่สองก็นั่งอีกก็เห็นเป็นดวงกลมๆ ใสติดกลางท้อง เราก็คิดว่า เอ๊ะ... ตาฝาดไปรึเปล่า พอเอ๊ะแล้วก็เลยเลิกนั่ง พอวันที่สามคราวนี้ก็ได้เห็นธรรมะภายใน

                       นับจากนั้นมาความรู้สึกของเราก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย คำถามมันผุดขึ้นมาว่านี่หรือคือแก่นของสมาธิ จากนั้นก็ลงมือศึกษาว่าสมาธิคืออะไร ศาสนาพุทธคืออะไร ศึกษาไปเรื่อยๆ ก็สรุปว่าศาสนามันมีเยอะมาก ลัทธิมีเยอะมาก แล้วมาลงที่ว่า ศาสนาพุทธดีที่สุดเพราะมีเหตุมีผลก็ศึกษามาเรื่อยๆ ๑๑ ปี ระหว่างนั้นก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าศาสนาพุทธสอนให้คนทำความดีแล้วจะได้ดี เราเลยเข้าใจว่าที่เกิดมาจน เพราะเราไม่ค่อยทำทานเลย ที่บ้านก็ไม่ค่อยทำ ก็หันมาเริ่มทำทาน อีกอย่างตัวเองเป็นคนขี้โรคที่สุดในบ้าน ก็มาคิดได้ว่า เพราะเราชอบฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยพวกยุงหรือแมลงสาบมาตลอด จึงเลิกแล้วหันมารักษาศีลควบคู่ไปด้วย

                       จำได้ว่าตอนที่เข้าวัดใหม่ๆ ยังจนมากนะคะ แต่เพื่อนคนนั้นก็พยายามชวนให้เรารวย ชวนทำบุญชื้อที่ดินสองพันไร่ จำได้ว่าทำไปแค่ ๑๐ บาทเอง ปีหนึ่งเขาชวน ๓ ครั้งก็ทำไป ๓๐ บาท แต่พอเริ่มเข้าวัดได้ ๓ ปีแล้วจึงเริ่มอธิษฐานว่า ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าซื้อที่ดินสองพันไร่ ขอให้ข้าพเจ้ามีบ้านเป็นของตัวเอง ให้พอเหมาะพอสมกับฐานะ แล้วก็ได้มาอย่างเป็นอัศจรรย์


                       ภายหลังก็กล้าอธิษฐานต่อไปอีกว่า ขอให้ผ่อนบ้านหลังนั้นหมดเป็นอัศจรรย์ ซึ่งไม่น่าเชื่อเลย เพราะลำพังเงินเดือนของตัวเองตอนนั้นแค่ ๕,๐๐๐ บาท แต่ก็สามารถมีรายได้จากทางอื่นมาช่วยผ่อนให้หมดได้ภายใน ๒ ปีเท่านั้น ต่อมาเพื่อนก็สอนให้เอากระปุกมาตั้ง แล้วให้หมั่นทำทานให้ได้ทุกวัน ก็เอาสตางค์หยอดไปวันละบาทๆ ไม่ขาดเลยทุกวัน เพื่อนบอกอีกว่า หลวงพ่อทัตต- ชีโวสอนไว้ว่า เช้าใดยังไม่ทำทาน เช้านั้นอย่าพึ่งกินข้าว เช้าใดยังไม่ตั้งใจรักษาศีล เช้านั้นอย่าพึ่งออกจากบ้าน แล้วคืนใดยังไม่ได้นั่งสมาธิ คืนนั้นอย่าพึ่งนอน ก็ปรากฏว่าตัวเองทำได้ครบ นับจากนั้นมา จากที่มีเงินทำบุญแค่ ๑๐ บาท แต่เดี๋ยวนี้อยากทำเท่าไรก็ทำได้ ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ อธิษฐาน ให้ได้ทำบุญเป็นหลักพัน หลักหมื่น หลักแสน แล้วก็ถึงหลักล้าน ทั้งๆ ที่ก็ยังคงทำงานอยู่ที่ ทศท. เหมือนเดิม ไม่ได้มีกิจการส่วนตัวเหมือนคนอื่นๆ เลย

                       สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องทำใจสบายๆ แล้วนั่งสมาธิทุกวัน ทุกเช้าตัวเองจะนั่งสมาธิ ๑ ชั่วโมง ก่อนนอน ๑ ชั่วโมง ทำแค่นี้เอง ส่วนชีวิตการทำงานก็ก้าวหน้า ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็น ผู้อำนวยการกองอย่างเป็นอัศจรรย์อีก

                       ทำให้หลายคนแปลกใจมาก เพราะมีหลายท่านที่อาวุโสและมีขั้นสูงกว่าเรา แต่สุดท้ายเรากลับได้ตำแหน่งนี้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีงานพิเศษเข้ามาโดยที่เราไม่ต้องไปวิ่งหาเลย คือ ได้เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งมาก ที่เล่ามานี้ ไม่ใช่ว่าตัวเองเก่งนะคะ แต่จริงๆ แล้วเกิดจากบุญที่เราหมั่นสั่งสมมาอย่างแน่นอนค่ะ

                       นอกจากนี้ ทุกปีตัวเองจะหาเวลาไปนั่งสมาธิที่พนาวัฒน์อย่างน้อย ๑ ครั้ง ไปชาร์จความดี เพิ่มบุญให้ตัวเองค่ะ ไปแล้วกลับลงมาปรากฏว่าชีวิตตัวเองดีขึ้นอย่างรวดเร็วเริ่มจากนิสัยที่เคยแย่ก็ค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ ไปปีแรกก็ดีขึ้น แต่ผ่านไปเดือนเดียวก็กลับมาเหมือนเดิม พอไปปีที่สองก็ดีขึ้นมาสามเดือน ไปหลายปีเข้าเราก็ดีเพิ่มขึ้นเป็นหกเดือน เก้าเดือน จนเดี๋ยวนี้นิสัยที่ดีก็รักษาได้สม่ำเสมอ ส่วนนิสัยที่ไม่ดีคือ ความชี้เกียจ แล้วก็ใจร้อน จะค่อยๆ หายไป โดยเฉพาะใจร้อนหายไปหมดเลยค่ะ

                       เพราะฉะนั้น อยากจะเชิญชวนทุกท่านให้มีโอกาสได้รับความสุข ความสำเร็จในชีวิตเหมือนกับที่ตัวเองได้รับมา ด้วยการหมั่นทำทานรักษาศีล แล้วก็นั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง แล้ว่านจะพบว่าปัญหาทุกอย่างในชีวิตหายไปเลย ความทุกข์ไม่มี มันสบายใจ คือเราเห้นความทุกข์เหมือนกับมันมานั่งอยุ่ข้าง ๆ แต่เราไม่ยอมให้เขาามาในตัวเรา พอนึกออกใช่ไหมค่ะ ถ้าใจใสเสียอย่างจะเป็นอย่างนั้นเลยค่ะ..

 



คุณจีราภา ไทยานันท์
ผู้จัดการทั่วไป บ.กวิภัส โอเอ จำกัด

เติมภูมิคุ้มกันเพื่อครอบครัวที่อบอุ่น


                       เชื่อแน่ว่า ทุกคนอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นใช่ไหมค่ะ ถ้าเกิดว่า ครอบครัวนั้น ภรรยาหรือสามีเที่ยวแล้วกลับบ้านดึกบ่อยๆ ครอบครัวนั้นคงไม่มีความสุข แต่บังเอิญช่วงชีวิตหนึ่งของดิฉันเป็นอย่างนั้นค่ะ


                       เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ดิฉันเคยทำงานอยู่ที่ี่บริษัทแห่งหน่ง ซึ่งแปลกมาก คือจะมีฝรั่งมาเมืองไทย แล้วกลางคืนก็จะมีการเอนเตอร์เทนกันไม่เว้นแต่ละวัน ดิฉันทำหน้าที่ด้านการเงินเวลาจะไปเที่ยวกัน ฝ่ายบัญชีต้องไปจ่ายสตางค์ด้วย จะได้เอาใบเสร็จมาเคลียร์ ตอนแรกๆ ก็ปฎิเสธนะค่ะ เพราะว่าเราไม่ค่อยอยากจะไป แต่ เมื่อเราไปครั้งหนึ่งแล้ว เกิดติดใจ เพราะเราไปเห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น ไปกินในสิ่งที่ไม่เคยกินแต่เราไม่รู้เวยว่า สิ่ง่ที่ทำลงไปมันเหมือนกับยืนอยู่บนปากเหว ถ้าขืนยังทำต่อไป และไม่ได้มาเจอวัดพระธรรมกาย สักวันคงจะพลาดแน่ๆ เพราะสิ่งเหล่านั้นมันมีแต่ เรือ่ผิดศีลทั้งนั้นเลย

                       แต่เผอิญโชคดี มีอยู่ครั้งหนึ่ง รุ่นน้องซึ่งสมัยก่อนเขาอยุ่ชมรมพุทธศาสตร์ โทรศัพท์มาตามว่า พี่มีปฎิบัติธรรม ๗ วัน อยากให้ไป แรกๆ ก็บ่ายเบียง แต่ก็มีเหตุให้เราต้องไปจนได้ ทำให้ได้ไปปฎิบัติธรรมในสถานที่ที่เงียบสงบ และธรรมชาติสวยงาม การที่ได้อยุ่กับตัวเอง ๗ วันจึงได้คิดว่า สิ่งที่เราทำผ่านมายังไม่ถูกต้องและอีกอย่างหนึ่ง เราได้เห็นคนถือศีล ๘ โดยไม่ได้เป็นนักบวช หรือเป็นแม่ชี ประทับใจค่ะ คนที่ไปด้วยกันหลายร้อยคนรักษาศีล ๘ กันหมดเลยแล้วก็ตนั่งสมาธิกันเงียบกริบ ไม่น่าเชื่อว่า ภาพแบบนี้ยังมีอยุ่ในโลกนี้ สิ่งที่เห็นทำให้เรามีกำลังใจที่จะปฎิบัติตามหมู่คณะได้ทุกอย่าง

                       หลังจากนั้น พอกลับลงมาก็สำนึกเลยว่า เราเคยเที่ยวเตร่ เป็นภรรยาที่ไม่สมบูรณ๋ เป็นแม่ที่ไม่สมบูรณ์ พอลงมาก็กราบเท้าสามีเลย นึกใจใจขอโทษเขา สามีก็งงมากว่าทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ตั้งแต่นั้นมา เราก็เริ่มไปวัด ก็จูงลูกไปวัดด้วยบอกกับลูกว่า ในเมื่อสังคมข้างนอกไม่มีตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เราก็อยากจะให้ลูกดูตัวอย่างที่ดีจากในวัด โดยที่เราไม่รู้ว่า การที่พาลูกไปวัดตั้งแต่เล็กๆ มันเป็นประโยชน์กับเรา ณ ปัจจุบันนี้เพราะว่า เมื่อ ๓ ปีที่แล้ว มีเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นมาก ..


                        มีอยู่วันหนึ่ง ลูกสาวคนโตซึ่งตอนนั้นเรียนอยุ่ ม.๔ กลับบ้านแล้วมานั่งร้องไห้ พอเห็นแม่กลับบ้านมา ลูกสาวก็วิ่งเข้ามากอดร้องไห้โฮๆ ๆ แล้วก็บอก แม่ หนูมีความรู้สึกว่าหนูผิดจังเลยเราก็ตกใจ มีเรื่องอะไรลูก เราก็ถามเขา แล้วค่อยๆ ปลอบเขาให้ได้สติ เขาบอกว่า หนูมีความรู้สึกผิดกับแม่ หนุแอบหนีแม่ไปเที่ยวมา พอได้ยินอย่างนี้เราก็ตกใจ เพราะเราก็อ่านข่าวใช่ไหมค่ะว่า มีทั้งยาบ้าย ยาอี ก็ถามลูกไปเสพยาเสพติดหรือเปล่ามีเรื่องผู้ชายหรือเปล่า เขาก็บอกว่า ไม่มี แอบหนีเที่ยวอย่างเดียว แต่เขามีความรู้สึกว่าไม่สบายใจ เพราะรู้สึกเหมือนโกหกแม่ที่แอบหนีไปเที่ยว เราบอกว่า มีเรื่องวเดียวใช่ไหม เขาก็บอกว่าใช่ เอาอย่างนี้ หนูเข้าไปในห้องพระ หรือหนูไปนั่งสมาธิที่ไหนก็ได้ ๑ ชม. แล้วเรามาคุยกัน

                       พอหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ลูกสาวก็ล้างหน้าลางตามาอย่างดี มาบอกว่า แม่.. หนูคิดได้แล้วล่ะ ว่าหนูไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไร หนูก็อยู่ของหนูอย่างนี้ไป ถ้าเกิดเพื่อนไม่คบหนู หนูก็ไม่คบเขาทำให้เราทราบว่าที่เขาต้องทำอย่างนั้น เพราะสภาพแวดล้อมในโรงเรียน ถ้าไม่ยอมหนีเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนก็จะไม่คบด้วย

                       อยากจะบอกกับผู้ปกครองทุกท่านว่า ถ้าคุณมีลูกที่เป็นวัยรุ่นแล้ว เขาจะไม่ค่อยฟังเราเพราะเขาติดเพื่อน แต่ตอนที่ลูกยังเล็กๆ เขายังฟังเราอยุ่ ให้พาลูกไปดูแบบอย่างดีๆ ที่วัดเถอะค่ะ ให้เขาได้มีโอกาสปฎิบัติธรรม ที่วัดก็มีโครงการยุวกัลายาณมิตร พอไปปฎิบัติธรรม ๗ วัน หรือ ๑๕ วัน ดิฉันส่งเขาไปทุกปี จนเขาไม่รับ เพราะโตแล้ว แต่สิ่งดี ๆ จะปลูกฝังอยู่ในใจเขา ซึ่งเป็นเหมือนวัคซีนที่เราค่อย ๆ ให้เขาที่ละนิดๆ แล้วมันจะเป็นภูมิคุ้มกันเขา ในการที่จะคบเพื่อนทำให้ลูกเราไม่ไปเกเรอย่างเพื่อนคนอื่นๆ

                       อีกเรืองหนึ่งค่ะ มีเด็กผู้หญิง คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของลูกสาวตอนนั้น เป็นลูกคนมีเงิน แล้วแม่เขาทำบัตรเครดิตให้ เราถึงได้ทราบว่าเขาไปเที่ยวกันได้เพราะอะไร เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้รูดการ์ดให้ จะไปกินไปเที่ยวที่ไหน เด็กคนนี้จะไปด้วยปรากฎว่าเด็กคนนี้ผิดพลาดไปมีความสัมพันธ์ทที่ไม่สมควรกับเพื่อนชายในโรงเรียน ต่อมาไม่นานพ่อแม่ของเขาก็ให้ออกจากโรงเรียน โดยพยายามให้เรียนการศึกษานอกโรงเรียนแทน แต่ปรากฎว่าเด็กคนนี้เรียนต่อไม่ได้ เพราะอะไรรู้ไหมค่ะเพราะตั้งครรภ์และเพิ่งคลอดลูกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง

                       ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดานะค่ะ ที่พ่อแม่ทุกคนจะนิ่งนอนใจ ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองสังคมภายนอกมันแรงนะค่ะ เราต้องพาลูกไปหาแบบอย่างที่ดี จึงอยากเรียนเชิญ คุณพ่อ คุณแม่และเด็กๆ ทุกคนที่ทำกำลังเติบโตเป็นคนดีของสังคมให้ได้มีโอกาสไปปฎิบัติธรรม ๓ วัน หรือ ๗ วันก็ได้นะค่ะ เพื่อให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวที่มีแต่ความอบอุ่นค่ะ..

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล