ฉบับที่ ๒๕ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗

Look...ใหม่ ของคนทำสื่อมวลชน โดย : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์

 

สัมภาษณ์พิเศษ : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์


               ศิริพร วุฒิทวี บรรณาธิการข่าวศึกษา สาธารณสุข ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ประจำสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และเธอยังเป็นนักจัดรายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 96 MHz ทุกวันจันทร์ถึงวันพุธเวลา ๒๒.๐๐-๒๔.๐๐ นาฬิกา

               " ..ได้เริ่มทำงานตั้งแต่ขณะเรียนอยู่ปี ๔ เทอมสุดท้ายแล้ว ตอนนั้นรับงานดีเจวิทยุ รายการ จ๊อกกิ้งวิสนิวส์ ของบริษัทสามอนงค์ แอดเวอร์ไทซิ่ง หลังจากเรียนจบจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชน สาขาวิทยุและโทรทัศน์ ก็ได้มาทำงานเป็นผู้อ่านข่าวต้นชั่วโมง ของ FM 88 สไมล์เรดิโอ คลื่นสุดท้ายซ้ายสุด ซึ่งเป็นคลื่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงปี ๒๕๓๓-๒๕๓๕"

               นี่คือจุดเริ่มต้นผลงานในชีวิต เธอเป็นผู้หญิงเก่ง เชื่อมั่น กล้าคิด กล้าทำ และผลักดันตัวเองเข้ามาในสาขาโทรทัศน์ เป็นผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าวให้สถานี
ไทยสกายเคเบิลทีวี จนได้มีโอกาสเข้ามาสู่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

               "เริ่มงานที่ช่อง 7 ในฐานะผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่จะรับผิดชอบดูแลงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม จนได้เลื่อนมาเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจ และบรรณาธิการข่าวภาคเช้า จนกระทั่งจบปริญญาโท จึงย้ายมาเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวสังคม และเลื่อนเป็นบรรณาธิการข่าวศึกษา สาธารณสุข วัฒนธรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบัน"

               ไม่ง่ายเลย กว่าใครสักคน จะประสบความสำเร็จในสายอาชีพที่ตนเองชอบและรัก แต่เธอทำได้และทำได้ดี และเนื่องด้วยอาชีพนี้เช่นกันทำให้เธอได้ ก้าวเข้าสู่วัดพระธรรมกาย
เธอมาวัด..ท่ามกลางบรรยากาศซีเรียส จริงจัง เพราะเป็นช่วงที่วัดโดนโจมตีอย่างหนัก ทางโทรทัศน์ วิทยุ และหน้าหนังสือพิมพ์ อย่างต่อเนื่อง และเธอก็มาเพื่อจะมาทำงานของเธอ คือ ทำข่าวเพื่อนำเสนอ...

               "ช่วงวัดเป็นข่าว ในฐานะนักข่าวก็ต้องมาทำข่าวที่วัด ซึ่งเป็นธรรมดาย่อมต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง บรรยากาศเหมือนเราโกรธกับคนวัด ซึ่งตัวเองก็มีการปะทะกับคนวัดบ้าง จนเขาต้องเอ่ยปากกับเราว่า คุณพี่มารบกวนการทำงานของพวกหนูทำไม เราไม่เคยเจอกันมาก่อน ทำไมเราต้องมาเกลียดกันด้วย

               ..ต้องยอมรับว่า ตัวเองหาข่าวได้ค่อนข้างยาก จึงถอยตัวเองออกมาตั้งหลักใหม่ นึกถึงสมัยที่เคยเป็นนักข่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีโอกาสติดตามทำข่าวกับท่านอธิบดีกรมป่าไม้ ผ่อง เล่งอี้หรืออาผ่อง ซึ่งนักข่าวจะตั้งฉายาให้ท่านว่า สาวกเอกวัดพระธรรมกาย ตอนนั้นคิดขึ้นมาทันทีเลยว่า คนระดับอธิบดี คงต้องมีคำอรรถาธิบายให้ฟังได้ว่า ทำไมท่านถึงศรัทธาวัด ซึ่งการทำความจริงให้ปรากฏเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชน..."

               บรรยากาศเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางกระแสการโจมตีอย่างหนักหน่วง อย่างไม่ซ้ำข้อกล่าวหา เธอจึงรู้สึกว่าเพื่อความยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา จึงพยายามเสนอข่าวทั้ง ๒ ด้าน ทั้งในส่วนของผู้กล่าวหา และของวัดพระธรรมกาย

               "การทำความเป็นจริงให้ปรากฏเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดี ด้วยมโนปณิธานที่มุ่งมั่น จึงได้โทร.ไปหาท่านอธิบดีผ่อง ท่านก็กรุณาให้ทีมงาน ข่าว 7 สีไปคุยที่บ้าน หลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์อาผ่องได้นัดให้ไปวัดพระธรรมกายกับท่าน เพื่อไปพิสูจน์จากของจริง ไปนั่งสมาธิร่วมกับท่าน แต่ตอนแรกๆ นั่งสมาธิยังไม่ดี ใจมันวอกแวก ใจมันสับสนแบ่งเป็นสองทาง ต้องคอยถามตัวเองว่า เราจะมาหาข่าวหรือมานั่งสมาธิกันแน่..."
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลางาน เธอได้มาทำข่าววัดอย่างต่อเนื่อง และเจาะลึกกว่าทุกช่องที่นำเสนอ เพราะช่อง 7 เป็นช่องเดียวที่ได้ นำเสนอภาพกิจกรรมในลักษณะใกล้ชิด

               "..ตอนนั้นได้สัมภาษณ์พระสงฆ์ จนทำให้ผู้ใหญ่ในสถานีถามเราว่า ทำไมทำข่าวได้เจาะลึกนัก แต่ก็ไม่ได้สั่งห้ามอะไร จากนั้นจึงได้เกาะติดสถานการณ์กับข่าววัด และมีโอกาสได้ไปรายงานข่าวโดยเป็นผู้ประกาศข่าว รายงานสดจากรถถ่ายทอดสดเข้ามาในช่วงข่าวเด็ดของสถานี"
ด้วยใจที่เป็นกลาง ประกอบกับความมุ่งมั่นในปณิธานในสายอาชีพ ที่เธอคิดว่าความจริงย่อมมีค่า กว่าสิ่งอื่นใด ทำให้เธอเปิดใจรับวัดในฐานะสาธุชนคนหนึ่ง และเธอก็พบว่า

               "..ตัวเองเป็นนักข่าวก็จริง แต่มาทำข่าวที่วัดไม่ได้มีใจคิดจะมาจับผิด เพื่อให้พาดหัวข่าวแล้วมีคนมาสนใจข่าวมากๆ โดยไม่สนใจถึงความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้น มาที่นี่รู้ดีว่าพระสงฆ์ถือศีล ๒๒๗ ข้อ ท่านมีศีลมากกว่าฆราวาสอย่างเรา จึงระมัดระวังกิริยาวาจาใจอยู่เสมอ พอมาสัมผัสที่นี่บ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่า ขนาดวัดโดนโจมตีมากและต่อเนื่องขนาดนี้ ถ้าวัดพระธรรมกายไม่ดีจริง ทำไมคนถึงได้สวมชุดขาวมาวัดกันแน่นขนัดขนาดนี้ แปลว่าที่นี่ต้องมีอะไรดีแน่ๆ ตอนนั้นใจเปิดจึงเริ่มมาวัดปฏิบัติธรรมในฐานะสาธุชนคนหนึ่ง


               ..พอได้เข้าวัดเรื่อยๆ ทำให้มีความเข้าใจวัดพระธรรมกายมากขึ้น จึงทำให้ความคิดเรา เปลี่ยนไป กลับซาบซึ้งในมโนปณิธานมุ่งมั่นของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ที่จะสร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ทำให้ที่นี่มีพุทธศาสนิกชนที่เข้าใจเรื่องการทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา รู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อสร้างบารมี เพื่อสั่งสมบุญ ทำพระนิพพานให้แจ้งไม่ควรปล่อยชีวิตทิ้งไปวันๆ อย่างเปล่าประโยชน์ หรือหมกมุ่นอยู่แต่การหาเลี้ยงชีพจนลืมงานสำคัญของชีวิต คืองานสร้างบุญบารมี ที่จะเป็นเสบียงติดตัวไปทุกภพทุกชาติ ดังนั้น หากคนในสังคมไทยได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม และวัดแต่ละวัดมีความเข้มแข็ง มีพระมีบุคลากร และสาธุชนที่มีความสมัครสมานสามัคคีเป็นกัลยาณมิตรให้กันและกัน เช่นวัดพระธรรมกายแล้ว เชื่อว่าจะช่วยให้ชาวพุทธเข้าวัดกันมากขึ้น มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะในกลุ่ม คนทำงาน วันหยุดสำคัญทางพระพุทธศาสนา แทนที่จะนัดหมายกันไปเที่ยวหรือช้อบปิ้ง ก็ควรทำความเข้าใจว่าที่ราชการให้หยุด เพื่อหยุดมาปฏิบัติธรรมไม่ใช่หยุดเพื่อท่องเที่ยวหรือช้อปปิ้งเช่นที่คนส่วนใหญ่เข้าใจในปัจจุบัน"

               ในฐานะที่เธอเป็นสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำข่าวช่วงที่วัดพระธรรมกายถูกโจมตี เธอคิดว่า

               "สื่อมวลชนก็คือ คนที่มารวมตัวกันอยู่เป็นองค์กร มีหน้าที่แสวงหาข่าวสาร ทั้งเพื่ออาชีพและเพื่อจรรยาบรรณสื่อมวลชน ควรมีจริยธรรมในการนำเสนอข่าวสาร แต่ก็ต้องยอมรับว่าสื่อบางสื่อนิยมพาดหัวข่าวหวือหวาใส่สีสันมากเกินไป และเสนอข่าวด้านเดียวใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไป ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อมูลมากเพียงพอ คนในแวดวงสื่อ หากเจอข่าวของเพื่อนสื่อก็จะมาตำหนิกันเองก็มี หรือได้รับการตักเตือนจากสมาคมวิชาชีพด้านสื่อ ในส่วนของข่าววัดพระธรรมกายเช่นกัน สื่อหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่โต จาบจ้วงหลวงพ่อ แต่เมื่อโดนฟ้องหมิ่นประมาท กลับลงขอขมาในหน้าใน ทำให้ยังมีคนไม่เข้าใจวัดอยู่อีก จริงๆ แล้วอยากให้มีกฎหมายด้านหมิ่นประมาทออกมาว่าหากขอขมา ควรลงหน้าหนึ่งพาดหัวข่าวเช่นเดียวกับที่เคยจาบจ้วงไว้ ต้องยอมรับว่าสื่อไทยมีเสรีภาพมากที่สุดในโลก


               ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนคำนึงถึงจริยธรรม ในการนำเสนอข่าวสารให้สมกับเป็น องค์กรวิชาชีพ
เพราะสื่อมวลชนมีศักยภาพทางสังคมได้ดี จึงควรเน้นในเรื่องการพัฒนาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้สมกับที่ได้เกิดมาทำวิชาชีพสื่อ ที่ได้รับการยกย่องเป็นฐานันดร ๔ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีในวิชาชีพของตน"
              


               หลังจากที่เธอเข้าวัดพระธรรมกายเธอมีการเปลี่ยนแปลงของชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ติดจานดาวธรรมที่บ้าน และดูทุกวัน
" ดาวธรรมจึงเป็นคำตอบของชีวิตเหมือนยกวัดมาไว้ที่บ้าน เพราะรายการมีหลากหลายและจัดทำรายการได้ดี มีภาพกราฟฟิกประกอบชัดเจน ยิ่งช่วงอนุบาลฝันในฝันฯ แม้ตนเองจะไม่ได้ดูช่วงถ่ายทอดสด
เพราะต้องไปทำงานจัดรายการวิทยุ แต่ก็จะกลับมาเปิดดาวธรรมดูช่วงทบทวนทุกวัน หากขาดไม่ได้ดู หรือฝนตก จะรู้สึกเหงาต้องดูVCD ธรรมะของวัดแทน และผู้ที่ได้ติดตั้งดาวธรรมจะทำให้ได้รับหลักธรรมคำสั่งสอน สามารถเข้าใจกฎแห่งกรรม มีความเข้าใจ เรื่องราวของชีวิตดีขึ้น รู้ว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร และจะกลัวบาป เกรงกรรม เข้าใจผลแห่งการทำกรรมดี เข้าใจผลร้ายและวิบากกรรมที่จะติดตามตัว ไปทุกภพ ทุกชาติ ต้องตกนรกเสวยผลกรรม เมื่อดูทำให้ซึมซับธรรมะไปเรื่อยๆ แล้วหล่อหลอมให้คนทุกคนกลายเป็นคนดี ไม่รังแกทำร้ายกัน รักษาศีล บริจาคทาน และปฏิบัติสมาธิกันเพิ่มมากขึ้น"

               หากกาลเวลาเปลี่ยนไป ทำให้ใจคนเปลี่ยนแปลง ก็ไม่แปลก ที่เธอจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

               "สิ่งที่เปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนกับตัวเองคือ ตอนนี้มีความสุข สงบมากขึ้น เข้าใจตัวเอง และเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น มุ่งหวังให้ทุกคนเข้าใจวัดพระธรรมกาย ส่วนในเรื่องนิสัยใจคอ เมื่อได้รับชมรายการธรรมะบ่อยๆ จากจานดาวธรรมช่องDMCทำให้เข้าใจความจริงของชีวิต ตอนนี้นิสัยใจคอเลยเยือกเย็นขึ้น ไม่เป็นคนขี้โกรธ อดทนต่อการกระทบกระทั่งได้มากขึ้น และพยายามแผ่เมตตา ให้แก่คนตลอดจนสรรพสัตว์ตลอด อยากจะสั่งสมบุญไปเรื่อย สะสมบุญไว้ทุกๆ วันไม่ให้ขาดเพื่อที่ว่าเวลาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อถามในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน ว่าใครสั่งสมบุญทุกวันบ้างจะได้มีสิทธิยกมือตามได้ สำหรับคน ในครอบครัว ก็ชอบที่จะดูรายการดาวธรรม โดยเฉพาะช่วงCASE STUDY คุณแม่จะชอบดู หลานสาวก็จะให้หัดร้องเพลงจานดาวธรรม น้องพิงค์ หลานสาว จะร้องเพลงท่อนแรกของเพลงดาวธรรมได้ ส่วนเด็กที่เลี้ยงหลาน ก็จะชอบดูโดยเฉพาะช่วงที่มีภาษาลาวกำกับไว้จะชอบดูเป็นพิเศษ และรักพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อพูดถึงชาวลาวในแง่มุมที่ดี และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่างสองฝั่งโขง

               ทุกวันนี้เธอได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรชวนเพื่อน และคนรอบข้างให้ติดจานดาวธรรม เพราะเธอเห็นประโยชน์
และผลดีที่เกิดขึ้นกับชีวิตส่วนตัวและครอบครัวเธอ

               "ปัจจุบันทำหน้าที่กัลยาณมิตรควบคู่ไปกับการทำงานด้วย ชวนเพื่อนติดจานดาวธรรม แนะนำถึงวิธีปฏิบัติสมาธิ ส่งหนังสืออยู่ในบุญของวัดให้เพื่อน แต่สิ่งที่สำคัญ คือ การปฏิบัติตัวของเรา ต้องเป็นต้นแบบให้ได้ ให้คนใกล้ชิดสัมผัสได้ว่า            

               เมื่อมาวัดแล้วต้องปฏิบัติตัวให้ดีขึ้น ไม่มีนิสัยช่างนินทาว่าร้ายผู้อื่น ครองตนให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน"
ทุกวันนี้เธอคือ สื่อมวลชนที่มี Look...ใหม่ หรือมุมมองใหม่ของชีวิต และได้นำความเป็นสื่อมวลชนของเธอ มาใช้งานในพระพุทธศาสนา

               "..คิดว่าจานดาวธรรม สื่อสีขาวเป็นสื่อดีมากๆ เมื่อเราคิดว่าสิ่งใดดี เราก็อยากจะขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันปลื้มมากที่ได้มีโอกาสมาเป็น พรีเซนเตอร์โครงการจานดาวธรรม สื่อสีขาวที่สร้างความเข้าใจด้านพระศาสนา ด้วยการเป็นพิธีกรข่าวรายการรอบรู้ทันข่าว ออกอากาศที่ช่องDMC ทุกวันอาทิตย์ ๒๑.๓๐-๒๒.๐๐น. และทบทวน อีกครั้งในช่วงวันจันทร์ ๑๐.๐๐-๑๐.๓๐น. คิดว่านี่เป็นบุญของเราแท้ๆ เวลาเดินไปไหนมาไหนที่สภาธรรมกายสากลก็มีสาธุชนมาร่วมอนุโมทนา ก็ขอแบ่งบุญให้ทุกท่านๆ ด้วยนะคะ และที่ประทับใจที่สุด อีกอย่างคือได้มีโอกาสกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่าจะเป็นผู้ช่วยสร้างให้คนเข้าใจวัด ท่านตอบกลับมาว่า หลวงพ่อห่วงเรา กลัวว่าจะมีคนไม่ชอบ เพราะมาช่วยหลวงพ่อ ฟังแล้วยิ่งรู้สึกซาบซึ้งพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากขึ้น ทำให้ได้กลับมองย้อนไปว่า สิ่งที่ท่านทำเพื่อชาวโลก ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จนมีหลายคนไม่เข้าใจ จึงทำให้มีอุปสรรคในการขยายงานพระพุทธศาสนา ท่านทำสิ่งที่ยากถึงเพียงนี้ ท่านหนักกว่าเรามาก ในเมื่อท่านทำในสิ่งที่ดีที่สุด และเราได้มีส่วนร่วมในการทำสิ่งที่ดีที่สุดด้วยคนแล้ว ย่อมเป็น การดีที่สุดสำหรับตัวเราเช่นกัน จึงอยากให้ ทุกๆ คนเข้าใจตรงจุดนี้ อยากให้มาช่วยกัน ทำสิ่งดีงาม ทำสันติสุขให้เกิดขึ้นกับชาวโลก ไปพร้อมๆ กันดีกว่า โดยเฉพาะ สื่อสีขาว จานดาวธรรม ช่องDMC เป็นสื่อที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา สังคมได้อย่างแท้จริง..."

               คุณศิริพร เธอคือสื่อมวลชน ที่ไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด แต่เธอคือ Look ใหม่ของสื่อมวลชน ที่เปิดกว้างยอมรับความจริง และหันมาทำความเข้าใจในการสร้างบุญ และขยายสิ่งที่ดีไปสู่ชาวโลก เพื่อให้โลกพบสันติสุขที่แท้จริง...

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล