ฉบับที่ ๓๐ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘

หล่อองค์พระปฏิมา สมปรารถนาทุกภพทุกชาติ

 

โดย : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต (ป.ธ.๙)



            มีธรรมภาษิตที่ปรากฏในปีตวิมานวัตถุว่า
            "แม้พระตถาคตจะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำเสมอ ผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบ สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการบูชาในพระตถาคตเหล่าใดไว้แล้วย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ"

             เป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงมีพระชนม์อยู่หรือดับขันธปรินิพพานแล้วก็ตาม หากบุคคลมีจิตเลื่อมใสเสมอเหมือนกับที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ผลบุญนั้นไม่แตกต่างกัน เพราะพระพุทธเจ้าทรงมีอานุภาพอันไม่มีประมาณ ดังนั้นก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธองค์จึงตรัสบอกถึงสถานที่ที่ควรเคารพบูชา และเป็นทางมาแห่งมหากุศล ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีปรากฏอยู่ที่ประเทศอินเดียและเนปาล สาธุชนจากต่างประเทศทั่วโลก ผู้เลื่อมใสในพระพุทธองค์ ต่างก็เดินทางหลั่งไหลไป แสวงบุญ เพื่อสักการบูชาสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง คือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม และปรินิพพาน บ้างก็ไปสวดมนต์นั่งสมาธิ บ้างก็ไปเดินเวียนประทักษิณ เพื่อระลึกนึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมศาสดา

             ในอดีต มีพระดาบสผู้มีตบะแก่กล้าตนหนึ่ง ชื่อนารทะ เป็นผู้ทรงอภิญญาสมาบัติ มีลูกศิษย์เป็นชฎิลคอยอุปัฏฐากบำรุง ให้ความเคารพสักการบูชามากถึง ๔ หมื่น ตัวท่านเองมาคิดว่า มหาชนพากันมาบูชาเรา แต่เราไม่ได้บูชาสิ่งใด เป็นการไม่สมควรเลย ผู้ที่จะว่ากล่าวสั่งสอนก็ไม่มี เราเป็นคนไม่มีอุปัชฌาย์อาจารย์ เป็นคนอนาถาไร้ที่พึ่งที่ระลึก ดังนั้นการอยู่ในป่าของเราก็ไร้ประโยชน์ จึงมานั่งใคร่ครวญดูว่า เราควรที่จะมีอุปัชฌาย์อาจารย์ ควรแสวงหาบุคคลที่เราควรเคารพบูชา ชีวิตจึงจะมีคุณค่า การอยู่ป่าก็จะไม่เปล่าประโยชน์

             เนื่องจากเป็นผู้ทรงอภิญญา มีปัญญามาก สามารถระลึกชาติได้ถึง ๔๐ กัป จึงระลึกชาติย้อนหลังไปดูก็ได้พบผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเกิดความปีติเลื่อมใส ดีใจว่า เราได้พบอาจารย์ผู้เป็นที่สักการบูชาแล้ว ในที่ไม่ไกลจากอาศรมของท่านมีแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งมีชายหาดที่ราบเรียบ สวยงาม น่ารื่นรมย์ใจ เต็มไปด้วยทรายที่ขาวสะอาด ท่านจึงไปที่หาดทรายนั้น ตะล่อมเอาทรายมาก่อเป็นเจดีย์ทรายขึ้น เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อก่อพระเจดีย์เสร็จแล้วก็หุ้มปิดด้วยแผ่นทองคำ กลายเป็นเจดีย์ทองที่สูงค่า แล้วก็นำดอกกระดึงทองมา ๓,๐๐๐ ดอก กระทำการบูชาที่เจดีย์นั้น เกิดความอิ่มเอิบ เบิกบานใจ ได้ประณมมือไหว้ทั้งในเวลาเช้าและเวลาเย็น โดยมีจิตเคารพเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดุจว่ากระทำการบูชาต่อเบื้องพระพักตร์ คราวใดที่เกิดกิเลส นึกถึงกามารมณ์ ท่านก็จะมองไปที่พระเจดีย์นั้น นึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วกล่าวสอนตนว่า "ท่านควรระวังกิเลสไว้ ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ การปล่อยให้กิเลสเกิดขึ้นไม่สมควรแก่ท่านเลย"

             เมื่อท่านนึกถึงพระเจดีย์ทรายก็เกิดความเคารพขึ้นมาพร้อมกับกล่าวสอนตนอยู่อย่างนั้น ความนึกคิดที่น่ารังเกียจก็ระงับไป ความเลื่อมใสเข้ามาแทนที่ ท่านบูชาพระเจดีย์ มีพุทธานุสติเป็นอารมณ์อยู่อย่างนั้นทุกค่ำเช้า จนตลอดชีวิต เมื่อละโลกแล้วได้ไปบังเกิดในพรหมโลก เสวยพรหมสมบัติ มีความสุขอยู่ในฌานสมาบัติตลอดกาลนาน

             เมื่อสิ้นอายุขัยของพรหมแล้วก็ได้ เลื่อนลงมาเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นท้าวสักกะจอมเทพอีกยาวนานถึง ๘๐ ครั้ง หมดบุญจากสวรรค์มาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิถึง ๓๐๐ ครั้ง และได้เป็นพระราชาธรรมดาอีกนับครั้งไม่ถ้วน เพราะผลแห่งการก่อพระเจดีย์ทราย และทำการบูชาด้วยดอกกระดึงทองนั้น จะไปเกิดในที่ไหนก็มีผิวกายละเอียดงดงามดังทอง ฝุ่นละอองไม่จับผิวกาย ภพชาติสุดท้ายในสมัยพุทธกาลได้มาเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล มีโภคสมบัติมาก ได้เห็นมารดาบิดานำสถูปทองออกมาบูชาโดยมุ่งตรงต่อพระบรมศาสดาทุกวัน จึงนึกถึงเจดีย์ทรายหุ้มทองในอดีตของตนได้ จึงออกบวชเป็นสามเณรอยู่กับพระสารีบุตรเถระ เนื่องจากเคยมีพุทธคุณเป็นอารมณ์อยู่แล้ว เมื่อเจริญภาวนานั่งเพียงแค่ครั้งเดียว ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ

             เราจะเห็นว่า ในยุคนี้ พวกเราทุกคนก็สามารถสั่งสมบุญเหมือนอย่างอดีตชาติของสามเณร อรหันต์องค์นี้ได้ คือเราสามารถสร้างองค์พระซึ่งมีพุทธลักษณะงดงามประดิษฐาน ณ พระมหาธรรมกายเจดีย์เพื่อเป็นที่สักการบูชาของมนุษย์และเทวดา เมื่อตัวเราและสาธุชนไปกราบไหว้ด้วยจิตที่เลื่อมใส จะได้อานิสงส์เหมือนกัน ดังพุทธพจน์ที่กล่าวว่า "ชนเหล่าใดเที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสในพระตถาคต ครั้นทำกาละแล้ว ชนเหล่านั้นทั้งหมดจักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์"

             เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้ตระหนักถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของท่าน จึงควรบูชาพระคุณของท่าน ด้วยการสร้างพระพุทธรูปเอาไว้ให้มนุษย์และเทวดาได้สักการบูชา อย่างน้อยก็หนึ่งองค์ แต่ยิ่งสร้างมากองค์ บุญก็ยิ่งทับทวี ยิ่งได้สร้างประดิษฐานไว้ที่พระมหาธรรมกายเจดีย์ บุญที่ได้ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมากมายแค่ไหน เพราะเป็นจุดศูนย์กลางที่สักการบูชาของชาวพุทธทั่วโลก และมีอายุยาวนานนับพันปีอีกด้วย แม้เราละโลกไปแล้ว เสวยทิพยสมบัติอยู่ในสวรรค์ บุญก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกยาวนาน เรียกว่าคุ้มเกินคุ้มยิ่งกว่าโชคสองชั้นเสียอีก เพราะบุญจะอำนวยให้เราได้มนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติและนิพพานสมบัติ

             อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป เมื่อได้อัตภาพของความเป็นมนุษย์นั้น มีอานิสงส์มากมายเกินกว่าที่จะพรรณนาให้จบสิ้น พอจะกล่าวเพียงย่อๆ ได้ ๓ ข้อ ดังนี้

             ๑.ได้รูปสมบัติ (หล่อ สวย) คือทำให้เป็นผู้มีรูปงาม ผิวพรรณวรรณะผ่องใส เป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของผู้ได้พบเห็น มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนยาว ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน

             ๒.ได้ทรัพย์สมบัติ (รวย) ทำให้เกิดในตระกูลสูง จะทำธุรกิจการงานใดก็ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม มีสมบัติใหญ่ไหลมาเทมา เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ

             ๓.ได้คุณสมบัติ (ฉลาด) คือ ทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด รู้แจ้งแทงตลอดในคำสอนของครูอาจารย์ เรียนเร็วบรรลุเร็ว เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรม

             นอกจากนี้ยังทำให้เกิดในตระกูลสัมมาทิฏฐิ มีกำลังใจสูงส่ง และมีอานุภาพที่เกิดจากอำนาจพุทธคุณแผ่คุ้มครองป้องกันภัย สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ทำให้เป็นผู้มีชัยชนะตลอดกาล เป็นที่เคารพกราบไหว้ของมนุษย์และเทวดา ทั้งหลาย เป็นผู้มีจิตใจไม่ตกไปในอกุศลธรรม ใจน้อมไปในการปฏิบัติธรรมเข้าถึงพระธรรมกายได้โดยง่าย

             อานิสงส์สร้างพระ จะทำให้เวียนวนอยู่แต่ในสุคติภูมิอย่างเดียว เมื่อไปบังเกิดในสวรรค์ ก็จะเป็นเทพบุตรเทพธิดาผู้พรั่งพร้อมไปด้วยรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นทิพย์ ได้บริวารสมบัติ ได้อธิปไตยคือความเป็นใหญ่ มีวิมานที่สว่างไสว เมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติและบริวารสมบัติไปตลอดทุกภพทุกชาติ
ซึ่งนอกจากจะมีอานิสงส์มากมายตามที่กล่าวมาแล้ว ยังทำให้ไปตัดรอนวิบากกรรมเก่าที่ตนได้เคยผิดพลาดทำมาตั้งแต่ในอดีตชาติให้เบาบางลงได้อีก

             ....ที่สุดแห่งความหล่อ คือ ได้ลักษณะมหาบุรุษครบถ้วน ๓๒ ประการ

             ....ที่สุดแห่งความรวย คือ ได้มหาสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง

             ....ที่สุดแห่งความฉลาด คือ เป็นผู้รู้แจ้งในศาสตร์ทั้งปวง

             หล่อ รวย สวย ฉลาด สมปรารถนาไปทุกภพทุกชาติ จะเป็นจริงได้ เมื่อท่านทั้งหลายได้มีกุศลจิตศรัทธามาร่วมกันหล่อพระธรรมกายในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๘ ซึ่งเป็นวันคุ้มครองโลก หล่อภายนอกคือการหล่อพระธรรมกายประจำตัว หล่อภายในคือบุญใสๆ ที่เกิดจากการเข้าถึงพระธรรมกายภายในตัว

             เมื่อเรารู้ถึงอานิสงส์ของการสร้างพระธรรมกายประจำตัวประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ จึงไม่ควรที่จะสร้างเฉพาะส่วนตัวแต่เพียงองค์เดียว แต่ควรชักชวนหมู่ญาติและบุคคลอันเป็นที่รัก มาร่วมกันสร้าง ยามใดที่เราอยากกราบไหว้พระบรมศาสดา เราจะได้ตรึกระลึกถึงพระธรรมกายประจำตัว ที่เรามาร่วมหล่อ พร้อมกับสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ และเจริญพุทธานุสติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ นี่ก็เป็นทางมาแห่งบุญใหญ่ที่จะตามติดให้เราหล่อ รวย สวย ฉลาด สมปรารถนา อีกทั้งรวยบุญรวยบารมีเข้าถึงพระธรรมกายไปทุกชาติ ตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม...

             "มา ภิกฺขเว ปุญฺานํ ภายิตฺถ สุขสฺเสตํ ภิกฺขเว อธิวจนํ ปุญฺานิ ฯ

            ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในสังสารวัฏทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญๆ นี้ เป็นชื่อของความสุข"

๑ มก. ปุญญวิปากสูตร เล่ม ๓๗ หน้า ๑๙๒ 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล