ข่าวประชาสัมพันธ์ : กัลยาณมิตร ธรรมะออนไลน์

วันมาฆบูชา วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันที่ 13 กพ. พ.ศ.2557

วันมาฆบูชา

 

วันมาฆบูชา


     วันมาฆบูชา ในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557
ซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 พระบรมศาสดาทรงประชุมพระสาวก ณ
พระวิหารเวฬุวัน ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ประกอบด้วยองค์ 4

 

 

 

         ความสำคัญของวันมาฆบูชา

                    วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 พระบรมศาสดาทรงประชุมพระสาวก ณ พระวิหารเวฬุวัน

     ได้เกิดเหตุ  อัศจรรย์ประกอบด้วยองค์ 4 ดังนี้


              1. เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ ที่เราเรียกว่า"วันอุโบสถ"พระจันทร์เต็มดวง
                 ดวงจันทร์เสวย มาฆฤกษ์
             2. พระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้มีการนัดหมายทางวาจา
                 กล่าวคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ใช้ให้ใครไปเรียกมา
                 แต่ต่างองค์ต่างรู้ด้วยญาณทัศนะของท่าน
                 แล้วก็ต่างองค์ก็ต่างมาจากแต่ละทิศ
             3. พระภิกษุทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์
                 ปราศจากกิเลศเครื่องเศร้าหมอง ทรงอภิญญา มีฤทธิ์ มีตาทิพย์ หูทิพย์
                 ระลึกชาติได้ รู้ใจผู้อื่น
             4. พระภิกษุทั้งหมด ล้วนเป็นเอหิภิกขุ คือ
                 ได้รับอุปสมบทจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อพระภิกษุทั้งหมดมาประชุมพร้อมกันแล้ว
                 พระบรมศาสดาทรงประทานโอวาท ที่เรียกว่า"โอวาทปาติโมกข์"อันเป็นอุดมการณ์
                 หลักการ และวิธีการ ในการเผยแผ่คำสอนของพระองค์ มีดังนี้


          อุดมการณ์

               คือ เป้าหมายสูงสุดของชีวิตชาวพุทธ และของชาวโลกทั้งโลก มีสามข้อ ดังนี้


              1. เกิดเป็นคนต้องอดทนจึงจะได้ดี ถ้าไม่ทนก็เอาดีไม่ได้
                  เพราะว่าพอเกิดมาก็เป็นทุกข์มาตั้งแต่เกิด
                  เมื่อชีวิตเป็นทุกข์ก็ต้องทนอยู่สู้ต่อไป
                  เพราะความอดทนเป็นเครื่องเผาผลาญกิเลสชั้นเยี่ยม
             2. พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทรงสอนเหมือนกันว่า "พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"

                 ทนไปเถิดจะได้ไปพระนิพพาน ถ้าไม่ทนก็ไม่ได้ไป
             3. นักบวชผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่าสมณะเลย
                 ขณะที่ยังไปไม่ถึงนิพพาน ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัว
                 อย่าไปทำบาปเพิ่มอีกเพราะมีกฎแห่งกรรมควบคุมอยู่ ถ้าก่อเวรเพิ่ม
                 ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แสดงว่าไม่อดทน ถ้าไม่อดทนก็ไปไม่ถึงพระนิพพาน

 


              หลักการ

                คือ กฎเกณฑ์สำคัญของชาวพุทธและของชาวโลกทั้งโลก ในการตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ถ้าผิดหลักการก็ไม่ทำ แต่ถ้าไม่ผิดหลักการจึงค่อยทำมี 3 ข้อ คือ

             1. ไม่ทำบาปทุกชนิด จะบาปมากหรือน้อยก็ไม่ทำ
                  เพราะมีกฎแห่งกรรมคอยบังคับอยู่
                  ดังนั้นจะทำอะไรในชีวิตต้องถามตนเองก่อนว่า บาปไหม ถ้าบาปไม่ทำ
             2. ทำความดีให้ถึงพร้อม
                 ความดีอะไรที่มีอยู่ในโลกนี้ถ้ามีโอกาสต้องทำให้เต็มที่
                 เพราะความดีบางอย่าง เราเองก็ไม่มีโอกาสได้ทำ
             3. กลั่นจิตของตนให้ใสตลอดเวลา
                 หมั่นนั่งสมาธิ(Meditation)ทุกวันไม่ให้ขาด
                 เมื่อใจใสมากเข้าจึงจะเห็นพระนิพพานได้

 

             วิธีการ

       คือ แนวทางปฏิบัติตน อันเป็นคุณลักษณะที่ดีของชาวพุทธ และของชาวโทั้งโลก มี 6 ข้อ ดังนี้


               1. พระอรหันต์ หรือ พระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
                   ไม่ว่าร้าย ไม่โจมตี ไม่นินทาใคร เว้นจากความชั่วทางวาจา
               2. ไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียน ไม่ทำให้ใครได้รับความเดือดร้อน
                    เว้นจากความชั่วทางกาย
               3 .สำรวมระวังในศีลและมารยาท ถ้าจะให้ดีต้องมีศีล 227 ข้อ
               4. รู้ประมาณในการบริโภค ต้องฉันโดยรู้จักประมาณ รับมาให้พอประมาณ
                   รับมาพอแค่ประทังชีวิต
               5. เลือกนอนเลือกนั่งในที่สงบ
                    ต้องเลือกนั่งและนอนในที่สงบจะได้มีโอกาสในการบำเพ็ญเพียร
               6. รักษาใจให้ใสอยู่ตลอดเวลา โดยการทำสมาธิในทุกอิริยาบถทั้ง ยืน เดิน นั่ง นอน

 

        เราได้เรียนรู้ความหมายและความสำคัญในวันมาฆบูชา
เฉพาะที่เป็นหัวข้อหลักใหญ่ๆมาแล้ว ดังนั้น
จึงขอเชิญท่านผู้มีบุญได้ชวนบุคคลอันเป็นที่รัก
มาร่วมจุดโคมมาฆประทีปเป็นพุทธบูชา ณ ลานธรรมมหาธรรมกายเจดีย์
วัดพระธรรมกาย โดยพร้อมเพียงกัน

 

 

 

                       กำหนดการวันมาฆบูชา


                               - พิธีบูชาข้าวพระ
                             - พิธีมอบโล่พระราชทานฯ ทางก้าวหน้า ครั้งที่ 32
                             - พิธีมอบโล่วัชรเกียรติยศโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมเพื่อสันติภาพโลก(World-PEC)

                                ครั้งที่ 8
                             - พิธีเวียนประทักษิณ และจุดมาฆประทีป  วันศุกร์ที่ 14  กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2557

 


          ประกาศแจ้งข่าวเลื่อนพิธีบูชาข้าวพระ


            พิธีภาคเช้า ตักบาตร บริเวณลานธรรม ทิศใต้ มหาธรรมกายเจดีย์
 

            06.40 น. เริ่มพิธีตักบาตร
 

            08.30 น. เสร็จพิธีตักบาตร

 

            พิธีภาคสาย ปฏิบัติธรรม / พิธีบูชาข้าวพระ /พิธีกล่าวคำถวายทองคำ เพื่อหล่อรูปเหมือน
            คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง / พิธีกล่าวคำถวายดวงประทีป / พิธีกล่าวคำถวาย
            ภัตตาหารเป็นสังฆทาน


           08.30-08.50 น. สาธุชนร่วมสวดมนต์ทำวัตรเช้า
 

           09.30 น.           ประธานสงฆ์ เดินทางมาถึงศูนย์กลางพิธี
 

           11.00 น.         - ผู้แทนสาธุชนผู้มีบุญ นำกล่าวคำถวายทองคำ
                                   เพื่อหล่อรูปเหมือนคุณยายอาจารย์มหารัตน อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
                                 - ผู้แทนสาธุชน นำกล่าวคำถวายดวงประทีป
                                 - ผู้แทนสาธุชน นำกล่าวคำถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน

 

           11.15 น.           เสร็จพิธีภาคเช้า

           พิธีภาคบ่าย / พิธีมอบโล่พระราชทานฯ ทางก้าวหน้า ครั้งที่ 32 / พิธีมอบโล่วัชรเกียรติยศ
           โครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมเพื่อสันติภาพโลก (World-PEC) ครั้งที่ 8 หน้ารัตนบัลลังก์

 

           13.00-13.15  น. พิธีอัญเชิญ  "โล่พระราชทาน และโล่เกียรติยศทางก้าวหน้า จำนวน 19 โล่
                                     และโล่วัชรเกียรติยศ" จำนวน 8 โล่

 

           14.50 น.             เสร็จพิธีมอบโล่พระราชทานฯ ทางก้าวหน้าครั้งที่ 32 และพิธีมอบโล่วัชรเกียรติยศ World-                                     PEC ต่างประเทศ ครั้งที่ 8 ปฏิบัติธรรม / รับถวายปัจจัยบูชาธรรม
 

           15.00 น.             ประธานสงฆ์ เดินทางมาถึงศูนย์กลางพิธี
 

           15.30 น.           - รับถวายปัจจัยบูชาธรรม
                                   - กล่าวให้โอวาท / นำบูชาพระรัตนตรัย

 

           15.45 น.             เสร็จพิธี

          พิธีภาคค่ำ พิธีเวียนประทักษิณ / จุดมาฆประทีป  ณ  มหาธรรมกายเจดีย์
 

            17.50 น. คณะสงฆ์ และสาธุชนพร้อมบริเวณศูนย์กลางพิธี
 

            20.00 น. เสร็จพิธีภาค สาธุชนผู้มีบุญ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

 

             พิธีตักบาตร
                       งานบุญวันมาฆบูชาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู  ด้วยการตักบาตรที่ลาน ธรรมมหาธรรมกายเจดีย์ สาธุชนหลายหมื่นจะเดินทางมาตักบาตรกันตั้งแต่เช้า  เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมชาวพุทธที่ดีงาม ภาพพระภิกษุจำนวนมากเดินแปร แถวอย่างงดงาม จะยังความปลื้มปีติให้บังเกิดขึ้นกับทานบดีทุกคนที่ได้  มาเยือนผืนแผ่นดินที่แสงธรรมได้สาดส่องเรืองรองฉลองการบรรพชาอุปสมบทหมู่ครั้งประวัติศาสตร์ในปีนี้ ดังที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้กล่าวไว้ว่า ภาพอันใดจะงดงามเกินกว่าภาพมหาชนได้ร่วมกันสร้างความดี  ภาพเหล่านี้จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่จะจารึกลงไปที่กลางใจอัน  ชุ่มเย็นไปด้วยกระแสบุญที่หลั่งไหลตลอดทั้งวัน


            ปฏิบัติธรรม/ถวายสังฆทาน

                     ภาคสายพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)  เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะได้เมตตานำสาธุชนสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย และนำปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เพื่อกลั่น กาย วาจา และใจให้ใส  พร้อมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ที่จะบังเกิดขึ้นในวันนี้ จากนั้นผู้แทนสาธุชนก็จะได้นำกล่าวภวายภัตตาหาร  เป็นสังฆฑานให้กับคณะสงฆ์หมู่ใหญ่สืบต่อไป

 

                               พระมังคลพุทธเจ้า   อานิสงส์การจุดประทีปเป็นพุทธบูชา

 

            อานิสงส์การจุดประทีปเป็นพุทธบูชา

                           การจุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชานั้น มีอานิสงส์มากมาย
              ทำให้เกิดทิพยวิมาน ทิพยสมบัติ และได้เสวย ทิพยสมบัติตลอดกาลนาน
              และเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้อานิสงส์ ดังนี้

             1. ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เป็นผู้รู้คุณของพระรัตนตรัย
                 มีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย เป็นเหตุให้ได้สร้างบารมียิ่งๆขึ้นไป

             2. เป็นคนมีความเคารพ มีสัมมาคาราวะต่อพระรัตนตรัย     
                  ต่อบิดามารดา อุปัชฌาย์ อาจารย์

             3. เป็นผู้มีดวงตาสดใส สวยงาม มองเห็นได้ชัดเจน
                  มองเห็นได้ไกล เห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

             4. ทำให้ได้ทิพยจักษุ คือ มีตาทิพย์ เห็นภพภูมิอันเป็นทิพย์
                 ทำให้เกิดสัมมาทิฐิชัดเจนยิ่งขึ้น

             5. มีผิวพรรณผ่องใส เป็นที่เลื่อมใสต่อมหาชน
                 ใครเห็นแล้วก็สบายใจอยากเข้าใกล้คบหาพูดคุยด้วย

             6. มีรัศมีกายสว่างไสว มีสติสัมปชัญญะ ไม่ประมาทในชีวิต
                 ทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

             7. ทำให้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ปฏิภาณว่องไว
                 แตกฉานในสรรพวิชาทั้งทางโลกและทางธรรม

             8.ไม่ไปเกิดในอบายภูมิ คือ ในกำเนิดสัตว์นรก เปรต อสูรกาย
                 และสัตว์เดรัจฉาน

             9. ทำให้เมื่อปฏิบัติธรรมก็จะบรรลุธรรมได้เร็ว ไม่ลำบากนาน
                 บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่าย

             พระมังคลพุทธเจ้า   อานิสงส์การจุดประทีปเป็นพุทธบูชา

 

 พระมังคลพุทธเจ้า
 

             อานิสงส์ของการจุดโคมประทีปเป็นพุทธบูชา มีมากมายมหาศาล
             พอยกตัวอย่างได้ดังเรื่องของพระมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า  ผู้มีรัศมีกายแผ่ออกไปโดยรอบตลอดหมื่นโลกธาตุเป็น เรื่องมีอยู่ว่า...ในสมัยหนึ่ง พระบรมโพธิสัตว์มังคลได้เสวยพระชาติเป็นมานพหนุ่ม  ท่านได้เห็นพระเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งแล้วเกิดจิตศรัทธาเลื่อมใสอย่างยิ่ง ท่านจึงคิดว่า "เราจะบูชาพระเจดีย์ด้วยการถวายประทีปเป็นพุทธบูชา...ด้วยชีวิต  จากนั้น ท่านจึงได้พันร่างกายด้วยไส้ประทีป แล้วชุบเนยใสจนชุ่ม ดุจพันประทีปคบเพลิง แล้วนำถาดทองคำใบใหญ่มีราคาแสนกหาปณะ ใส่เนยใสเต็มถาดพร้อมกับบรรจุไส้สำหรับจุดประทีปแล้วจุดประทีปทูลไว้บนศีรษะ  จากนั้นก็จุดประทีปที่ร่างกายให้ไฟสว่างไสวลุกโพรง

              ครั้นแล้ว  พระบรมโพธิสัตว์มังคลจึงเริ่มเดินเวียนประทักษิณเป็นพุทธบูชารอบพระเจดีย์  ท่านได้เดินเวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งถึงเช้า ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ตั้งใจบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เส้นขนแม้เพียงเส้นเดียว  เปลวไฟอันร้อนแรงก็ไม่สามารถทำให้ไหม้ได้ พระบรมโพธิสัตว์มังคลได้ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาต่อพระเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ขึ้นชื่อว่า ธรรม ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ย่อมนำสุขมาให้  ผู้มีปกติประพฤติธรรมย่อมไม่ไปสู่ทุคติ ด้วยอานิสงส์ที่ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา  โดยการจุดประทีปในครั้งนั้น  ทำให้พระมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้ามีรัศมีแผ่ออกจากพระวรกาย  ไปโดยรอบตลอดหมื่นโลกธาตุเป็นนิจ

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล