อานิสงส์บูชาพระรัตนตรัยด้วยรัตนชาติ

วันที่ 11 พย. พ.ศ.2558

อานิสงส์บูชาพระรัตนตรัยด้วยรัตนชาติ
 

อานิสงส์บูชาพระรัตนตรัยด้วยรัตนชาติ

 

     มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาความสุข ความอบอุ่นใจและความปลอดภัยในชีวิต ทุกคนพยายามเสาะแสวงหาที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง แต่หลายชีวิตก็ยังหาไม่พบว่า  ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงนั้นคือสิ่งใด อยู่ที่ตรงไหน จะเข้าถึงได้ด้วยวิธีการใด จึงแสวงหากันอย่างวุ่นวาย เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบาก แต่ถ้าหากทุกคนในโลกได้รู้จักที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดว่าคือพระรัตนตรัย และมีโอกาสได้ประพฤติปฏิบัติธรรม จนกระทั่งกาย วาจา ใส  สะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส ตั้งมั่นอยู่ในกลางธรรมกาย เต็มเปี่ยมไปด้วยสติและปัญญาบริสุทธิ์  เมื่อทำได้เช่นนี้ ชีวิตของทุกคนก็จะเจริญรุ่งเรือง จะปลอดภัยทั้งโลกนี้และโลกหน้า


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ ในรตนสูตรว่า  
 

“ยงฺกิญฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา
สคฺเคสุ วา ยํ รตนํ ปณีตํ
น โน สมํ นตฺถิ ตถาคเตน
อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ
เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ


     ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้น เสมอด้วยพระตถาคตไม่มีเลย พุทธรัตนะแม้นี้ เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยสัจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย”
 
     ปัจจุบันนี้ รัตนชาติในเมืองมนุษย์เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก เพราะบุญในตัวของมนุษย์มีไม่เพียงพอที่จะดึงดูดสมบัติเหล่านั้นมาใช้ได้ จึงไปอยู่กับผู้มีบุญ ไปอยู่กับเทวดาบ้าง นาคบ้าง ยักษ์บ้าง ซึ่งเขาครอบครองดูแลรักษาเอาไว้  อย่างในนาคพิภพก็มีรัตนชาติมากมายมหาศาล เกิดขึ้นด้วยอำนาจบุญของพญานาคราช โดยเฉพาะแก้วไพฑูรย์ในวังบาดาลจะมีมากเป็นพิเศษ  รัตนชาติที่อยู่ในครอบครองของพวกยักษ์ ครุฑ และคนธรรพ์ก็มีมากมาย เป็นสิ่งที่บันดาลให้สมความปรารถนาได้ดั่งใจ ถ้ามีมากจะเป็นผู้ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสมบัติต่างๆ จะมีความสุขความปลื้มปิติใจที่ได้ครอบครอง 
 
     โดยทั่วไปตั้งแต่สมัยโบราณ เวลาเราพูดถึงแก้ว ถึงสิ่งที่ดีงาม พูดแล้วทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี มีความสบายใจ ใจใสเป็นบุญเป็นกุศล หรือเวลาจะยกย่องเชิดชูใคร ก็มักใช้คำว่า “แก้ว” ต่อท้าย  เพราะเป็นคำที่ฟังแล้วทำให้ใจสูงขึ้น เช่น คำว่าพ่อแก้ว แม่แก้ว  อุบาสกแก้ว หรืออุบาสิกาแก้ว คำว่าแก้ว  ภาษาบาลีท่านใช้คำว่า “รัตนะ” เป็นคำที่สูง  เป็นคำที่ยกใจผู้ฟังให้สูงขึ้น บริสุทธิขึ้น แต่แก้วหรือรัตนภายนอก ไม่ว่าจะเป็นรัตนชาติ หรือรัตนะ ๗ ประการของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็ไม่อาจเทียบค่าได้กับพระรัตนตรัย  ซึ่งเป็นรัตนภายใน  เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย 
 
     มนุษย์ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าพระรัตนตรัยคืออะไร อยู่ที่ตรงไหน และจะเข้าถึงได้อย่างไร เมื่อไม่รู้จึงแสวงหาสิ่งนอกตัวเรื่อยไป แต่พวกเราทั้งหลายนับว่าเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐ เกิดมาแล้วได้ทราบว่า พระรัตนตรัยคือพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ  ท่านสิงสถิตอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของทุกๆ คน  หากฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งจนเข้าถึง และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่านได้ เราจะปลื้มใจ อิ่มอกอิ่มใจ จะรู้สึกอบอุ่นใจ และปลอดจากภัยทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นภัยในโลกนี้ ภัยในอบายภูมิ หรือภัยในสังสารวัฏ ชีวิตของเราจะไม่มีวันตกต่ำ หรือพลัดหลงไปตกในอบายภูมิเลย จะมีสุคติภูมิเป็นที่ไปอย่างเดียว 
 
     
* ในสมัยของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงมีพระชนมายุถึงหนึ่งแสนปี  มนุษยในยุคนั้นมีร่างกายใหญ่โต สมบูรณ์แข็งแรง อายุยืน กันทั้งนั้น  เวลาที่พระพุทธองค์แสดงธรรมแต่ละครั้ง เหล่าเวไนยสัตว์ผู้มีบุญได้ตรัสรู้ธรรมตามพระองค์นับไม่ถ้วน  ทำให้สรรพสัตว์ไปสู่สวรรค์นิพพานเป็นอันมาก เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว  พุทธศาสนิกชนได้ช่วยกันสร้างพระเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสูงถึง ๑ โยชน์ และสร้างด้วยวัตถุธาตุที่มีค่ามากที่สุดในโลก  นั่นคือเอารัตนชาติ นำมาร่วมสร้างถวายเป็นพุทธบูชา  เพราะตระหนักถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ที่เสด็จอุบัติขึ้น เพื่อประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย  มาขจัดความมืดมิดคืออวิชชาให้หมดสิ้นไป ให้มนุษย์ได้รู้คุณค่าของชีวิตและวิธีดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องดีงาม 
 
     เพราะฉะนั้น ใครมีรัตนชาติชนิดไหนก็ขนกันมาร่วมบุญ โดยไม่มีความตระหนี่หลงเหลืออยู่ในใจเลยแม้แต่น้อย  ผู้มีบุญทั้งหลายในกาลก่อน เขามีความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยมากถึงเพียงนี้ มีสมบัติแล้วไม่ได้ตระหนี่หวงแหนเอาไว้  เพราะมองเห็นว่า สิ่งที่ทรงคุณค่ายิ่งกว่ารัตนชาตินั้นยังมีอยู่  คือพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย ส่วนรัตนชาติที่มีอยู่ ให้ความปลื้มปิติใจและให้ประโยชน์ เฉพาะผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น  ถ้าหากนำรัตนชาติมาบูชาพระรัตนตรัย ประโยชน์อันยิ่งใหญ่ก็จะบังเกิดขึ้นทั้งแก่ตนเองและมวลมนุษยชาติอีกนับไม่ถ้วน 
 
     ชาวพุทธสมัยนั้น ได้พร้อมใจกันเป็นสมานฉันท์ สร้างพระเจดีย์สูง ๑โยชน์  โดยแบ่งออกเป็น ๗ ชั้น ชั้นที่ ๑  สร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์  ชั้นที่ ๒ ด้วยแก้วมณี  ชั้นที่ ๓ เป็นเงินล้วนๆ  ชั้นที่ ๔ เป็นแก้วผลึก  ชั้นที่ ๕  ทำด้วยแก้วทับทิม ชั้นที่ ๖ เป็นแก้วแพรวพราวคล้ายเพชรตาแมว  ชั้นบนสุดทำด้วยรัตนะที่มีค่าที่สุด ส่วนทางเดินก็ทำด้วยแก้วมณี  
 
     ในสมัยนั้นพวกเทวดาเห็นมนุษย์กำลังเอาบุญใหญ่กัน ก็พากันมาประชุมปรึกษาหารือกันว่า  บัดนี้พวกมนุษย์ได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยการสร้างพระเจดีย์เป็นพุทธบูชา  เราก็ควรจะมีส่วนร่วมในบุญใหญ่ครั้งนี้ด้วย  จึงเนรมิตเจดีย์สูง ๑ โยชน์ซ้อนเจดีย์ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นครั้งแรก ให้เป็นเจดีย์ที่สำเร็จด้วยรัตนะ ๗ ประการล้วนๆ  พระเจดีย์จึงสูง ๒ โยชน์  งดงามสว่างไสวขจัดความมืดมิดให้หมดไป เหล่านาคก็อยากได้บุญบ้าง จึงพากันเนรมิตเจดีย์สูงขึ้นไปอีกเป็นโยชน์ที่ ๓  ใช้อานุภาพของพญานาค ทำให้เป็นเจดีย์สำเร็จด้วยแก้วอินทนิล แก้วมหานิลและแก้วมณี  มีรัศมีโชติช่วงสว่างไสวสวยงามมาก
 
     ต่อมาพวกครุฑได้พร้อมใจกันสร้างเจดีย์ให้สูงขึ้นไปอีกเป็นโยชน์ที่ ๔ โดยใช้แก้วมณีล้วนๆ ทำถวายเป็นพุทธบูชา พวกกุมภัณฑ์ได้ประชุมปรึกษากันเป็นสมานฉันท์ แล้วพร้อมใจกันสร้างเจดีย์ให้สูงขึ้นไปอีกเป็นโยชน์ที่ ๕ โดยใช้รัตนะล้วนๆ มาร่วมสร้างพระเจดีย์  ทำให้เกิดความสว่างไสวมากยิ่งขึ้นเป็นพิเศษ พวกยักษ์พร้อมใจกันสร้างพระเจดีย์ให้สูงขึ้นไปอีก ๑ โยชน์ ด้วยแก้วผลึก  
 
     เหล่าคนธรรพ์เห็นดังนั้นก็อยากได้บุญบ้าง ได้มาประชุมร่วมปรึกษากันว่า ชาวมนุษย์ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ และยักษ์  พากันสร้างพระพุทธเจดีย์แล้ว  ถ้าพวกเราไม่ได้สร้างเลยก็นับว่าเป็นผู้ประมาทอย่างยิ่ง จึงพร้อมใจกันสร้าง โดยใช้ทองคำล้วนๆ ให้สูงขึ้นไปอีก ๑ โยชน์  ทำให้มหาเจดีย์สว่างไสวทั้งกลางคืนและกลางวัน 
 
     รัศมีของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ไม่สามารถครอบงำรัศมีของมหาเจดีย์ที่สว่างไสวเรืองรองด้วยรัตนชาติ  แสงสว่างนั้นส่องสว่างออกไปทุกทิศทุกทางไกลถึง ๑๐๐ โยชน์  ใครได้พบเห็นหรือได้นมัสการมหาเจดีย์ก็สามารถทำใจให้หยุดนิ่ง เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้อย่างง่ายดาย ความปลื้มปีติศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าที่มีอยู่แล้ว ก็เพิ่มพูนมากขึ้นเป็นทับทวี  ด้วยอานุภาพแห่งความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอันไม่มีประมาณในครั้งนั้น ส่งผลให้มนุษย์ได้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้บนสวรรค์หนาแน่นไปด้วยเหล่าเทพบุตรเทพธิดา ส่วนในนรกก็เป็นประหนึ่งว่าจะร้างทีเดียว 
 
     นักสร้างบารมีในยุคสมัยก่อนเขาสั่งสมบุญกันชนิดทุ่มสุดฤทธิ์สุดเดช เพราะเล็งเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ จึงทำให้ไม่มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์สมบัติ ใจนั้นกว้างขวาง มีแต่ความปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก อยากให้ทุกคนเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ชีวิตทั้งชีวิตจึงอุทิศให้กับพระรัตนตรัย สิ่งที่ได้กลับคืนมานั้นก็คุ้มค่าเกินกว่าที่เราคาดคะเนได้
 
     เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้  สำคัญยิ่งกว่าการแสวงหาทรัพย์สมบัติภายนอกหรือสิ่งใดๆ ในโลก นั่นก็คือให้คิดว่า ทำอย่างไรเราจะเข้าถึงพระรัตนตรัย เข้าถึงพุทธรัตนะซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา  ท่านนั่งขัดสมาธิ(Meditation)คู้บัลลังก์สถิตอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของพวกเราทุกคน เข้าถึงธรรมรัตนะคือดวงธรรม ที่ซ้อนอยู่ในกลางพุทธรัตนะ และสังฆรัตนะ ซึ่งเป็นกายธรรมที่มีความละเอียดประณีตซ้อนๆ กันเข้าไปภายใน  เข้าไปพบกับผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งภายใน  ชีวิตเราจะได้ปลอดภัย ความปีติจะบังเกิดขึ้นยิ่งกว่าการได้เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกเสียอีก  ตรงตำแหน่งศูนย์กลางกายนี่แหละ เป็นจุดที่จะพลิกผันวิถีชีวิตจากปุถุชนให้มาเป็นพระอริยเจ้าผู้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ  เป็นผู้ที่อยู่เหนือโลก ที่เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต ฉะนั้น ให้ทุกท่านหมั่นฝึกฝนใจ ให้หยุดนิ่งเป็นประจำสมํ่าเสมอ ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในกันให้ได้ทุกๆ คน

 

พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๘๔

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0016913493474325 Mins