"สัตวโลกอันความตายครอบงำไว้ อันความชราห้อมล้อมไว้ วันคืนได้ล่วงไปๆ เหมือนด้ายที่กำลังถูกทอ ช่างหูกทอไปได้เท่าใด ส่วนที่จะต้องทอก็เหลือน้อยลงไปฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม่น้ำที่เต็มฝั่ง ย่อมพัดพาเอาต้นไม้ที่เกิดอยู่ริมฝั่งให้หักโค่นไปฉันใด สัตว์ทั้งหลายย่อมถูกชราและความตายพัดพาไปฉันนั้น"... มก. ปิงคิยมาณพ เล่ม ๖๗ หน้า ๔๑๗
วันคืนที่ล่วงไปๆ ทำให้ชีวิตเราเหลือน้อยลงไปทุกที และก็ไม่รู้ว่าวันใดเราจะต้องเผชิญหน้ากับความตาย ตอนนั้นจะต้องเดินทางไกลไปสู่สัมปรายภพ เราก็จะต้องมีหลักของชีวิต เพราะเวลานั้นเป็นการเข้าสู่สมรภูมิชิงภพ สุคติหรือทุคติก็อยู่ที่เรา ถ้าใจผ่องใสไม่เศร้าหมอง ก็มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป ถ้าใจเศร้าหมองไม่ผ่องใสก็ตรงกันข้าม นี่เป็นเรื่องความจริงของชีวิตและสำคัญมาก เพราะชีวิตหลังจากตายแล้ว อายุยืนยาวนานกว่าชีวิตในเมืองมนุษย์ เป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านเป็นกัป หลายๆกัปปี ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
สิ่งที่ใครๆไม่ปรารถนาจะเจอนี้ จะต้องมาถึงเราไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี ฝึกไว้ ถ้ากลัวความตาย ต้องหันหน้ามาพิจารณาความตายและสั่งสมบุญไว้มากๆ ด้วยการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แล้วความกลัวตายก็จะหมดสิ้นไป
พุทธพจน์ สอนใจ
จากส่วนหนึ่ง ของ รายการธรรมะเพื่อประชาชน
โดย พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธมฺมชโย)